ถึงจะบอกว่าให้เธอช่วยกดแผลไว้ แต่ในความจริงกลับกลายเป็เขาที่จูงเธอออกจากห้องไป
เพราะขาเขายาวกว่าเธอมาก เธอจึงต้องก้าวเท้าเร็วกว่าปกติเพื่อที่จะเดินตามเขาทัน เธอจึงเตือนเขาไปว่า “ฉันว่านายน่าจะอยู่เช็กให้ละเอียดที่นี่สักคืนนะ บ้านมันไม่หายไปไหนหรอก”
“ลู่เป๋าเหยียน เป็โรคกระเพาะมันไม่ใช่เื่เล่นๆ นะ”
“ลู่เป๋าเหยียน...”
ลู่เป๋าเหยียนขมวดคิ้วพร้อมหยุดเดิน
“ูเี่อัน ทำไมเธอยังหนวกหูเหมือนตอนเด็กไม่มีผิด?”
ตอนเธอสิบขวบก็เป็แบบนี้ เธอสวมชุดเดรสเ้าหญิงยี่ห้อดังที่ซูอี้เฉิงซื้อกลับมาจากอังกฤษนั่งตาใสอยู่ข้างเขา
“พี่เป๋าเหยียน ทำไมพี่ไม่พูดอะไรเลยคะ...พี่คะ พี่ไม่เบื่อบ้างเหรอ...หนูเล่นเกมเป็เพื่อนพี่ดีไหมคะ...พี่เป๋าเหยียนอารมณ์ไม่ดีเหรอคะ งั้นเดี๋ยวหนูเลี้ยงไอติมพี่ดีไหม กินไอติมแล้วจะอารมณ์ดีขึ้นนะ...”
“ตอนเด็กฉันเปล่าหนวกหูสักหน่อย” ูเี่อันโวย “ตอนนั้นคุณน้าตั้งหลายคนยังชมฉันเลยว่าฉันทั้งเรียบร้อยและว่านอนสอนง่าย”
ใครบอกว่าเธอไม่หนวกหูกัน? ตอนนั้นเขาถูกเธอกวนจนปวดหัวไปหมด พอบอกให้เธอเงียบหน่อย เธอก็รีบทำตามอย่างว่าง่าย แล้วเม้มปากใช้สายตาไร้เดียงสามองเขาอย่างน้อยใจ เหมือนไม่รู้ว่าตัวเองทำผิดอะไร
ลู่เป๋าเหยียนยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย “ก็จริงที่ว่านอนสอนง่าย”
ถึงผ่านไปสักพักเธอจะเริ่มส่งเสียงดังขึ้นอีกครั้ง แต่อย่างน้อยเธอในตอนนั้นก็ว่าง่ายกว่าตอนนี้ล่ะนะ
ูเี่อันเตรียมตัวเถียงกลับเต็มที่ แต่ลู่เป๋าเหยียนดันเห็นด้วยซะอย่างนั้น เธอจึงถูกเขาจูงเข้าลิฟต์ไปอย่างงงๆ
ตอนมาูเี่อันตัวสั่นเสียจนลุงสวีเป็ห่วง จึงให้คนขับรถมาส่งเธอ ตอนนี้พวกเธอจึงนั่งรถเดิมกลับบ้านได้พอดี
ถึงรถจะเคลื่อนตัวออกไปได้สักพักแล้ว แต่ลู่เป๋าเหยียนก็ยังไม่ยอมปล่อยมือจากูเี่อัน ูเี่อันเองก็ไม่คิดจะดึงมือออกมา เพราะเธอรู้สึกว่าได้จับมือเขาอยู่อย่างนี้เธอถึงจะสบายใจ
เพราะมีแต่แบบนี้เท่านั้น เธอถึงมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าในตอนนี้เขาอยู่ข้างกายเธอ
“ลุงสวีเขา...ดูเป็ห่วงนายมากนะ”
ูเี่อันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมจู่ๆ ถึงพูดออกไป อาจเป็เพราะเมื่อกี้เห็นลุงสวีวิ่งขึ้นมาอย่างรีบร้อน และสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวลและร้อนใจของเขา ทำให้เธอรู้สึกกลัวว่าจะเกิดอะไรไม่ดีขึ้นก็เป็ได้
ลู่เป๋าเหยียนมองลึกเข้าไปในตาของูเี่อัน
“แล้วเธอล่ะ”
ูเี่อันเงียบไปชั่วขณะ
“จู่ๆ ลุงสวีก็ขึ้นมาเคาะประตูห้องบอกฉันว่านายเข้าโรงพยาบาล ตอนแรกฉันก็คิดว่าไม่น่าเป็ไปได้ เพราะปกติเห็นนายดูแข็งแรงดี แต่ฉันก็รู้ดีว่าลุงสวีคงไม่เอาเื่แบบนี้มาล้อเล่น ฉันไม่รู้จะทำยังไง สุดท้ายลุงสวีเลยลากฉันลงมา แล้วให้คนขับรถมาส่งที่โรงพยาบาล คนขับรถบอกว่านายไม่ค่อยป่วย ไม่น่าจะเป็อะไรมากหรอก ฉันเองก็เป็หมอ ต่อให้นายอาการแย่แค่ไหน ฉันก็จะหาทางรักษานายให้ได้ แต่พอฉันเห็นนายนอนอยู่เมื่อกี้ นายไม่เหมือนทุกทีที่ฉันเคยเจอ ฉัน...”
เพราะป้ายข้างทางบังแสงไฟจนหมด ทำให้ที่นั่งด้านหลังมืดลง ูเี่อันนั่งก้มหน้าเล็กน้อย ครึ่งหนึ่งของใบหน้าอยู่ในความมืด สีหน้าของเธอดูไม่สงบดั่งทุกที เธอพูดอธิบายด้วยน้ำเสียงแ่เบา เธอเองไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนพูดอะไรออกไปบ้าง
มือของเธอที่จับมือลู่เป๋าเหยียนบีบแน่นขึ้นไปทุกที
เธอกำลังกลัว
ตอนที่เธอเห็นลู่เป๋าเหยียนนอนหน้าซีดอยู่ที่เตียงผู้ป่วย เธอกลัวมาก กลัวว่าเขาจะทรุดหนักทั้งๆ แบบนี้
ลู่เป๋าเหยียนโอบตัวูเี่อันเข้ามาใกล้ เขาโน้มตัวลงไปเล็กน้อย และประทับริมฝีปากของเขาลงบนริมฝีปากอ่อนนุ่มของเธออย่างแ่เบา
เสียงรอบกายเงียบสงัดลงในทันใด
ูเี่อันตัวแข็งทื่อเป็ท่อนไม้
วินาทีนั้นเหมือนโลกทั้งโลกหยุดหมุน ริมฝีปากของเขา ลมหายใจอุ่นๆ ของเขา มือที่โอบเธออยู่ของเขา...
เธอััทุกอย่างได้อย่างชัดเจน...
ลู่เป๋าเหยียนจูบเธอแล้วจริงๆ
ในความเงียบ เธอได้ยินเสียงเต้นของหัวใจเขาอย่างชัดเจน
“ไม่ต้องกลัว ฉันไม่เป็อะไรไปหรอก”
เสียงของเขาที่ดังขึ้นมาท่ามกลางความเงียบเมื่อครู่ ยังคงทุ้มต่ำและแหบเล็กน้อยเหมือนเคย แต่คราวนี้ในเสียงนั้นกลับทำให้เธอรู้สึกสบายใจขึ้นมาอย่างน่าประหลาด
ูเี่อัน “อืม” ตอบเขากลับไปเสียงเบา น่าแปลกที่เธอไม่กลัวอีกต่อไปแล้ว
ลู่เป๋าเหยียนยังไม่ปล่อยูเี่อัน แถมยังเอนตัวเข้ามาซบไหล่เธอ
ไหล่ของเธอเหมือนหญิงสาวคนอื่นทั่วไป ที่ซบแล้วไม่ได้อ่อนนุ่มสบายนัก ทว่าทุกครั้งที่เข้าใกล้เธอ จมูกเขามักจะได้กลิ่นหอมดอกไม้อ่อนๆ เฉพาะตัว ซึ่งเขาชอบกลิ่นนี้มากอย่างบอกไม่ถูก
ูเี่อันนิ่งไปเล็กน้อย เหมือนบทบาทจะสลับกันหรือเปล่า?
เธอขยับตัวอย่างไม่ชิน
“ลู่เป๋าเหยียน...”
แต่ลู่เป๋าเหยียนไม่ยอมลุกขึ้นมา แถมยังขยับตัวปรับองศาให้ซบได้อย่างสบายขึ้นไปอีก
“อย่าขยับสิ ไม่ได้ยินที่เสิ่นเยว่ชวนพูดเหรอ ฉันไม่ได้นอนมาสองวันแล้วนะ”
เสียงเขาดูอ่อนเพลียมาก เธอจึงคิดซะว่ายอมๆ ให้คนป่วยหน่อยละกัน
ูเี่อันเอียงคอหันมามองลู่เป๋าเหยียน เขากำลังหลับ
เป็ครั้งแรกที่เธอเห็นเขายามหลับ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนล้าแต่กลับดูสบายใจ ทำให้คนมองไม่กล้ารบกวนเขา และไม่สามารถละสายตาออกไปได้เลย นั่นเพราะว่า...
เขาช่างน่ามอง ดีต่อใจเหลือเกิน!
ูเี่อันนึกโทษฟ้าโทษ์อีกครั้ง คนอะไรขนาดป่วยยังหล่อได้ขนาดนี้ ไม่ยุติธรรมเลยจริงๆ
ูเี่อันมองหน้าเขาต่อไปอีกสักพัก เธอเห็นว่าข้างๆ เธอมีผ้าห่มอยู่ผืนหนึ่ง ที่จริงอุณหภูมิบนรถก็อุ่นสบายดี แต่เพราะตอนนี้เป็ฤดูใบไม้ผลิทำให้อากาศติดจะหนาวอยู่บ้าง คิดแล้วเธอจึงห่มผ้าให้เขา
ลู่เป๋าเหยียนไม่ได้หลับลึกมาก เขาััได้ถึงทุกการกระทำของูเี่อัน และกำลังมีความเพลิดเพลินกับมันอย่างเต็มที่ ูเี่อันไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าลู่เป๋าเหยียนกำลังยิ้มอยู่ ตอนนี้หัวใจเธอกำลังพองโตอย่างพอใจ
เป็ความพอใจที่ได้จากการทำสิ่งเล็กๆ น้อยให้กับ...คนที่ตัวเองใส่ใจ
หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมง รถก็ได้จอดลงที่หน้าประตูบ้าน คนขับจึงพูดขึ้นว่า
“คุณผู้หญิงครับ ถึงบ้านแล้วครับ”
ูเี่อันเห็นลู่เป๋าเหยียนกำลังหลับอย่างสบายใจ เธอลังเลเล็กน้อยก่อนจะปลุกเขา
“ลู่เป๋าเหยียน ถึงบ้านแล้ว”
ลู่เป๋าเหยียนขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา ูเี่อันรู้สึกผิดที่ไปกวนเขาจึงพูดขึ้นว่า
“ฉันไม่อยากกวนนายหรอกนะ แต่ว่าถึงบ้านแล้วล่ะ”
หน้าเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด ลู่เป๋าเหยียนยกมือขึ้นลูบผมเธอเล็กน้อยเหมือนจะสื่อว่าไม่เป็ไร แต่เธอกลับขมวดคิ้วขึ้นมา และพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“อีกอย่าง...นายหนักมาก ไหล่ฉันปวดไปหมดแล้วเนี่ย...”
ลู่เป๋าเหยียน “...ลงรถ”
ูเี่อันรีบลุกออกไป เธอนวดไหล่เล็กน้อย และพบว่ามือขวาของเธอชาจนไม่รู้สึกอะไรไปซะแล้ว
เฮ้อ เพื่อได้มองคนหล่อ เธอจะสู้ตายเกินไปไหมเนี่ย
ลู่เป๋าเหยียนเห็นดังนั้นจึงถามขึ้นว่า
“มือชาเหรอ”
“ฉันไม่รู้สึกถึงมือตัวเองแล้วอ่ะ...”
ลู่เป๋าเหยียนถอนหายใจ แล้วจึงจับมือเธอขึ้นมาค่อยๆ นวดแขนกับฝ่ามืออย่างไม่หนักไม่เบา
ูเี่อันอึ้งไป การกระทำที่ใกล้ชิดขนาดนี้ สำหรับเขากับเธอที่เป็แค่สามีภรรยากันหลอกๆ มันดู...เหมาะสมแล้วอย่างนั้นเหรอ?
แต่ว่าเมื่อกี้ตอนอยู่บนรถ เหมือนว่าพวกเธอจะ...จูบกันแล้ว
ูเี่อันลอบมองดูท่าทีของลู่เป๋าเหยียน เพื่อคาดเดาว่าที่เขาจูบเธอหมายความว่าอะไร สุดท้ายได้ผลลัพธ์ที่ว่า
ลู่เป๋าเหยียนอาจแค่อยากให้เธอสบายใจขึ้น เลยใช้วิธีนั้นบอกกับเธอว่าเขาไม่เป็ไร
เพราะฉะนั้น เธอไม่ควรคิดมากไป
ลู่เป๋าเหยียนนวดมือเธออย่างตั้งอกตั้งใจ เขาก้มหน้าลงเล็กน้อย สีหน้าดูอ่อนโยนกว่าทุกที จนูเี่อันชักจะสงสัยว่าเธอตาฝาดหรือเปล่า
ไม่ช้ามือของเธอก็กลับมามีความรู้สึกอีกครั้ง เธอพบว่าลู่เป๋าเหยียนลงแรงนวดกำลังดี ไม่หนักไม่เบาเกินไป สบายมากๆ แถมััที่ได้จากมือเขาก็ช่างดีเหลือเกิน
คราวนี้ ไม่เพียงแต่มือที่กลับมารู้สึกอีกครั้ง แต่หน้าเธอนี่สิ ทำไมจู่ๆ ถึงร้อนขึ้นมาได้ล่ะเนี่ย!
ลู่เป๋าเหยียนเองก็ยังไม่มีทีท่าจะปล่อยมือูเี่อัน
ผิวขาวนวลเนียนโดยธรรมชาติของเธอ เวลาจับแล้วทั้งนุ่มทั้งลื่น ทำให้คนที่ได้ััไม่อยากปล่อยให้หลุดมือไป
แต่ผิวเธอดูเหมือนจะแดงง่าย ขืนยังนวดต่อไปไม่แน่อาจจะทำให้ผิวแตกได้ ลู่เป๋าเหยียนจึงหยุดมือลง
“ดีขึ้นบ้างหรือยัง”
เสียงนั้นทำให้เธอหลุดออกมาจากภวังค์ เธอรีบดึงมือออก
“ดีขึ้นมากแล้วล่ะ ขอบคุณนะ”
ลู่เป๋าเหยียนมองนาฬิกา ตอนนี้เที่ยงคืนแล้ว
“ดึกมากแล้ว เธอรีบขึ้นไปนอนเถอะ”
ูเี่อันยังคงยืนนิ่งมองลู่เป๋าเหยียนอยู่ที่เดิม
“นายหิวหรือเปล่า ฉันหิวแล้ว”
“อยากกินอะไร เดี๋ยวฉันสั่งให้พ่อครัวทำให้” เขานิ่งไปสักพักแล้วจึงพูดว่า “ฉันก็เริ่มหิวแล้ว”
“ฉันกินอะไรก็ได้” ูเี่อันพูด “แต่ว่าตอนนี้นายควรกินพวกอาหารอ่อนๆ นะ ไม่ต้องเรียกพ่อครัวหรอก เดี๋ยวฉันไปต้มโจ๊กให้ โจ๊กทะเลดีไหม?”
ลู่เป๋าเหยียน “อืม” กลับไป ูเี่อันจึงรีบเดินเข้าบ้านไป
เธอหยิบข้าวหอมออกมาจากตู้เย็นในห้องครัว แล้วโยนลงไปในหม้อเพื่อต้มให้สุก จากนั้นจึงเริ่มจัดการเตรียมของทะเล
เธอผ่าหลังกุ้งเป็สองส่วนเพื่อนำเอาเครื่องในและของเสียออกมา จากนั้นใช้มีดบั้งปลาหมึกและหั่นให้เป็แผ่นขนาดพอดีคำ ตอนนั้นเองโจ๊กในหม้อก็เดือดพอดี เธอจึงใส่กุ้งฝอยลงไปต้มให้ส่งกลิ่นหอม แล้วใส่ขิงลงไปเพื่อดับความคาว จากนั้นก็นำกุ้งลงไปต้มให้สุก ตามด้วยหอยกาบ และปลาหมึกเป็อย่างสุดท้าย
ต้มจนเปลือกหอยกาบเปิดออก เมล็ดข้าวก็เปื่อยได้ที่ น้ำมันที่ออกมาจากวัตถุดิบลอยส่องประกายแวววาวอยู่้า ส่วนตัวโจ๊กเองก็ดูน่าทาน ตอนนี้กลิ่นหอมของโจ๊กที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ หอมฟุ้งไปทั่วทั้งห้องครัว
หลังจากปรุงรสและโรยผักชีเรียบร้อยแล้ว ูเี่อันจึงปิดเตาแก๊ส ตักน้ำมันที่ลอยอยู่้าลงไปก่อนแล้วตามด้วยโจ๊กอีกเล็กน้อยใส่ชาม ถ้วยนี้เป็ของลู่เป๋าเหยียน ทั้งหอมและย่อยง่าย ส่วนเธอ...แน่นอนว่าจะช่วยรับผิดชอบของย่อยยากอย่างบรรดาของทะเลทั้งหลายให้เอง!
เธอกำลังจะนำโจ๊กทั้งสองถ้วยใส่ถาดเพื่อยกออกไป แต่กลับพบว่ามีคนยกถาดมาเตรียมไว้เร็วกว่าเธอเสียอีก
“ฉันเอง” ลู่เป๋าเหยียนยกโจ๊กออกไปไว้ที่ห้องอาหาร
ูเี่อันส่งถ้วยที่มีแต่โจ๊กเปล่าๆ ให้ลู่เป๋าเหยียน
“กระเพาะนายตอนนี้คงรับได้แค่นี้”
ลู่เป๋าเหยียนลองตักขึ้นมาชิมดู ก็พบว่าูเี่อันต้มโจ๊กได้ยอดเยี่ยมมาก โจ๊กของเธอไม่คาวเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังคงความหอมหวานที่ได้จากของทะเลที่ใส่ลงไปไว้อย่างดี วินาทีที่เข้าปากนั้นส่งกลิ่นหอม พอกลืนลงไปก็ยิ่งทำให้อยากตักกินซ้ำ เป็โจ๊กที่อร่อยที่สุดเท่าที่เขาเคยกินมา
สายตาของเขาหยุดอยู่ทีู่เี่อัน และมองอย่างพินิจพิจารณา
ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ลุงสวีกับคนรับใช้คนอื่นต่างก็พักผ่อนกันอยู่ในตึกที่พักหลังสวนดอกไม้ ทั้งบ้านตอนนี้มีเพียงไฟจากห้องอาหารที่ยังคงส่องสว่าง แสงไฟสีนวลที่ไม่สว่างมากนัก กลับดูอบอุ่นสบายยิ่งกว่าทุกที ูเี่อันโดนลู่เป๋าเหยียนมองจนเธอรู้สึกไม่มั่นใจขึ้นมา
“โจ๊กไม่อร่อยเหรอ? ไม่น่าเป็ไปได้นะ”
เธอใช้ช้อนตักโจ๊กใส่ปาก ลู่เป๋าเหยียนคิดจะหยุดเธอแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว โจ๊กร้อนๆ ทำเอาเธอร้องเสียงหลง
“โง่จริงๆ”
ลู่เป๋าเหยียนเทน้ำส่งให้เธอ เธอรีบดื่มลงไปเกือบค่อนแก้ว ถึงจะช่วยบรรเทาความเ็ปลงไปได้
“แลบลิ้นออกมา เดี๋ยวฉันดูให้” คำพูดที่ดูเหมือนสั่ง แต่น้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยความห่วงใยของเขาดังขึ้น