สำหรับข้อกังขาที่อยู่ภายในใจของเซี่ยเสี่ยวหลาน ผ่านไปสองสัปดาห์เต็ม กลับไม่ได้รับการอธิบายอะไรเลย
ไม่ว่าวิชาของอาจารย์คนไหน หลังเลิกเรียนจะมีกลุ่มคนรีบเข้าไปร้องขอการตอบคำถามเพื่อคลายความสงสัย เซี่ยเสี่ยวหลานจะกล้านำเื่ขี้ประติ๋วที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเรียนพวกนี้ไปถามต่อหน้าธารกำนัลเสียที่ไหน
สองสัปดาห์แรกของการเปิดภาคเรียน คือการปล่อยให้นักศึกษาใหม่ทำความคุ้นเคยกับสาขาวิชาสถาปัตยกรรม แทบไม่มีการเรียนเกี่ยวกับความรู้ทางวิชาชีพที่แท้จริง หลังจากนั้นเธอก็ยังไม่ได้รับจดหมายตอบกลับจากโจวเฉิงอยู่ดี ระยะทางแค่ไม่กี่สิบลี้ จดหมายนี้ถูกส่งไปถึงที่ไหนแล้ว?
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้สะสางเื่ราวในมหาวิทยาลัยทางนี้
การฝึกทหารเริ่มขึ้นแล้ว
หยางหย่งหงพี่ใหญ่ประจำห้องร่าเริงเหลือล้น
“พอฝึกทหารเสร็จกลับมาก็ฉลองวันชาติ ได้ยินว่ามหาวิทยาลัยจัดขบวนเดินสวนสนามสำหรับงานครบรอบวันชาติ 35 ปี เด็กใหม่ปีหนึ่งอย่างพวกเราจะตามทันไหม? ไม่เคยเรียกพวกเราซ้อมเลยสักครั้ง!”
เซี่ยเสี่ยวหลานประหลาดใจที่หยางหย่งหงอยากเข้าร่วมการเดินขบวนนี้ คนตั้งราวสองพัน รวมตัวกันประกอบเป็รูปร่างออกมา มีความหมายอะไร?
หยางหย่งหงดูงุนงง “การเดินขบวนจะผ่านเทียนอันเหมิน เทียนอันเหมินเชียวนะเธอไม่รู้สึกอะไรเลยหรือ? พวกเราไปเฉลิมฉลองให้ประเทศชาติ ไปรำลึกถึงท่านผู้นำที่ยิ่งใหญ่! คนที่หมู่บ้านและที่เขตของฉันจะได้เห็นฉันจากโทรทัศน์ และทุกคนจะภาคภูมิใจที่ฉันได้เดินขบวนหน้าจัตุรัสเทียนอันเหมิน!”
“เธอสอบเกาเข่าได้เป็ที่หนึ่งของเขตเธอนะ ไม่ได้ออกโทรทัศน์ให้คนในหมู่บ้านเธอภูมิใจสักหน่อยรึ?”
่นั้นเซี่ยเสี่ยวหลานโด่งดังอยู่พักหนึ่งทีเดียว มีทั้งการสัมภาษณ์ของสถานีโทรทัศน์มณฑลและการสัมภาษณ์ของสำนักหนังสือพิมพ์มณฑล
หยางหย่งหงถามเธอกลับ “เขตที่เธออยู่มีสถานีโทรทัศน์ด้วยหรือ? ดีจริงๆ นะ เขตฉันมีแค่สถานีวิทยุหนึ่งที่ ทั้งหมู่บ้านพวกฉันมีโทรทัศน์เครื่องเดียวเอง!”
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่กล้าพูดอะไรต่อแล้ว
เธอไม่ได้ใส่ใจด้วยซ้ำว่าเขตอันชิ่งมีสถานีโทรทัศน์หรือไม่
ผู้ที่สัมภาษณ์เธอคือสถานีโทรทัศน์ประจำมณฑล เช่นนั้นเขตอันชิ่งจะไม่มีสถานีโทรทัศน์จริงๆ หรือ?
เมื่อครั้งที่โจวเฉิงส่งไว่ฮุ่ยเชวี่ยนให้ หลี่เฟิ่งเหมยไม่ซื้อเครื่องซักผ้าแต่้าซื้อโทรทัศน์ เซี่ยเสี่ยวหลานยังคงคิดว่าเครื่องซักผ้าใช้งานจริงได้ดีกว่า เธอไม่คาดหวังกับรายการโทรทัศน์ในยุค 80 และเธอไม่ค่อยเข้าใจความตื่นเต้นของหยางหย่งหงสักเท่าไรด้วยซ้ำ แต่เธอรู้ดี ความรักอันแรงกล้าต่อแผ่นดินและความเทิดทูนต่อผู้นำที่ยิ่งใหญ่ของคนยุค 80 นั้นบริสุทธิ์อย่างแท้จริงเพียงใด!
ั้แ่เฉินวั่งต๋าหลั่งน้ำตาที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน จนถึงหยางหย่งหงมุ่งหมายจะเป็หนึ่งในผู้เดินขบวนสวนสนามพันคนหน้าจัตุรัสเทียนอันเหมินประจำวันชาติ ความรู้สึกร่วมของเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้เข้มข้นขนาดนั้น ทว่าเธอเคารพจิตใจที่ซื่อสัตย์อย่างสุดซึ้งเช่นนี้ยิ่งนัก
“ถ้าอย่างนั้น ฉันไปถามอาจารย์ที่ปรึกษาให้ไหม?”
หยางหย่งหงส่ายหน้า “ช่างเถอะ ไม่น่าจะมีนักศึกษาใหม่แน่เลย”
ข้ออ้างทั้งนั้น หยางหย่งหงลำบากใจที่จะไปถามมากกว่า
ทางมหาวิทยาลัยแจ้งเวลาออกเดินทางไปฝึกทหารแล้ว ทุกคนเริ่มจัดสัมภาระ เครื่องแต่งกายสำหรับฝึกทหารซื้อั้แ่ตอนเข้ามหาวิทยาลัย เครื่องแบบชุดนี้ต้องประคองใส่ถึงสองสัปดาห์เต็ม สิ่งที่ต้องเตรียมไปคือชุดชั้นในสำหรับเปลี่ยน
ผู้หญิงพิถีพิถันในเื่พวกนี้มากทีเดียว สบู่ก้อนสำหรับซักผ้าและสบู่หอมสำหรับอาบน้ำ
ส่วนของใช้สำหรับสระผมนั้น ต่อให้เป็เซี่ยเสี่ยวหลานก็ได้ใช้แค่ครีมสระผมนกนางนวลกับครีมบำรุงผมเฟิงฮวา ในปี 84 นี้ถือว่าเป็ของชั้นยอดแล้ว นอกยากนี้ยังมีแชมพูสระผม หรือแชมพูเหลวที่แบ่งขายเป็ถัง ระดับรองลงมาก็คือผงด่างหรือสบู่เด็ก วิธีโบราณอย่างการสระผมโดยน้ำจ้าวเจี่ยว [1] และน้ำถ่านไม้ แม้แต่บ้านเกิดของหยางหย่งหงก็แทบไม่มีคนใช้แล้ว
อาจารย์คงไม่ได้สงสัยและเพิกเฉยเธอเพียงเพราะข่าวลือเล็กๆ น้อยๆ อย่างแน่นอน เซี่ยเสี่ยวหลานเองก็ไม่้าปลีกตัวออกจากมวลชน เธอไม่ได้มาหัวชิงเพื่อโดดเดี่ยวไร้มิตรเสียหน่อย
เธอตัดสินใจลดมาตรฐานการใช้ชีวิตของเธอลงสักหน่อยด้วยตัวเอง บางทีการทำเช่นนี้อาจช่วยขจัดช่องว่างอันห่างเหินระหว่างตัวเธอและเพื่อนนักศึกษาคนอื่นๆ
ตามเื่เล่าลือจากปากซูจิ้ง ในการประชุมวิถีชีวิตประชาธิปไตยของคณะ มีคนกล่าวถึงปัญหาลักษณะการใช้ชีวิตของนักศึกษาใหม่แล้ว แม้ไม่ได้บอกชื่อ ‘เซี่ยเสี่ยวหลาน’ อย่างไรเสียก็พูดถึงว่ามีนักศึกษาที่อาบน้ำวันละสองหน ถนิมสร้อยเกินพอดี ทั้งเปลืองน้ำและเปลืองเงิน... เซี่ยเสี่ยวหลานอยากด่าเหลือเกิน เป็ใครกันแน่ที่กินอิ่มท้องไม่มีงานการทำจนจับจ้องเธอไม่วางตา มิเช่นนั้นจะรู้ได้อย่างไรว่าเธอเข้าโถงอาบน้ำวันละสองหน?
เธอมองเพื่อนร่วมห้อง เพื่อนร่วมชั้น ทุกคนล้วนทุ่มเทกำลังให้กับการเรียนเต็มที่ ดูไม่เหมือนพวกที่จะสนใจเื่แบบนี้นี่นา!
เธอไม่อยากแก้ไขความเคยชินในการวิ่งออกกำลังกาย ดังนั้นเซี่ยเสี่ยวหลานจึงตัดสินใจย้ายการวิ่งออกกำลังกายไปยังตอนเย็นแทน เช่นนี้ก็ลดการอาบน้ำลงได้หนึ่งครั้ง
หลังรู้ตัวว่าถูกคนอื่นจับตามอง เซี่ยเสี่ยวหลานตัดสินใจหยุดแผนที่จะซื้อนาฬิกาข้อมือไว้ชั่วคราว
สัปดาห์แรกที่เข้ามหาวิทยาลัย บริเวณของหัวชิงกว้างใหญ่เสียขนาดนั้น เซี่ยเสี่ยวหลานอยากซื้อจักรยาน เพื่อนร่วมห้องพักหลายคนก็อยากซื้อเหมือนกัน ซูจิ้งกับลฺหวี่เยี่ยนขี่จักรยานมาจากบ้าน ส่วนคนอื่นๆ คิดจะซื้อมือสอง
“ถูก แถมไม่ต้องกลัวโดนขโมย! รุ่นพี่ปีสองบอกฉันมาน่ะ”
พอโจวลี่ิ่พูดแบบนี้ เซี่ยเสี่ยวหลานก็คิดว่ามันสุดแสนจะมีเหตุผลอะไรปานนี้! ทุกคนเขาซื้อจักรยานเก่ากัน ทำไมเธอต้องซื้อคันใหม่ จะสะดุดตาเหมือนนกกระเรียนท่ามกลางฝูงไก่อีกมิใช่รึ?
เซี่ยเสี่ยวหลานเลือกไปเลือกมา เธอจ่ายเงิน 50 หยวนซื้อจักรยานมือสองหนึ่งคัน
จักรยานยี่ห้อเฟิ่งหวงหรือหยงจิ่วหนึ่งคันราคาสองสามร้อยหยวน จักรยานเก่าราคาเพียง 50 หยวนเท่านั้น เดาได้ไม่ยากเลยว่ามันถูกใช้งานจนกลายเป็สภาพใดแล้ว หลังซื้อมาก็ส่งไปให้ช่างซ่อมรถตรวจสอบก่อน ถ้าควรเปลี่ยนล้อก็เปลี่ยนล้อเสีย อีกทั้งต้องติดตั้งตระกร้ารถไว้ด้านล่างด้ามจับด้วย อันที่จริงเหลือเพียงวงล้อด้านหลังเท่านั้นที่ยังไม่ได้เปลี่ยน ช่างซ่อมรถกระอักกระอ่วนเล็กน้อย “อะไหล่พวกนี้ฉันเก็บรวบรวมไว้นานมาก พอสำหรับประกอบจักรยานคันใหม่เชียวล่ะ คิดเธอ 70 หยวนแล้วกัน เธอวางใจได้ ฉันไม่เอาเปรียบเธอหรอก ฉันจะทาสีให้เธอด้วย รับประกันว่าส่งจักรยานคืนให้เธอในสภาพใหม่เอี่ยมอ่องแน่ ไม่ด้อยกว่าจักรยานที่เพิ่งออกจากโรงงานเลยล่ะ!”
การซ่อมจักรยานถือว่าเป็งานเลี้ยงชีพที่ทำเงินได้ดีอย่างหนึ่งในยุคนี้ ปะยางหนึ่งครั้งห้าเหมา เซี่ยเสี่ยวหลานขอให้ช่างเปลี่ยนเป็ยางคุณภาพดีให้ทั้งสองเส้น จิปาถะร้อยแปดพันเก้า เก็บค่าซ่อมทั้งหมด 70 หยวนนั้นไม่ถือว่าแพง จักรยานเป็ของหายาก อะไหล่จักรยานจะราคาสูงก็คงไม่แปลกเช่นกัน
ช่างบอกว่าจะออกค่าสีสำหรับทารถจักรยานของเซี่ยเสี่ยวหลานซึ่งประกอบขึ้นจากอะไหล่ต่างๆ คันนี้ให้เหมือนใหม่เอง เซี่ยเสี่ยวหลานลองขี่ดูแล้ว เธอพึงพอใจจักรยานในตอนนี้เหลือเกิน
“ช่างคะ รบกวนคุณแล้ว ไม่ต้องทาสีหรอกค่ะ เอาแบบนี้แหละ!”
“ฉันไม่เก็บค่าสีเธอเพิ่มเสียหน่อย...”
“ไม่ต้องจริงๆ ค่ะ ดีมากแล้ว!”
เซี่ยเสี่ยวหลานจ่ายเงินเสร็จก็ขี่จักรยานจากไปทันที
ถ้าทาสีพลิกโฉมให้เหมือนใหม่ เธอจะซื้อจักรยานเก่าเพื่ออะไรเล่า ไปซื้อคันใหม่เสียไม่ดีกว่าหรือ
พฤติกรรมซื้อจักรยานเก่าของเซี่ยเสี่ยวหลานได้รับการยอมรับเป็เอกฉันท์จากเพื่อนร่วมห้องอย่างที่คาด หยางหย่งหงเขย่าจักรยานสุดแรงสักพัก อะไหล่ไม่ขยับเขยื้อนเลย จึงเอ่ยปากชมเธอว่าจ่าย 50 หยวนนี้ได้คุ้มค่ายิ่งนัก ได้ของดีราคาถูกชิ้นโตมา
เซี่ยเสี่ยวหลานเหมือนจะเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้างแล้ว
มาตรฐานการดำเนินชีวิตไม่จำเป็ต้องถูกลดต่ำลงจริงๆ เสมอไป ปฏิบัติตามคนหมู่มาก กลมกลืนกับคนรอบข้าง แค่นี้ก็ได้แล้วมิใช่หรือ?
จักรยานก็ซื้อมือสอง
ส่วนครีมสระผมนกนางนวลกับครีมบำรุงผมอะไรพวกนั้น เธอซื้อขวดเปล่าไร้ฉลากมาโดยเฉพาะ จากนั้นนำของใช้ในชีวิตประจำวันทั้งหมดใส่ลงไปในขวด
รวมถึงเครื่องประทินผิวที่โจวเฉิงส่งให้ตอนตรุษจีน
เซี่ยเสี่ยวหลานมาอยู่ปักกิ่งถึงเข้าใจว่าความแห้งคืออะไร หากไม่ทาอะไรบนใบหน้าหลังล้างหน้าเสร็จ ิับนหน้าจะแห้งจนเจ็บ! คนมัธยัสถ์เช่นหยางหย่งหง ซื้อน้ำมันหอยสำหรับทามือทาหน้าเช้าเย็นเตรียมไว้ตั้งนานแล้ว
จนกระทั่งเซี่ยเสี่ยวหลานลากสัมภาระเบียดขึ้นรถมหาวิทยาลัยที่จะไปฝึกทหาร ก็ยังไม่ได้รับจดหมายตอบกลับจากโจวเฉิงอยู่ดี
พอขึ้นรถแล้วทุกคนดูกระตือรือร้นมาก ความตื่นเต้นที่คาดหวังต่อชีวิตในค่ายทหารนั้นไม่แบ่งแยกชายหญิง นักศึกษาชายคึกคักยิ่งกว่า พวกเขากำลังจะไปกองฝึกอบรมทหารปืนใหญ่ ย่อมมีโอกาสได้จับปืนใหญ่ของจริงแน่นอน ยิงปืนใหญ่ขึ้นฟ้าสักสองลูกด้วยตัวเองก็ได้สินะ?
เซี่ยเสี่ยวหลานผู้เคยเข้าร่วมการฝึกทหารในชาติก่อนฟังเงียบๆ
ไร้เดียงสาเกินไปแล้ว การฝึกทหารก็คือการฝึกยืนตามระเบียบทหารและเดินตบเท้าโดยไม่มีหยุดพัก รวมถึงการเดินขบวน... ยิงปืน? ให้ลองเล่นปืนใหญ่? ไม่มี! แน่นอนว่าการฝึกทหารของเธออยู่ใน่ยุค 90 ตอนนี้คือปี 84 ทุกคนอาจได้จับปืนจริงก็ได้
“เสี่ยวหลาน เธอว่าครูฝึกที่ฝึกให้พวกเราจะเป็อย่างไร หล่ออย่างทหารเชิญธงที่เทียนอันเหมินหรือเปล่า?”
ซูจิ้งยื่นศีรษะมาคุยกับเซี่ยเสี่ยวหลาน
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้ รถของมหาวิทยาลัยจัดโดยแบ่งตามชั้นเรียน ปุบผาทองคำที่มีอยู่เพียงห้าคนของห้อง 2 รุ่น 84 จึงรวมตัวกันครบถ้วนจนได้ รวมถึงน้องใหม่คนดังหนิงเสวี่ยด้วยเช่นกัน หนิงเสวี่ยกับซูจิ้งมาจากโรงเรียนเดียวกัน สอบเข้าหัวชิงทั้งคู่ จะไม่รู้จักกันเลยได้อย่างไร? แค่สนิทหรือไม่สนิทเท่านั้น เมื่อได้ยินซูจิ้งสนทนาเรื่อยเปื่อยกับเซี่ยเสี่ยวหลาน หนิงเสวี่ยก็อธิบายอย่างสั้นกระชับ “พวกาุโน้อยเท่านั้นที่จะถูกส่งมาฝึกทหาร ไอหนุ่มน่ะหนุ่มแน่นอนอยู่แล้ว”
เชิงอรรถ
[1]皂角 เ้าเจี่ยว หรือ ต้นตั๊กแตนน้ำผึ้ง เป็พืชตระกูลถั่วชนิดหนึ่ง ในสมัยโบราณผู้คนจะนำฝักแห้งของมันมาแช่น้ำเพื่อให้เกิดฟอง นำมาใช้เป็สารชะล้าง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้