ูเี่อันแลบลิ้นออกมาตามที่เขาบอก ลิ้นของเธอถูกลวกจนแดงไปหมด เธอเจ็บมากจนแทบทนไม่ไหว
ลู่เป๋าเหยียนเดินไปหยิบกล่องพยาบาลสีหน้าเครียด เขารีบพ่นยาให้เธอ กลิ่นหอมมิ้นต์อ่อนๆ ของตัวยาที่ถูกฉีดลงไปช่วยระงับความปวดแสบปวดร้อนเมื่อครู่นี้ไปได้มาก
“ขอบคุณนะ”
เพราะว่าเจ็บลิ้น เสียงของเธอจึงดูอ่อนหวานนุ่มนวลกว่าทุกที ทำให้หัวใจคนฟังอ่อนยวบ
อาจเป็เพราะความเ็ปเมื่อครู่ทำให้ดวงตาคู่งามคลอไปด้วยน้ำตา เธอในตอนนี้เจ็บจนพูดไม่ไหว ดูแล้วน่าสงสารเป็ที่สุด
ลู่เป๋าเหยียนพูดอย่างเพลียๆ “ูเี่อัน ทำไมเธอถึงได้ซื่อบื้อขนาดนี้”
“นายเพิ่งรู้เหรอ” ูเี่อันหัวเราะ ‘ฮึๆ’ สองที แล้วพูดว่า “พวกเราแต่งงานกันแล้ว มาเสียใจตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วล่ะ~”
ลู่เป๋าเหยียนวางยาพ่นลงไปบนมือเธอ “ถ้าเจ็บขึ้นมาอีกก็พ่นซะ”
“อืม” ูเี่อันมองโจ๊กของเธออย่างเสียดาย “ฉันกินไม่ได้แล้วล่ะ นายอย่าปล่อยให้เสียของล่ะ...”
ลู่เป๋าเหยียนยิ้ม “คุณนายลู่เป็คนลงมือทำให้ฉันเป็พิเศษทั้งที ฉันไม่ปล่อยให้เสียของอยู่แล้ว”
แสงยามค่ำคืนทำให้ั์ตาเรียวยาวของเขาดูลึกลับกว่าทุกที ราวกับว่าทุกอย่างไม่สามารถรอดพ้นสายตาอันเฉียบคมของเขาไปได้
ูเี่อันเริ่มร้อนตัว “อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย! ฉันไม่ได้ทำให้นายเป็พิเศษสักหน่อย!”
เธอว่าแล้วก็รีบเดินหนีขึ้นไปชั้นบน
ที่เธอบอกว่าหิว ที่จริงก็แค่ข้ออ้าง เธอแค่ไม่อยากให้เขาหิวก็เท่านั้นเอง
ว่าแต่ ทำไมเขาถึงรู้ทันได้ล่ะเนี่ย
ลู่เป๋าเหยียนมองตามหลังคนที่เดินหนีขึ้นไปอย่างขำๆ เขาเปิดโน้ตบุ๊กขึ้นมาอ่านเอกสารไปพร้อมกับกินโจ๊กตรงหน้า เมื่ออ่านจบโจ๊กก็หมดพอดี ความเ็ปที่กระเพาะก็ได้หายไปพร้อมกัน
เมื่อกี้ฉีดยาไปเข็มหนึ่งไม่เห็นจะดีขึ้น
ดูท่าการแต่งงานกับเด็กโง่สักคนก็ไม่ใช่เื่เลวร้าย
ลู่เป๋าเหยียนต้องเดินผ่านห้องของูเี่อันเวลาเข้าออกห้องตัวเองเสมอ เขาหยุดฝีเท้าลงตรงหน้าประตูห้องของเธอ แล้วจับกลอนประตู ลองบิดดู เธอลืมล็อกประตูอีกแล้ว
เธอเหมือนสัตว์เลี้ยงตัวน้อยๆ นอนขดอยู่บนเตียงอันกว้างใหญ่ มือกอดหมอนข้างอันยาวแสนนุ่ม ครึ่งหนึ่งของใบหน้าแนบลงบนหมอน ส่วนใบหน้าอีกด้านนั้นสะท้อนแสงไฟจากห้องน้ำที่เปิดไว้ ตอนนี้เธอช่างดูงดงามเสียจนคนมองเกือบลืมหายใจ
มีเพียงแต่นิสัยนอนดิ้นของเธอเท่านั้นที่ควรปรับปรุง ไม่นานเธอก็เตะผ้าห่มออกจากตัวมั่วซั่วไปหมด ขาเรียวยาวพาดอยู่บนผ้าห่ม ผิวขาวนวลที่สะท้อนแสงไฟสีส้มยิ่งทำให้ดูเย้ายวนเข้าไปใหญ่
ลู่เป๋าเหยียนเดินเข้าไป จับผ้าห่มคลุมให้เธออย่างเคยชิน
ปีศาจน้อยเวลานอนช่างว่าง่าย นอนขดอยู่ในผ้าห่มไม่หนีไปไหน แถมยังชอบเม้มริมปีปากอมชมพูอยู่บ่อยๆ...
ถ้าเขายังอยู่ตรงนี้ ลู่เป๋าเหยียนไม่กล้ารับประกันว่าตัวเองจะไม่ทำอะไรลงไป เขาก้มหน้าลงไปจูบูเี่อันแ่เบา แล้วรีบเดินออกจากห้องเธอไปเหมือนไม่เคยเข้ามา
เหมือนดั่งทุกทีใน่กว่าครึ่งเดือนที่ผ่านมา เขามักจะกลับมายามดึก ยืนมองเธออยู่ตรงนี้แล้วจากไป
ค่ำคืนช่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว ูเี่อันมักจะรู้สึกแบบนี้เสมอ
หลังนาฬิกาปลุก เธอก็รีบลุกออกจากเตียงเหมือนทุกวัน แต่สิ่งที่ต่างจากเดิมคือ วันนี้เธอตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตอนหกโมงเช้าแทนเจ็ดโมงครึ่งอย่างทุกที
เธอได้นอนไปทั้งหมดห้าชั่วโมง สำหรับูเี่อันมันน้อยเกินไปก็จริง แต่เธอก็รีบล้างหน้าล้างตาแล้วลงไปข้างล่าง
ลุงสวีและคนรับใช้เริ่มทำงานกันใน่เช้าแล้ว เมื่อเห็นูเี่อันเดินลงมา ลุงสวีจึงถามอย่างแปลกใจ
“คุณผู้หญิง มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“ทางห้องครัวเริ่มเตรียมอาหารเช้าหรือยังคะ”
“พ่อครัวเพิ่งเข้าไปเมื่อกี้นี้เองครับ” ลุงสวีกล่าว “ถ้าคุณผู้หญิงหิวแล้ว เดี๋ยวผมจะไปเร่งให้นะครับ”
“ไม่ต้องค่ะ” ูเี่อันเริ่มพับแขนเสื้อขึ้นแล้วพูดว่า “เมื่อวานหนูกินอาหารไม่ระวังจนเผลอลวกปากตัวเอง ยังกินอะไรมากไม่ค่อยได้ วันนี้ก็เลยกะจะลงมือทำอาหารเช้าเองน่ะค่ะ”
ลุงสวีพยักหน้า แล้วจึงเรียกพ่อครัวออกมาใหู้เี่อันเข้าไปแทน
ูเี่อันต้มโจ๊กเหมือนเมื่อวาน พอตัวโจ๊กได้ที่แล้ว เธอก็นำไข่เยี่ยวม้าและเนื้อหมูที่หั่นเป็ชิ้นบางลงไปต้มอีกสักพักแล้วจึงปิดไฟ จากนั้นปรุงรสด้วยเกลือเล็กน้อย โจ๊กก็ส่งกลิ่นหอมไปทั่วห้องครัว
ลู่เป๋าเหยียนเดินลงมาตอนเจ็ดโมงครึ่ง เขาแปลกใจที่วันนีู้เี่อันลงมาเร็วกว่าเขาเสียอีก จึงเดินเข้าไปถามเธอว่า
“ลิ้นเป็ยังไงบ้าง”
“ไม่เป็ไรแล้วล่ะ”
“ไหนขอฉันดูหน่อยสิ”
ลุงสวีและคนรับใช้คนอื่นเพิ่งเคยเห็นเ้านายตนใกล้ชิดกับูเี่อันขนาดนี้ ทุกคนต่างก็ใช้สายตาอยากรู้อยากเห็นปนตื่นเต้น มองดูพวกเขาอย่างไม่ละสายตาจนูเี่อันเริ่มทำตัวไม่ถูก
“ฉันไม่เป็ไรแล้วจริงๆ เอ่อ...วันนี้มีโจ๊กหมูกับไข่เยี่ยวม้าล่ะ กระเพาะนายยังไม่ค่อยดีกินโจ๊กแล้วน่าจะช่วยได้เยอะ”
พูดจบเธอก็ทำท่าจะเดินไปตักโจ๊กมาให้ ลู่เป๋าเหยียนจับเธอไว้
“เธอจะเชื่อฟังฉันดีๆ หรือจะให้ฉันใช้มาตรการบังคับเธอ?”
ูเี่อันอึ้งไป แล้วถามอย่างกลัวๆ ว่า “มะ มาตรการบังคับอะไร?”
ลู่เป๋าเหยียนยิ้ม เขาก้มตัวลงเล็กน้อย เอียงหน้าเข้าไปใกล้หูเธอ จนลมหายใจอุ่นๆเล็ดลอดเข้าไป
“เคยจูบหรือเปล่า”
ูเี่อันช็อกจนพูดไม่ออก
“นะ นะ นาย....ฉัน ฉันไม่เป็ไรแล้วจริงๆ! ไม่เชื่อนายดูเองเลย” เธอรีบแลบลิ้นให้เขาดูอย่างว่าง่าย
ลู่เป๋าเหยียนดูแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย “ยังกินอะไรไม่ค่อยได้ใช่ไหม”
“ฉันเปลี่ยนไปกินด้วยวิธีอื่นก็ได้นี่”
ูเี่อันพูดจบก็วิ่งไปหาอะไรสักอย่าง
ลุงสวีกับคนอื่นๆ กลั้นยิ้มอย่างสุดกำลัง วันนี้พวกเขามีกำลังใจในการทำงานเพิ่มขึ้นอีกเยอะ จากที่พวกเขาดูแล้ว ระหว่างูเี่อันกับลู่เป๋าเหยียนไม่เหมือนเมื่อตอนเพิ่งแต่งงานกันอีกต่อไป ในตอนนี้พวกเขามีสิ่งหนึ่งที่เพิ่มออกมา นั่นก็คือ “ความรู้สึกดี” ที่มีให้กัน ตอนนี้พวกเขาสนิทสนมใกล้ชิดกันแค่ไหน ไม่ต้องบอกทุกคนก็รับรู้ได้
เมื่อลู่เป๋าเหยียนนั่งลงอ่านหนังสือพิมพ์ไปได้ครึ่งคอลัมน์ ูเี่อันก็กลับมาพร้อมแก้วกระดาษและหลอดหนึ่งอัน เธอตักโจ๊กให้เขาแล้วพูดว่า
“นายช่วยฉันชิมหน่อยว่าโจ๊กยังร้อนอยู่หรือเปล่า”
เขาทำตามอย่างว่าง่าย
“กำลังดี”
ูเี่อันรีบตักโจ๊กใส่แก้วที่เธอเตรียมมาอย่างดีใจ จากนั้นจึงจุ่มหลอดลงไป
“ฉันต้องรีบไปทำงานแล้ว ไปก่อนนะ”
ลู่เป๋าเหยียนไม่ได้ห้ามเธอไว้ จนกระทั่งเธอได้ขับรถออกไป ลุงสวีจึงได้เดินเข้ามาบอกลู่เป๋าเหยียนว่า
“โจ๊กวันนี้คุณผู้หญิงเป็คงทำเองเลยนะครับ”
“ฉันรู้” เขาชิมแค่คำเดียวก็รู้แล้วว่าเธอเป็คนทำ รสชาติอาหารของเธอต่างไปจากที่พ่อครัวทำให้ทุกที
ลุงสวียิ้ม “คุณชาย ขอผมพูดอะไรสักหน่อยได้ไหมครับ เื่นั้น...คุณชายจัดการเรียบร้อยหรือยังครับ ถ้าปล่อยให้ยืดเยื้อไปมากกว่านี้ หากคุณผู้หญิงถามว่าคุณยุ่งเื่อะไรอยู่ จะให้ผมตอบยังไงดีครับ”
ลู่เป๋าเหยียนปิดหนังสือพิมพ์ในมือลง “เธอไม่ถามเื่พวกนี้หรอก”
เขารู้ดีว่าเื่เดียวทีู่เี่อันจะสนใจในตอนนี้ มีเพียงข่าวซุบซิบของเขากับหานรั่วซี
ลุงสวีคิดตาม “่นี้ คุณผู้หญิงเองก็ยังไม่ได้ถามอะไรครับ...”
เป็อย่างที่เขาคิด ลู่เป๋าเหยียนยิ้ม “เื่นั้นฉันจัดการเรียบร้อยแล้ว ของในบ้านให้ตรวจเช็กตามเวลาที่จัดไว้ และอย่าให้เธอรู้เด็ดขาด”
“วางใจเถอะครับ เื่ในบ้านผมจะจัดการให้เรียบร้อย” ลุงสวีตอบรับด้วยสีหน้าจริงจัง
สมัยหนุ่มๆ ลุงสวีเป็คนอย่างไรเขารู้ดีที่สุด แน่นอนว่าเขาไว้ใจลุงสวีอยู่แล้ว ก่อนไปบริษัท เขาจึงฝากให้ลุงสวีจัดการอีกเื่...
อีกด้าน ูเี่อันเองก็ถึงสถานีตำรวจแล้ว เธอดื่มโจ๊กมาตลอดทาง เพราะตอนนี้เธอยังรู้สึกง่วงๆ อยู่บ้าง หลังจอดรถเสร็จจึงเดินไปซื้อกาแฟก่อนเข้าออฟฟิศ
“เจี่ยนอัน หายากนะเนี่ยที่เห็นเธอเป็แพนด้าแบบนี้” เสียวอิ่งเพื่อนร่วมงานเธอทักพลางพูดเสียงเบา “กับลู่เป๋าเหยียน หักโหมมากไปไม่ดีนะจ๊ะ~”
ูเี่อันหน้าแดงจนไม่รู้จะตอบกลับอย่างไรดี
ปกติในออฟฟิศนี้ ูเี่อันขึ้นชื่อด้านความนิ่งสงบสยบทุกความเคลื่อนไหว แถมตอบสนองกับทุกสิ่งได้อย่างรวดเร็ว แต่วันนี้เธอกลับพูดไม่ออก เสียวอิ่งหัวเราะร่าเหมือนกับจู่ๆ ก็มีเงินห้าล้านหล่นลงมาจากฟ้าอย่างไรอย่างนั้น
ูเี่อันได้แต่ดื่มกาแฟอ่านเอกสารของเธอต่อไป
อ่านไปอ่านมาจนถึงเที่ยง เสียวอิ่งก็เดินมาชวนเธอกับเจียงเส้าข่ายไปกินข้าวเที่ยง
ในขณะูเี่อันที่กำลังกลุ้มใจเื่ลิ้นของตัวเองอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีเสียงผิดปกติดังมาจากห้องทำงานด้านนอก เสี่ยวอิ่งถึงกับร้องว้าว “นี่หรือเปล่าที่เรียกกันว่า...บัตเลอร์?”
“มีอะไรงั้นเหรอ”
พอูเี่อันมองออกไปก็ถึงกับอึ้งไป
ไม่รู้ว่าลุงสวีมาั้แ่เมื่อไร เขาสวมชุดสูทสามชิ้นที่ตัดเย็บอย่างประณีต สวมหมวกสีดำทรงสุภาพ และในมือถือไม้เท้าอันงาม ภายนอกลุงสวีดูเหมือนชายชราทั่วไป แต่สายตากลับยังดูสดใส ทุกการกระทำเหมือนพ่อบ้านชั้นสูงในซีรีส์อังกฤษไม่มีผิด
ข้างหลังเขามีคนรับใช้สวมชุดสีฟ้าอ่อนตามมาด้วยอีกหนึ่งคน
“คุณผู้หญิงครับ” ลุงสวีเดินเข้ามาในห้องทำงานของแผนกนิติเวช เขายิ้มพร้อมถอดหมวกออกและมองไปทางคนรับใช้ด้านหลัง ให้นำของออกมาวางลงบนโต๊ะของูเี่อัน
หน้าของูเี่อันเต็มไปด้วยความสงสัย
“คุณชายสั่งมาครับ” ลุงสวีพูด “ตอนนี้คุณผู้หญิงเจ็บลิ้นอยู่ใช่ไหมล่ะครับ คุณชายเลยสั่งให้พ่อครัวเตรียมอาหารเที่ยง และให้ผมนำมาให้ครับ”
ูเี่อันอึ้งไปสักพัก หัวใจเธอพองโตขึ้นมาทันที เธอยิ้มแล้วจึงพูดว่า “ขอบคุณค่ะ”
“เป็หน้าที่ของพวกผมอยู่แล้วครับ” พูดจบลุงสวีก็ยิ้มขอตัวออกไปพร้อมคนของเขา
ูเี่อันมองของตรงหน้า ทั้งหมดล้วนเป็อาหารที่ดื่มได้ ทั้งซุปซี่โครงที่เอากระดูกออกไปจนหมด และเนื้อที่ถูกต้มจนเปื่อยที่แทบจะละลายทันทีที่เข้าปาก ดูออกเลยว่าพ่อครัวตั้งใจทำขนาดไหน
“ว้าวๆๆ ดีจริงๆ เลย” เสียวอิ่งพูด “เอาล่ะ ูเี่อันมีคนส่งอาหารพร้อมความรักมาให้แล้ว คุณชายเจียงคะ พวกเราไปกินข้าวที่โรงอาหารกันเถอะค่ะ”
เมื่อเดินออกไปนอกห้องทำงานแล้ว เจียงเส้าข่ายก็หันกลับมาพูดว่า
“เธอเคยบอกว่า เพื่อให้พ่อเธอเชื่อว่าพวกเธอรักกันจริงๆ ลู่เป๋าเหยียนเลยช่วยเล่นละครตบตา?”
เขายิ้มพลางส่ายหน้าอย่างมีเลศนัย
“เจี่ยนอัน มันไม่เหมือนการเล่นละคร ขนาดคนที่จีบสาวเป็ว่าเล่นอย่างฉัน ยังไม่เคยดูแลใครดีขนาดนี้เลย”
“นายอยากจะพูดอะไร” ูเี่อันถาม
“เธอรู้ดีว่าฉันอยากจะพูดอะไร” เจียงเส้าข่ายยิ้ม “ฉันว่าเธอควรรีบทำให้แน่ใจว่าเขาคิดยังไงกับเธอกันแน่ดีกว่า หรือว่าเธอจะเปลี่ยนใจไปชอบคนอื่นแทน?”
ูเี่อันนิ่งไปอย่างเห็นได้ชัด
เจียงเส้าข่ายเข้าใจในทันที ูเี่อันเริ่มมีใจให้ลู่เป๋าเหยียนแล้วจริงๆ ถึงแม้เธอจะมีคนที่ชอบมานานหลายปีอยู่แล้วก็ตาม แต่เธอก็ยังไม่แคล้วมีใจให้ลู่เป๋าเหยียนอยู่ดีสินะ