“เธอเดินไปหยิบเองสิ ข้างบนไม่มีคนเสียหน่อย” จ้าวเถี่ยจู้ะโบอกเขารู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้มีนิสัยที่ประหลาดยังไงชอบกลเพราะอย่างนี้เขาจึงไม่อยากยุ่งด้วย ไม่อยากให้มีปัญหาตามมาทีหลังถึงจะหน้าเด็กหน้าอกใหญ่ แต่ก็เป็หน้าเด็กหน้าอกใหญ่ที่นิสัยแปลกๆไม่ยุ่งด้วยเป็การดีที่สุด เขาคิดทั้งยังไม่ขยับเดินขึ้นไปบนบ้าน
“พี่เถี่ยจู้ ช่วยหนูหน่อยเถอะ ตอนนี้หนูแก้ผ้าอยู่ ไม่สะดวก” หลีหลิงเอ่อร์พูดขอร้อง “ช่วยหยิบให้หนูหน่อยเถอะนะ” เธอยังคงพูดขอร้องด้วยน้ำเสียงออดอ้อน จนเขาแทบจะละลาย
“เอ่อคือ...” เขาพยายามต่อสู้กับตัวเองสุดฤทธิ์ไม่ไหวแล้ว คิดว่าโม่วอิ่งคนนี้จะกลัวหรือไง หยิบก็หยิบวะเขาติดสินใจด้วยแววตาเด็ดเดี่ยวราวกับกำลังจะไปช่วยเหลือมนุษยชาติก็ไม่ปาน
จ้าวเถี่ยจู้หายใจเข้าลึกๆ แล้วรีบขึ้นไปบนชั้นสองเขาเดินเข้าไปในห้องของหลีหลิงเอ่อร์แล้วตรงไปที่กระเป๋าเดินทางของอีกฝ่าย
นี่เป็กระเป๋าเดินทางของผู้หญิงเชียวนะ ข้างในจะมีอะไรบ้างนะเขาที่เพิ่งเคยทำเื่แบบนี้เป็ครั้งแรกอดคิดไม่ได้ เพียงแค่คิดเืลมในร่างกายของเขาก็เริ่มปั่นป่วน
อย่างแรกที่เข้ามาในสายตาเขาคือ... มันคือกางเกงชั้นในสีชมพูแถมตรงกลางยังมีลายกระต่ายกำลังกินแครอทอยู่ด้วย เพียงแค่คิดถึงแครอทเขาก็อดคิดถึงเื่... ขึ้นมาไม่ได้
เสียมารยาท! เสียมารยาท! เขาคิดในใจพร้อมกับมองไปทางอื่นเขาเป็สุภาพบุรุษจะมามัวมองของพวกนี้ได้ยังไงกันเขาแค่ขึ้นมาหยิบผ้าขนหนูเท่านั้น เขามองไปในกระเป๋าเดินทางอีกรอบคราวนี้เจอกับ... เสื้อในสีชมพู
เด็กน้อยนี่ ทำไมถึงใช้แต่สีชมพูนะ ให้ตายเถอะ น่ารักจริงๆ เลย พี่ชอบ ฮ่าๆๆเขาคิดพร้อมกับหยิบพวกชั้นในไปไว้อีกฝั่งของกระเป๋า เอ๋ ทำไมไม่มีผ้าขนหนูตัวล่ะ เขาลงมือหาอีกรอบอย่างสงสัย
“เฮ้ย!!!” ทันใดนั้นก็มีเสียงๆหนึ่งดังขึ้นข้างหลังเขา
“จ้าวเถี่ยจู้ นายเป็โจรขโมยชุดชั้นในจริงๆ ด้วย”
เมื่อเขาหันไปมองก็เห็นซูเยี่ยนนีที่มายืนอยู่ข้างหลังเขาั้แ่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้แล้วแถมยังมาเห็นตอนที่ในมือเขากำลังถือเสื้อในสีชมพูอีกด้วยเขากลืนน้ำลายอย่างไปไม่เป็ ต่อให้อธิบายยังไงก็คงไม่ทันแล้วสินะ
“ไม่คิดเลยว่านายจะเป็คนเลวทรามแบบนี้!! ถือว่าฉันดูนายผิดไปละกัน!! จับได้คาหนังคาเขาเลย!!” ซูเยี่ยนนีพูดด้วยความโมโหแล้วหยิบกุญแจมือจากเอวออกมาพร้อมทั้งเดินตรงมาหาเขา
จ้าวเถี่ยจู้มองซูเยี่ยนนีที่รีบสาวเท้าเดินตรงเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็วเห็นดังนั้นเขาก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี จะหลบหรือตอบโต้ดี ถ้าตอบโต้อีกฝ่ายเป็แค่ผู้หญิงแถมยังเป็ผู้เช่าอีกด้วย มันคงจะดูไม่ดี แต่ถ้าไม่ตอบโต้มันก็จะดูเหมือนเขากลัวผู้หญิงตัวเล็กๆ เขาเลือกไม่ถูกเลยจริงๆ
ซูเยี่ยนนีเดินเข้ามาใกล้มากแล้ว แต่เขาก็ยังตัดสินใจไม่ได้ขณะที่ซูเยี่ยนนีเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆเขาก็ตัดสินใจโยนเสื้อในสีชมพูกลับเข้าไปในกระเป๋า แล้ววิ่งหาที่หลบ
ซูเยี่ยนนีไม่รู้ว่าตัวเองจะรู้สึกดีใจหรือโกรธกันแน่ที่จับจ้าวเถี่ยจู้ได้ระหว่างที่จ้าวเถี่ยจู้กำลังจะวิ่งหาที่หลบ เธอก็ตัดสินใจะโตัวไปข้างหน้าเพื่อจับอีกฝ่ายอย่างไม่ห่วงตัวเองเลยแม้แต่น้อยแต่ก็จับได้เพียงแค่อากาศเท่านั้น เธอไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะไวขนาดนี้
ซูเยี่ยนนีไม่สนใจอาการเจ็บหน้าอกของตนที่เกิดจากะโพลาดจนล้มลงหน้าอกกระแทกกับพื้นเธอรีบคลานไปข้างหน้า ในที่สุดก็จับเท้าของจ้าวเถี่ยจู้ไว้ได้
จ้าวเถี่ยจู้พยายามคิดหาวิธีที่จะลัดตัวให้หลุดจากการเกาะกุมของซูเยี่ยนนี แต่คิดยังไงก็คิดไม่ออก ได้แต่มองดูมือซูเยี่ยนนีที่จับอยู่ที่ข้อเท้าของตนเพียงแค่ซูเยี่ยนนีออกแรงดึง เขาก็ล้มลงไปกับพื้น
ซูเยี่ยนนีคลานไปข้างหน้ากดตัวของจ้าวเถี่ยจู้เอาไว้แล้วขึ้นไปนั่งทับบนตัวของอีกฝ่าย
“ดูสิจะหนีไปไหนอีก”
“นี่ นั่งแบบนี้มันไม่ดีเลยนะ” จ้าวเถี่ยจู้นอนเอารองมือไว้ที่ศีรษะขณะพูด
ซูเยี่ยนนีที่เพิ่งรู้สึกตัวว่าตอนนี้ตนกำลังนั่งทับอีกฝ่ายอยู่แต่ที่น่าอายไปกว่านั้นก็คือ ตอนนี้ตนใส่เครื่องแบบตำรวจที่่ล่างเป็กระโปรงแล้วอีกอย่างวันนี้อากาศก็ร้อน เธอจึงเลือกใส่ถุงหน่องที่เป็แบบตาข่ายแทนแล้วตอนนี้เธอกำลังนั่งชันเข่าทับอยู่ตรงเอวของอีกฝ่าย นั่นก็เท่ากับว่าคนตรงหน้าต้องเห็น...ของเธอแล้วนะสิ
“นาย!!! ห้ามดูนะ หันหน้าไปเดี๋ยวนี้” ซูเยี่ยนนีรีบบอก
“เชอะ ก็แค่สีแดงเอง ทำอย่างกับว่าอยากจะดูงั้นแหละ คุณบังคับผมเองนะ” เขาหันหน้าไปด้านข้างพร้อมกับพูดเสียงเบา
“พูดอะไร!” ซูเยี่ยนนีใบหน้าแดงก่ำ มือที่ถือกุญแจมืออยู่สั่นอย่างเห็นได้ชัด
“เอ๋ พี่เถี่ยจู้ พวกคุณทำอะไรกันน่ะ” หลีหลิงเอ่อร์ยืนอยู่ที่หน้าประตูพร้อมทั้งใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมถามอย่างใกับภาพตรงหน้า
“หลิงเอ่อร์ เธอทำให้พี่ลำบากจริงๆ เลย” เขาพูดด้วยน้ำเสียงขมขื่นผ้าขนหนูก็อยู่ในมือเธอไง ยังจะเรียกไปหยิบอะไรอีกเล่า
“อะไรล่ะคะ ก็ตอนหลังหนูมาคิดได้ว่าผู้หญิงกับผู้ชายยังไงก็แตกต่างกันหนูเลยเดินกลับมาหยิบเอง ทำไมเหรอคะ นี่หนูไม่ได้เข้ามาขัดจังหวะพี่กับพี่สาวคนนี้ใช่ไหมคะ” หลีหลิงเอ่อร์อธิบายแล้วจึงถามต่อ
“ไม่ได้ขัดจังหวะไรทั้งนั้นแหละ แล้วทำไมเธอไม่รีบบอกละ ดูสิทำให้พี่กลายเป็โจรขโมยชั้นในเลย” จ้าวเถี่ยจู้มองไปที่ซูเยี่ยนนีขณะพูด
“ทำไมพี่สาวคนนี้ถึงคิดว่าพี่เถี่ยจู้เป็โจรขโมยชั้นในล่ะคะเมื่อกี้หนูแค่เรียกให้พี่เขาช่วยหยิบของให้ก็เท่านั้นเอง” หลีหลิงเอ่อร์พูดอย่างใ
ซูเยี่ยนนีที่เพิ่งรู้ว่าตนนั้นเข้าใจผิดไปก็หน้าแดงด้วยความเขินอายแล้วรีบลุกขึ้นยืนในทันที
“ผมดูเหมือนคนโรคจิตแบบนั้นเหรอนี่อย่าบอกนะว่าที่คุณมาเช่าบ้านผมอยู่เพราะอยากจะจับผมเพราะคิดว่าผมคือไอ้โรคจิตคนนั้น” เขามองซูเยี่ยนนีอย่างสงสัย
“ใช่ที่ไหนกัน ก็ฉันเห็นว่านายกำลังแอบรื้อของในกระเป๋าคนอื่นแล้วมือนายก็ถือเสื้อในแถมยังทำหน้าตาไม่น่าไว้ใจอีกด้วยเป็ใครก็ต้องคิดว่านายเป็โจรขโมยชั้นในทั้งนั้นแหละ” ซูเยี่ยนนีพูดกลบเกลื่อนพร้อมทั้งจัดเสื้อผ้าหน้าผมของตัวเองไปด้วยจากนั้นจึงหันไปแนะนำตัวกับหลีหลิงเอ่อร์ “สวัสดีพี่ชื่อซูเยี่ยนนี เป็ผู้เช่าที่นี่เหมือนกัน น้องชื่ออะไรเหรอ”
“หนูชื่อหลีหลิงเอ่อร์ค่ะ เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่แล้วก็เป็นักศึกษาใหม่ของมหาลัยฝูเจี้ยนค่ะ”
เพียงแค่สนทนากันไม่กี่ประโยคหญิงสาวทั้งสองก็สนิทกันราวกับเป็เพื่อนที่รู้ใจกันมานานจากนั้นก็พากันไปนั่งคุยที่ชั้นล่างต่อ ทิ้งให้เขายืนในห้องอยู่คนเดียว
เขาทิ้งตัวนอนลงบนพื้น พลางคิดย้อนไปถึงภาพที่แสนจะงดงามนั้น ชีวิตนี้ช่างดีเหลือเกิน