ในนิยาย บรรยายลู่จิ่งซานไว้ว่า...เทพบุตรเดินได้
เขามีส่วนสูงอย่างน้อยหนึ่งร้อยแปดสิบห้าเิเ ไหล่กว้าง เอวสอบ ขาเรียวยาว ใบหน้าคมคายหล่อเหลาไร้ที่ติ ผิวสีน้ำผึ้งสุขภาพดี ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็มักจะตกเป็เป้าสายตาของผู้คนเสมอ
แต่ว่า!
สวี่จือจือไม่เคยคิดเลยว่า ตัวจริงของเขาจะหล่อเหลาได้ถึงเพียงนี้! ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็ล้วนแต่ถูกใจเธอไปหมด ดาราหนุ่มหน้าใสที่เธอเคยติดตามในชาติที่แล้ว ดูไม่น่าสนใจไปเลยเมื่อเทียบกับเขา
สวี่จือจือรู้สึกอิจฉาขึ้นมา
ทำไม?
หล่อเหลาขนาดนี้ไม่พอ แถมเสียงยังเพราะอีก!
นี่จะทำให้หูของเธอตั้งท้องเลยหรือยังไง?
สวี่จือจือมองเขาดวงตาเป็ประกาย
“ผมลู่จิ่งซานแต่งภรรยา ไม่จำเป็ต้องให้คนอื่นมาแทน” เสียงทุ้มต่ำมีเสน่ห์ของเขาราวกับเสียงเชลโลอันไพเราะ
ผู้คนที่มุงดูอยู่ต่างพากันหลีกทางให้โดยอัตโนมัติ
เห็นเพียงร่างสูงใหญ่ก้าวขายาวๆ มาทางเธอ เมื่อมาถึงตรงหน้าเธอในระยะห่างประมาณสองก้าว เขาก็หยุด
“ขอโทษด้วย ผมมาสายแล้ว” ถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่รู้เลยว่าที่บ้านไปหมั้นหมายอะไรแบบนี้ให้เขาั้แ่เมื่อไหร่ แต่ถ้าอีกฝ่ายเป็ผู้หญิงที่เขาเพิ่งช่วยเอาไว้เมื่อเช้านี้ก็ถือว่าถูกใจเขาพอดี เพียงแต่ดูจากท่าทางของเธอแล้ว ดูเหมือนว่าจะจำไม่ได้ว่าคนที่ช่วยเธอเอาไว้คือเขา
“ไม่เป็ไรค่ะ” สวี่จือจือยิ้มให้เขา “คนไม่รู้ไม่ผิด”
ลู่จิ่งซานรู้สึกงุนงงไปชั่วขณะ ทำไมสวี่จือจือถึงรู้ว่าเขาไม่รู้เื่ แต่เขาก็รีบเก็บความสงสัยนั้นไว้ เพราะรอยยิ้มที่สดใสของสวี่จือจือทำให้หัวใจของเขาเต้นแรง!
“จิ่งซานมาได้ถูกเวลาพอดี” ลู่หรงฟาถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เขาเป็หัวหน้ากองงานของหมู่บ้านผานสือ แล้วเื่ที่โจวเป่าเฉิงเคยทำไว้ใน่สองสามปีที่ผ่านมา เขาจะไม่รู้ได้ยังไง?
สวี่จือจือพูดถูกเื่หนึ่ง เขาเองก็รู้สึกว่าโจวเป่าเฉิงไม่คู่ควรที่จะมาเป็คนรับตัวเ้าสาวแทนลู่จิ่งซาน
“รีบๆ หน่อย วันนี้เป็วันดีของแก” ลู่หรงฟาพูดด้วยรอยยิ้ม “แกคงรีบกลับมาโดยเฉพาะเลยสิท่า”
ลู่จิ่งซานยิ้ม
เื่นี้ต้องมีเบื้องลึกเื้ัอะไรบางอย่างแน่ แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะพูดถึงเื่นี้
“จือจือเอ๊ย” ลู่หรงฟาพูดด้วยรอยยิ้มที่กว้างขึ้น “ในเมื่อจิ่งซานก็มาแล้ว เื่แต่งงานของพวกเธอก็เดินหน้าต่อไปได้แล้วใช่ไหม?”
“แน่นอน...”
“ไม่ได้ ฉันไม่เห็นด้วย!” ยังไม่ทันที่สวี่จือจือจะพูดจบ เสียงแหลมของสวี่เจวียนเจวียนก็ดังขึ้นขัดจังหวะ “พี่จิ่งซาน พี่ห้ามแต่งงานกับสวี่จือจือนะคะ!”
นี่จะก่อเื่อะไรขึ้นมาอีก?
ลู่หรงฟามองสวี่ฉางไห่ด้วยสีหน้าไม่สู้ดี
คนคนนี้ไม่มีความกล้าหาญเลยสักนิด ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงเป็หัวหน้าหน่วยที่สองมานานขนาดนี้แล้ว แต่กลับไม่มีผลงานอะไรเป็ชิ้นเป็อัน แถมลูกสาวคนโตของบ้านตระกูลสวี่คนนี้ก็หน้าไม่อายเสียเหลือเกิน
“คุณเป็ใคร?” ลู่จิ่งซานมองสวี่เจวียนเจวียนอย่างเ็าและรังเกียจ “ผมจำไม่ได้ว่ามีน้องสาวที่แก่ขนาดนี้”
พรืด!
สวี่จือจือกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่
“ขอโทษค่ะ ฉัน...ไม่ได้ตั้งใจ” เธอหัวเราะพลางขอโทษลู่จิ่งซานที่ทำหน้าถมึงทึงใส่
ไม่คิดว่าเขาจะเป็ลู่จิ่งซานที่ปากร้ายแบบนี้
แต่ก็…น่ารักมากเลย!
เรียกกันสนิทสนมขนาดนี้ เธอคิดว่าลู่จิ่งซานกับสวี่เจวียนเจวียนต้องมีอะไรกันเสียอีก ถ้าเป็อย่างนั้นจริงเธอคงต้องคิดหนักว่าจะแต่งงานต่อดีหรือเปล่า
แก่!
สวี่เจวียนเจวียนหน้าแดงก่ำ
ทำไมเธอถึงแก่! ทั้งๆ ที่เธอกับลู่จิ่งซานอายุเท่ากันแท้ๆ!
“พี่จิ่งซาน พี่ลืมไปแล้วเหรอคะ?” สวี่เจวียนเจวียนพูดด้วยน้ำเสียงน้อยอกน้อยใจ “ฉันเป็เพื่อนร่วมห้องเรียนของพี่ไง ฉันนั่งอยู่แถวแรกกลุ่มที่สอง ส่วนพี่นั่งอยู่แถวที่สามกลุ่มที่สี่ไง”
ลู่จิ่งซานเป็รักแรกของเธอ!
ในชีวิตนี้เธอจะไม่มีวันลืมรักแรกของเธอไปได้เลย
เสียดายที่ต่อมาลู่จิ่งซานไปเป็ทหาร แล้วโรงเรียนของพวกเขาก็ต้องปิดตัวลงเพราะเกิดการปฏิวัติ ทำให้ทั้งสองคนไม่ได้เจอกันอีกเลย
ต่อมาในหมู่บ้านมียุวปัญญาชนจากเมืองหลวงเข้ามาอยู่ หวงรุ่ยเซิงมีหน้าตาหล่อเหลา แถมยังพูดจาตลกขบขัน ทำให้สวี่เจวียนเจวียนหลงใหลได้ปลื้มเขาในทันที
ในตอนที่นอนกับหวงรุ่ยเซิง เธอลืมรักแรกของตัวเองไปจนหมดสิ้นแล้ว ไม่คิดว่าหลายปีผ่านไป เขาก็ยิ่งหล่อเหลามากขึ้นกว่าเดิม
“จำไม่ได้ โปรดใช้คำพูดของคุณให้ดี เรียกผมว่าสหายลู่” ลู่จิ่งซานพูดด้วยน้ำเสียงเ็า แล้วหันไปพูดกับสวี่จือจือ “ขอโทษด้วย เวลาจำกัด เลยหารถมารับคุณไม่ได้”
แต่น้ำเสียงของเขากลับไม่ได้เ็าเหมือนก่อนหน้านี้
“ฉันเข้าใจค่ะ” สวี่จือจือพยักหน้า
ลู่จิ่งซานที่ยังไม่รู้เื่อะไร แต่ก็สามารถมาขอโทษเธอต่อหน้าผู้คนมากมายได้ ถือว่าเขามีน้ำใจมากพอแล้ว
สวี่เจวียนเจวียนโมโหจนแทบจะอกแตกตาย
ตกลงคนสองคนนี้กำลังหวานชื่นใส่กัน โดยไม่เห็นเธออยู่ในสายตาเลยใช่ไหม?
“แกจะแต่งงานกับเขาไม่ได้” สวี่เจวียนเจวียนรีบพุ่งไปคว้าตัวสวี่จือจือ “ได้ยินไหม ฉันบอกว่า ห้ามแต่งงานกับเขา”
“สวี่เจวียนเจวียน พี่ป่วยหรือไง?” สวี่จือจือสะบัดมือที่จับแขนของเธอ “ถ้าป่วยก็ไปหาหมอ”
“แกอายุยังไม่ถึงสิบแปดปี แกจะแต่งงานไม่ได้” สวี่เจวียนเจวียนถูกเธอสะบัดจนเกือบจะล้ม แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้
เธอรู้ว่าสวี่จือจือจะแต่งงานกับลู่จิ่งซาน เธอก็คิดว่าเธอจะยอมรับมันได้
แต่ความเป็จริงก็คือในตอนที่เธอเห็นลู่จิ่งซาน ขนทุกเส้นบนร่างกายของเธอกำลังร้องโหยหวน
เธอจะไม่ยอมให้นังเด็กแพศยาสวี่จือจือแต่งงานกับลู่จิ่งซานเด็ดขาด
“คุณเกิดวันไหน?” ลู่จิ่งซานถาม
“อีกครึ่งปีก็ครบสิบแปดแล้วค่ะ” สวี่จือจือตอบ
“งั้นก็ไม่เป็ไร” ลู่จิ่งซานพูดอย่างไม่ใส่ใจ “วันนี้จัดงานเลี้ยงไปก่อน รอคุณอายุครบเมื่อไหร่ ค่อยไปจดทะเบียนสมรส”
ช่างเป็อะไรที่ลงตัวจริงๆ
“ได้ค่ะ” สวี่จือจือพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
สวี่เจวียนเจวียน “...แม่ พูดอะไรหน่อยสิคะ”
จะให้พูดอะไร?
ตอนนี้หวังซิ่วหลิงอยากให้สวี่จือจือตายๆ ไปซะ
นังเด็กไร้มโนธรรม เงินร้อยห้าสิบหยวนหายวับไปกับตา หัวใจของเธอแทบจะหลั่งเืออกมา
แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เมื่อมีสวี่ฉางไห่คอยจับตาดูอยู่ แถมยังโดนเขาเตือนไปแล้วเมื่อกี้ ทำได้แค่เพียงมองสวี่จือจือด้วยสายตาอาฆาตแค้น เมื่อเห็นว่านังเด็กแพศยาเดินตามลู่จิ่งซานไปด้วยรอยยิ้มที่แสนหวาน
นังเด็กแพศยา!
แกกล้าดียังไง!
ไม่ได้บอกว่าลู่จิ่งซานไม่รู้เื่การแต่งงานครั้งนี้หรอกเหรอ? แล้วจะให้สวี่จือจืออุ้มไก่ตัวผู้แต่งงานไม่ใช่เหรอ?
ตระกูลลู่ทำอะไรกันแน่!
“แม่คะ” สวี่เจวียนเจวียนกระทืบเท้า พอเห็นว่าหวังซิ่วหลิงยังเฉยอยู่ก็ตัดสินใจพุ่งเข้าหาลู่จิ่งซาน “พี่จิ่งซาน พี่ห้ามแต่งงานกับเธอนะ ถ้าพี่อยากแต่ง พี่แต่งกับฉันดีไหม? ฉันก็เป็ลูกสาวของบ้านตระกูลสวี่เหมือนกัน ฉันไม่กลัวชื่อเสียงของพี่” สวี่เจวียนเจวียนพูดด้วยน้ำเสียงที่แสนจะจริงใจ
แต่คนที่กำลังดูเหตุการณ์อยู่กลับคิดไม่เหมือนกัน
สวี่เจวียนเจวียนคนนี้ไม่ใช่แต่งงานกับหวงรุ่ยเซิงที่อยู่ในกลุ่มยุวปัญญาชนที่เข้ามาในหมู่บ้านแล้วเหรอ?
ทุกคน “...”
รู้สึกเห็นใจหวงรุ่ยเซิงที่ยืนหน้าดำคล้ำอยู่ตรงนั้นเสียจริง
จุ๊ๆ...ถูกสวมหมวกเขียวต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้ ต้องบอกเลยว่าสวี่เจวียนเจวียนนั้นช่างกล้า ส่วนหวงรุ่ยเซิงก็ช่างน่าสมเพช!
“สวี่เจวียนเจวียน” สวี่จือจือจงใจพูดเสียงดัง “พี่ไม่ได้แต่งงานกับหวงรุ่ยเซิงไปแล้วเหรอ ทำไมถึงจะมาแต่งงานอีก?”
“ฉันกับเขาไม่ได้จดทะเบียนสมรส” สวี่เจวียนเจวียนรีบแก้ตัว “พวก...พวกเราไม่ได้...อ๊ะ”
“ไม่ได้อะไร?”
.............................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้