เมื่อชีเหนียงพูดยกตัวอย่างให้หลิงชางไห่ฟัง กลับกลายเป็ว่าหลิงชางไห่ทำสีหน้ามึนงงสับสนมากขึ้นเรื่อยๆ เอาล่ะสิ เมื่อครู่นางเผลอใช้คำศัพท์ปัจจุบันออกมาหลายคำทีเดียว
“เอาเช่นนี้ วันหลังถ้ามีเวลา ข้าจะเขียนสิ่งที่เคยได้เห็นและได้ยินให้ท่านโดยละเอียด เมื่อถึงเวลาท่านค่อยลองวินิจฉัยดูเอง เพราะถึงอย่างไรข้าก็ไม่ใช่หมอ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็สิ่งที่เคยได้ฟังและอ่านมา ส่วนจะใช้ได้ผลและดีหรือไม่ คงต้องให้ท่านตรวจสอบเองจึงจะดี”
หลิงชางไห่พยักหน้า “เช่นนี้ก็ดี ข้ากำลังครุ่นคิดอยู่ว่าจะจำได้หรือไม่ หากมีตำราให้ศึกษาจะดีที่สุด”
หลังชีเหนียงคุยกับหลิงชางไห่เสร็จสิ้น นางก็ได้ตัดสินใจที่จะพาคนบางส่วนออกจากอำเภอเฉาและล่วงหน้าไปพร้อมกับนาง
“จิ่งซี คงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องให้เขาอยู่ที่อำเภอเฉาไปก่อน ข้าอยากให้ท่านช่วยฝึกฝนทั้งเขาและโจวย่าอวิ๋นให้พร้อมเพราะต่อไปคงต้องให้ทั้งสองช่วยเหลือเื่กิจการระหว่างอำเภอเฉากับเมืองหลวงอีกไม่น้อย ส่วนจิ่งไหล่นั้นยังเด็กนัก อีกทั้งเขายังต้องติดตามศึกษาด้านการแพทย์กับท่าน แล้วอีกอย่างเขากำลังอยู่ใน่ปฐมวัย ไม่เหมาะแก่การย้ายสถานที่ ดังนั้นข้าเลยอยากฝากฝังเื่เหล่านี้ให้ท่านคอยช่วยดูแล”
“นี่เ้าตั้งใจจะพาแค่จิ่งเฉินไปเมืองหลวงหรือ?” หลิงชางไห่ตกตะลึงเล็กน้อย จากนิสัยรักลูกเท่าชีวิตของลั่วชีเหนียง เหตุใดจึงยินยอมแยกจากเด็กๆ
หลิงชางไห่นั้นไม่รู้ถึงแผนการในใจของชีเหนียง อีกทั้งนางกลัวว่าหากพากันไปเมืองหลวงหมดแล้วเกิดเหตุสุดวิสัยขึ้น เช่นนั้นอาจจะแย่ก็เป็ได้ อีกอย่างอำเภอเฉาคือแหล่งปักฐานของนาง ที่แห่งนี้นางถึงจะมีความมั่นใจที่สุด
หลังจากำชับหลิงชางไห่เรียบร้อย นางก็ไปหาพี่หลิว
......
ตอนนี้บนูเาเริ่มเป็รูปเป็ร่าง ฝั่งซ้ายจะเป็ทุ่งดอกไม้ ส่วนฝั่งขวาคือต้นไม้ผล ด้านหลังูเามีกระท่อมเรียงราย ทั้งสามารถให้คนพักอาศัยและสามารถทำเป็โรงเก็บของได้ ส่วนเรือนว่างด้านหลังสุดหนึ่งแถว หญิงสาวหลายคนกำลังช่วยกันนำดอกไม้ตากแห้งมาโม่เป็ผง แล้วยังมีอีกห้องที่เป็ห้องสำหรับนำผงดอกไม้มาทำน้ำปรุงและเครื่องประทินโฉม
ตอนนี้ทั้งสองห้องมีหวังชุนเฉ่าคอยดูแลหนึ่งห้องและหม่าต้าฮัวก็คอยดูแลอีกหนึ่งห้อง ส่วนพี่หลิวนอกจากจะรับผิดชอบคุมทั้งสองห้องแล้วยังต้องดูแลคนที่ทำตุ๊กตา เพราะเหตุนี้พี่หลิวจึงรู้สึกว่าหน้าที่ของตนช่างหนักอึ้งยิ่งนัก วันทั้งวันนางยุ่งจนแทบไม่ได้พัก
……
ชีเหนียงแวะเวียนไปหลายที่กว่านางจะหาตัวพี่หลิวเจอก็เหงื่อซึมทั่วศีรษะ
เมื่อเห็นสภาพเหงื่อซึมหลังของพี่หลิวแล้วนางก็ยากจะทำใจอีกทั้งยังรู้สึกซาบซึ้งใจยิ่งนัก พี่หลิวทุ่มเทแรงกายแรงใจประหนึ่งไร่โม๋เอ่อเป็กิจการของตน
“ท่านก็เหลือเกินจริงๆ เหนื่อยก็พักผ่อนให้ดีจึงจะถูก ไฉนจึงต้องทรมานตนเองเช่นนี้ ดูท่านสิ เหงื่อท่วมไปหมดแล้ว” ขณะพูดก็หยิบผ้าเช็ดหน้าเช็ดเหงื่อให้กับพี่หลิว ทำให้พี่หลิวรู้สึกซาบซึ้งกับความใส่ใจของชีเหนียง
“ข้าไม่เป็อันใดหรอก ก็แค่งานใช้แรงเท่านั้น เ้าสิที่ต้องใช้สมองทุกวัน ตอนนี้เราเทียบกับสมัยก่อนไม่ได้ ไร่โม๋เอ่อช่วยเลี้ยงดูชีวิตคนหลายหมู่บ้าน ข้ามีหรือจะกล้าพัก หากพักผ่อนก็มักจะห่วงนั่นกังวลนี่”
ขณะพี่หลิวพูดก็ฉายความกระตือรือร้นเต็มเปี่ยมผ่านดวงตา “อีกอย่าง เ้าจะไปเมืองหลวงแล้ว ข้ายิ่งต้องดูแลไร่ของเ้าให้ดี มิเช่นนั้นรอเ้ากลับมาคงไม่ปล่อยข้าแน่!”
นางพูดพร้อมกับวาดมือเป็กรงเล็บแมวข่วนกลางอากาศสองที ชีเหนียงจึงหลุดขำออกมา
“ข้าข่วนใครก็ได้แต่ต้องไม่ใช่ท่าน ขืนข่วนพี่หลิวของข้า ใครจะช่วยข้าแบ่งเบาภาระหน้าที่กัน” ทั้งสองพูดคุยและหัวเราะกันขณะลงจากเขา ก่อนที่ชีเหนียงจะบอกเล่าแผนการของตนให้พี่หลิวฟัง
“เอ๊ะ เ้ายังจะซื้อูเาเพิ่มอีกหรือ?” พี่หลิวอุทานเสียงดัง นี่เพิ่งจะผ่านมาเท่าใดเอง แม้ว่านางจะรู้ว่าการค้าของโรงชานมกับหอประทินโฉมนั้นกำไรดีมาก แต่ก็ไม่ถึงกับต้องซื้อูเาเพิ่มอีกนี่นา
การซื้อูเาหมายถึงว่าต้องเพิ่มลูกมือและเตรียมการใหม่ อีกทั้งยังต้องใช้เงินไม่น้อย
พี่หลิวมองดูชีเหนียง แม้จะใอยู่บ้าง แต่พอคิดอย่างละเอียดอีกที ่ที่ผ่านมาที่นางได้ติดตามชีเหนียง นางรู้ว่าชีเหนียงทำเงินจากการค้านี้มาไม่น้อย อีกทั้งยังมีการต่อเติมบ้านด้วยกระเบื้องและกำแพงอิฐ กำไรมากมายเพียงใด นางย่อมรู้ดีเช่นกัน เพียงแต่จะพอให้ดำเนินการและซื้อูเาอีกหนึ่งลูกเชียวหรือ?
ตัวนางนั้นย่อมรู้อยู่แล้วว่าค่าใช้จ่ายสกุลลั่วเป็อย่างไรบ้าง หากแต่พอลองคำนวณดูคร่าวๆ ในใจ จึงค่อยสบายใจขึ้นมา
เมื่อเห็นพี่หลิวมีท่าทางเช่นนี้ ชีเหนียงก็รู้ว่าอีกฝ่ายคำนวณได้กระจ่างแล้ว
“เป็อย่างไร? ซื้อได้หรือไม่?”
พี่หลิวเพิ่งจะรู้ตัวว่ากำลังโดนชีเหนียงหยอกล้อจึงฉีกยิ้ม “เ้ายังมีหน้ามาล้อข้าเล่น ข้าสิห่วงเสียเปล่า เ้าหลักแหลมอย่างกับอะไรดี หากคำนวณค่าใช้จ่ายไม่ชัดเจน มีหรือจะกล้ามีความคิดซื้อที่บนเขาเพิ่ม บอกมา ครั้งนี้จะซื้อที่บนเขาไปทำอะไร?”
“ข้าเพิ่งจะตัดสินใจลองทำเครื่องปรุงบางอย่าง ถึงเวลานั้นจะให้ตาเฒ่าหลิงช่วยดู ทว่าเื่นี้จะให้คนรู้เยอะไม่ได้ ข้าเองก็ไม่ได้หวังว่าจะทำออกมาสำเร็จ ดังนั้นคงต้องให้ผู้ใหญ่บ้านปิดข่าวไว้ก่อน”
“เข้าใจแล้ว เื่นี้เ้าสบายใจได้ จะไม่ให้คนรู้ว่าเป็กิจการของเ้าแน่ เื่นี้คงต้องให้คนนอกเข้าใจว่าข้าจะให้อาเหยียนช่วยเหลือ เพราะว่า้าทำไร่เหมือนกับเ้า”
นับั้แ่ชีเหนียงเปิดสาขาในอำเภอละแวกใกล้เคียง พี่หลิวก็ได้เรียนรู้เื่นี้
เมื่อหารือกับพี่หลิวจบ นางยังอยากหาคนงานที่เชื่อถือได้เพิ่มอีก ในฐานะคนที่ใช้ชีวิตในเมืองยุคปัจจุบัน นางเข้าใจเกี่ยวกับแรงดึงดูดของเครื่องปรุงเป็อย่างดี หากทำได้สำเร็จ นี่จะเป็สิ่งที่ทุกครอบครัวต้องมีอยู่ในมื้ออาหารทุกมื้อ กำไรนี้ต้องน่าพิสมัยแน่ ด้วยเหตุนี้ก่อนที่จะเริ่ม ชีเหนียงจึงค่อนข้างระมัดระวัง
ขณะที่ชีเหนียงกำลังลังเลว่าจะหาคนงานที่เชื่อถือได้อย่างไร โจวย่าอวิ๋นก็ขนสินค้าลำเลียงกลับมา แม้ว่าจะเดินทางอยู่ราวครึ่งเดือน แต่เขายังดูมีชีวิตชีวาอย่างยิ่ง
“นายหญิง การออกไปรับซื้อสินค้าครั้งนี้ดีงามยิ่งนัก ชาวเมืองอวิ๋นใช้ชีวิตต่างจากเรา” โจวย่าอวิ๋นที่กำลังชี้นิ้วสั่งคนขนสินค้า เมื่อเห็นชีเหนียงเดินออกมาจากห้อง ก็รีบเดินหน้าไปหาก่อนจะเริ่มรายงาน
“ไม่เพียงแค่อาหารการกินและวัฒนธรรมต่างกัน กระทั่งวิถีชีวิตก็ไม่เหมือนกัน” ชัดเจนว่าโจวย่าอวิ๋นค่อนข้างตื่นเต้น สมัยก่อนใบหน้าของเขามักจะสุขุม กลับมาครั้งนี้แววตากลับเต็มไปด้วยความตื่นเต้นมีชีวิตชีวา
หลังจากได้เห็นท้องทะเลอันแสนกว้างใหญ่และคลื่นที่ซัดเข้าฝั่ง โจวย่าอวิ๋นก็เหมือนได้เปิดโลกทัศน์ไปอีกขั้น
“สิ่งเดียวที่ไม่ดีก็คือคำนวณเวลาผิดพลาด น้ำแข็งที่ต้องใช้ระหว่างทางไม่เพียงพอ ดังนั้นจึงเสียเวลาไปสักหน่อย ทำให้สินค้าบางส่วนเสียหาย” โจวย่าอวิ๋นบอกเล่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด “ทว่าผู้น้อยสำรวจดูแล้ว หากเราไปขนสินค้า่ต้นฤดูหนาว ระหว่างขากลับ ไม่เพียงสินค้าจะได้รับการถนอมอย่างดี ยังสามารถลดค่าใช้จ่ายได้ถึงกึ่งหนึ่ง แต่หากเป็ฤดูร้อน ค่าใช้จ่ายจำเป็คงเพิ่มมากขึ้นถึงสองเท่า”
่ระหว่างเดินทาง เวลาอยู่ว่างโจวย่าอวิ๋นก็มักจะตรวจสอบระยะเวลาของสินค้ากับสภาพสินค้า เขาทำการจดบันทึกสิ่งเหล่านี้ไว้เป็อย่างดี
ชีเหนียงฟังเขาเล่าก็เข้าใจว่าความเสียหายเหล่านี้เป็เื่ยากที่จะเลี่ยง หาก้าลดความเสียหายในการขนส่ง ทั้งยานพาหนะ ทั้งการคุ้มกันระหว่างทางรวมถึงการถนอมที่เหมาะสม ต้องคำนึงถึงทั้งสามสิ่งให้ครบถ้วน ส่วนตอนนี้ เื่พวกนี้ยังห่างไกลจากที่กล่าวมามากนัก
“ครั้งนี้เ้าออกไปลำบากแล้ว รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ หากมีเื่อะไร รอพักผ่อนเสร็จแล้วค่อยคุยกันวันรุ่งขึ้น”
โจวย่าอวิ๋นรู้สึกอบอุ่นหัวใจ “ขอรับนายหญิง รอขนย้ายสินค้าเรียบร้อย ผู้น้อยจะกลับไปพักผ่อน”
ขณะพูด เขาก็ชี้ไปยังสองคนที่ช่วยขนย้ายสินค้า “สองคนนี้คือผู้ช่ำชองด้านการดูแลอาหารทะเลที่ผู้น้อยพามาด้วย พวกเขาคือเด็กกำพร้า ผู้น้อยจึงตัดสินใจซื้อพวกเขาไว้ คาดว่าต่อไปหากมีพวกเขาอยู่ด้วย ไม่ว่าจะเป็การไปกลับเมืองอวิ๋น หรือการอยู่ที่นี่ ก็ล้วนมีประโยชน์อย่างมากแน่”
-----