จ้าวเถี่ยจู้ชะลอฝีเท้าเมื่อะโจนใกล้จะถึงกำแพงบ้านของตัวเองเขาใช้ปลายเท้าสะกิดพื้นเพื่อะโอีกครั้ง เพียงแค่นี้ก็สามารถข้ามกำแพงที่สูงถึงสองสามเมตรเข้ามาในบริเวณบ้านได้อย่างง่ายดายเขาะโอีกไม่กี่ครั้งก็สามารถข้ามสระว่ายน้ำจนมาถึงชั้นสองของตัวบ้านได้แล้ว
ซูเยี่ยนนีและเฉาจื่ออี๋ยังคงเล่นเกมอยู่ในห้องรับแขกเช่นเดิมขณะที่เขาะโเข้ามาที่ระเบียงห้องของตัวเองเขาเหม่อมองออกไปอย่างไร้จุดหมาย ขนาดคนของซือหลิงยังเก่งขนาดนี้ก็ไม่รู้ว่าจะยังมียอดฝีมืออีกกี่คนที่ยังซ่อนตัวอยู่บนโลกใบนี้ตอนที่สู้กันเขาได้ยินชายแก่คนนั้นพูดถึงอันดับของยอดฝีมือเขาไม่คิดเลยว่าฝีมือขนาดนี้ของเขาจะได้อยู่แค่อันดับห้าหมายความว่ามีอีกสี่คนที่ชายแก่คนนั้นเห็นว่าฝีมือดีกว่าเขา ถึงจะแอบใแต่เขาก็ไม่กลัวเพราะตอนที่สู้กันเขาไม่ได้ใช้ความสามารถที่แท้จริงนั้นก็คือการล่องหนกลับใช้แค่แรงปกติที่เพิ่มขึ้นอยู่ทุกวันเท่านั้น ั้แ่ที่เขาโดนฟ้าผ่าครั้งนั้นแรงของเขาก็ไม่รู้ว่าเพิ่มขึ้นมาเท่าไหร่ และไม่มีทีท่าว่าจะลดลงด้วยตามมาด้วยความเร็วและพลังที่พร้อมจะปะทุออกมาทุกเมื่อ ถ้าให้เวลาผ่านไปนานกว่านี้เขาก็คงจะมีแรงเพิ่มขึ้นอีกไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ ถึงตอนนั้นจะยังมีใครเป็คู่ต่อสู้ของเขาได้อีกจะอันดับอะไรเขาก็ไม่สนหรอก เขายักไหล่แล้วหันหลังเตรียมจะเดินเข้าห้อง
ในขณะนั้นเองสายตาของเขาก็ถูกของที่ตากไว้ที่ระเบียงข้างๆ ดึงดูดไม่รู้ว่าั้แ่เมื่อไหร่ที่ซูเยี่ยนนีนำกางเกงในจีสตริงมาตากไว้แบบนี้แถมยังมีเสื้อในลายดอกสีดำที่เธอนำมาแขวนไว้บนราวตากผ้าอีกด้วย ช่างเป็วิวที่ดีจริงๆเลย เขายิ้มมุมปาก ผู้หญิงคนนี้นี่ยังไม่เลิกคิดที่จะยั่วเขาอีกเหรอเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองไปแสดงอาการเหมือนคนลามกให้เธอเห็นตอนไหนเธอถึงฝังใจไม่ลืมขนาดนี้ เขาคิดอย่างไม่ใส่ใจแล้วเดินเข้าห้องไป
ซูเยี่ยนนีใช้หางตาเหลือบมองขึ้นไปชั้นบน ถึงแม้ว่าตอนบ่ายจ้าวเถี่ยจู้จะช่วยตนเอาไว้แต่เธอก็ยังเป็คนของประชาชน จะมาเห็นแก่ความรู้สึกส่วนตัวไม่ได้ตอนเย็นถึงเธอเห็นท่าทางเหมือนคนไม่สนใจอะไรของเขาแต่เธอก็อดนำชุดชั้นในของตัวเองไปตากไว้ที่ระเบีบงอย่างคนไม่ยอมตายใจพอถึงเวลาถ้าเขาลงมือ เธอจะได้จับเขาได้อย่างง่ายดาย แต่ในใจของเธอกลับรู้สึกเหมือนมีความขัดแย้งเกิดขึ้นบางๆไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน
เช้าวันต่อมา ซูเยี่ยนนีตื่นั้แ่เช้ามองไปที่ระเบียงก็ยังเห็นชุดชั้นในของตนตากไว้อยู่เช่นเดิม เธอจึงถอนใจอย่างโล่งอกเขาอาจจะไม่ใช่โจรขโมยชุดชั้นในก็เป็ได้
“เหยียนหนี คุณตากของแบบนี้ไว้ที่ระเบียง จะดีเหรอ” จ้าวเถี่ยจู้ที่ไม่รู้ว่าเดินออกมาที่ระเบียงั้แ่เมื่อไหร่ถามด้วยรอยยิ้มพร้อมชี้ไปที่ชุดชั้นในของเธอ
“ยุ่งไรด้วย โรคจิต” เธอเดินไปที่ระเบียงพร้อมกับเก็บชุดชั้นในไปอย่างรวดเร็ว
จ้าวเถี่ยจู้หยิบมือถือขึ้นมาดูเวลา ตอนนี้เป็เวลาเก้าโมงเช้าเครื่องของลูกสาวหัวหน้าฝ่ายวิจัยหลีลงตอนสิบโมง เขาก็น่าจะออกจากบ้านไปได้แล้วเขาทักทายเฉาจื่ออี๋นิดหน่อยก่อนจะออกจากบ้านแล้วเรียกรถแท็กซี่เพื่อไปสนามบิน
สนามบินเมืองฝูเจี้ยนสร้างขึ้นเมื่อสิบกว่าปีก่อนทำให้สนามบินนี้เป็สนามบินที่ใหญ่ที่สุดในมณฑลนี้ ทำให้วันๆหนึ่งมีเครื่องบินขึ้นๆ ลงๆ ไม่รู้กี่ร้อยรอบ
จ้าวเถี่ยจู้มองตารางเวลาการบินพบว่าเครื่องที่ลูกสาวหัวหน้าฝ่ายวิจัยหลีนั่งมากำลังจะลงจอดในอีกไม่ช้าเสียงประกาศการลงจอดดังขึ้น เขาจึงตัดสินใจยืนรอเธออยู่ที่หน้าทางออก
เครื่องน่าจะลงจอดเรียบร้อยแล้วเขาจึงหยิบมือถือขึ้นมาโทรหาอีกฝ่าย
“สวัสดีค่ะ จากไหนคะ” เสียงที่ดูฟังแล้วเหมือนเสียงเด็กตอบกลับมา
“ผมชื่อจ้าวเถี่ยจู้ คุณคือลูกสาวหัวหน้าฝ่ายวิจัยหลีใช่ไหมครับ” เขาอึ้งอยู่สักพักก่อนจะถามคนในสาย
“ใช่ค่ะ คุณคือคนที่จะมารับฉันใช่ไหมคะ ฉันกำลังจะถึงทางออกแล้วค่ะ อ่อฉันชื่อหลีหลิงเอ่อร์นะคะ ไม่ทราบว่าตอนนี้คุณอยู่ตรงไหนคะ”
“ผมยืนอยู่ตรงประตูทางออกครับ ถ้าคุณออกมาเมื่อไหร่ให้หาคนที่หล่อที่สุด นั่นแหละครับคือผมเอง” เขาตอบพร้อมใบหน้ายิ้มแย้ม
“คนที่หล่อที่สุด ทำไมฉันถึงไม่เห็นเลยล่ะคะ มีแต่พวกลุงๆ ทั้งนั้นเลย”
จ้าวเถี่ยจู้มองไปยังบรรดาผู้โดยสายที่เดินออกมาจากประตูทางออกแล้วเขาก็เห็นหญิงสาวสวมชุดกระโปรงสีฟ้าคนหนึ่งกำลังยืนคุยมือถืออยู่
“คุณใช่คนที่ใส่ชุดกระโปรงสีฟ้าหรือเปล่า” เขาถามปลายสาย
“ใช่ คุณอยู่ตรงไหนคะ”
“อยู่นี่” เขาชูมืออีกข้างขึ้นพร้อมทั้งเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงดัง
“คนที่กำลังชูมือเหมือนคนบ้านั่นคือคุณเหรอ” หลีหลิงเอ่อร์เมื่อเห็นว่าเขากำลังชูมือโบกไปโบกมาก็ถามอย่างไม่แน่ใจเขาไม่ตอบอะไรแต่เลือกที่จะกดวางสายแทน
หลีหลิงเอ่อร์เห็นว่าเขากดวางสายใส่แต่เธอกลับไม่แสดงอาการโกรธออกมาเลยแม้แต่นิดเดียวเธอเดินตรงเข้ามาหาแล้วหยุดยืนตรงหน้าเขา จ้าวเถี่ยจู้มองเด็กสาวที่อายุแค่ 20 ก็สามารถเข้าร่วมทีมวิจัยได้แล้วมองพิจารณาดูแล้วก็พบว่าเธอมีผิวขาวราวกับน้ำนม ใบหน้าน่ารักราวกับตุ๊กตาดวงตากลมโตสะท้อนความสดใสและความบริสุทธิ์ เธอไว้ทรงผมสั้นเหมือนเห็ดชุดกระโปรงสีฟ้าที่ใส่อยู่ส่วนบนปักลายหมีเอาไว้ และกระเป๋าที่ใช้ก็เป็ลายการ์ตูนเหมือนพวกผู้หญิงโลลิต้าไม่มีผิดเขายังแอบสำรวจหน้าอกที่ดูเหมือนจะมีขนาดใหญ่เกินตัวซึ่งซ่อนอยู่ใต้ชุดกระโปรงสีฟ้าตัวนั้นขนาดพอๆ กับของซูเยี่ยนนีเลยก็เป็ได้เป็หญิงสาวที่หน้าเด็กแต่มีหน้าอกที่ออกจะเกินตัวไปสักหน่อย เขาสรุปในใจ
“คุณคือคนที่จะมาเป็บอดี้การ์ดให้หนู?” หลีหลิงเอ่อร์ถามอย่างไร้เดียงสา
“ใช่แล้ว ฉันชื่อจ้าวเถี่ยจู้” เขาลากกระเป๋าเดินทางของเธอมาถือไว้เองแล้วจึงพูดต่อ “พวกเรากลับบ้านกันเถอะ”
“พี่เถี่ยจู้ พวกเราจะอยู่กันที่ไหนเหรอ” หลีหลิงเอ่อร์ถามด้วยความสงสัย
“บ้านพี่เอง”
“ไม่ได้นะ ผู้หญิงกับผู้ชายจะอยู่บ้านเดียวกันไม่ได้นี่พี่เถี่ยจู้คิดอะไรไม่ดีกับหนูอยู่หรือเปล่า ตอนกลางคืนคงไม่คิดจะเข้าไปรังแกหนูใช่ไหม”
“เอ่อ...ที่บ้านพี่ยังมีคนอยู่ด้วยอีกสองคน”
“นี่พี่สามคนคิดจะรวมหัวกันรังแกหนูงั้นเหรอ”
“สองคนนั้นเป็ผู้หญิง”
“พี่เถี่ยจู้นี่สุดยอดไปเลย! ประกบคู่เลยงั้นเหรอ”
จ้าวเถี่ยจู้ตัดสินเงียบ ไม่พูดอะไรต่อไม่รู้ว่าในหัวเธอคิดเื่อะไรบ้าง เขาเป็ชายหนุ่มใสซื่อบริสุทธิ์นะประกบคู่อะไรกันล่ะ ถ้าเป็หมู่ก็ว่าไปอย่าง ฮ่าๆ คนตรงหน้ารวมกับอีกสองคนที่อยู่ที่บ้านแบบนี้ก็แซนวิชเลยน่ะสิ ฮ่าๆๆ เกิดมาชีวิตนี้คุ้มจริงๆ เลย
"พี่เถี่ยจู้คิดอะไรอยู่คะ หน้าตาดูมีมีเลศนัยชอบกล”
“เปล่า ไม่ได้คิดอะไร พวกเราไปกันเถอะ อย่ามัวแต่ยืนคุยกันอยู่เลย” เขาพูดด้วยสีหน้าแดงก่ำ
ตอนที่พวกเขานั่งแท็กซี่กลับมาถึงบ้าน ซูเยี่ยนนีก็ออกไปทำงานเรียบร้อยแล้วส่วนเฉาจื่ออี๋ก็ออกไปฝึกวาดภาพเช่นกัน
“หลังจากวันนี้เธอต้องอยู่ที่นี่ หมายถึงห้องในบ้านนี้ทั้งหมดก็เพื่อความปลอดภัยของตัวเธอเอง รู้ไหม” เขาบอกด้านหลีหลิงเอ่อร์ก็พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ
“ไปที่ห้องกันไป” จ้าวเถี่ยจู้พูดพร้อมกับยกกระเป๋าเดินทางของอีกฝ่ายมาไว้บนบ่าแล้วเดินขึ้นบันไดไปชั้นบน
“พี่เถี่ยจู้ทำไมมาถึงก็ชวนหนูเข้าห้องแล้วละคะ นี่พี่มีแผนอะไรหรือเปล่า”
คนฉลาดๆ เขาจะมีความคิดที่ไม่เหมือนกับคนธรรมดางั้นเหรอเขาคิดแล้วจึงพูดตอบกลับไป “หมายถึงห้องที่เธอจะใช้นอนต่อจากนี้”
“เข้าใจแล้วค่ะ” หลีหลิงเอ่อร์ตอบรับด้วยรอยยิ้มแล้วเดินตามเขาขึ้นไป
ห้องพักที่เขาจัดไว้ให้หญิงสาวคือห้องที่อยู่ตรงข้ามกับห้องของเขาเพราะถ้ามีเื่อะไรเกิดขึ้น เขาจะได้มาถึงได้ทันท่วงทีเขาวางกระเป๋าเดินทางไว้ในห้องแล้วถามอีกฝ่ายที่เดินตามหลังเข้ามา “เธอจะไปลงทะเบียนที่มหาลัยวันไหน”
“เร็วๆ นี้แหละค่ะ น่าจะอีกสามวันพี่เถี่ยจู้ต้องไปเรียนกับหนูด้วยใช่ไหมคะ”
“ใช่ ถึงตอนนั้น พวกเราต้องไปด้วยกัน” เขาตอบรับ
“พี่เถี่ยจู้ หนูอยากอาบน้ำ ห้องน้ำอยู่ไหนคะ”
“อยู่นั่น” เขาชี้มือไปทางห้องน้ำ ก่อนจะพูดต่อ “ไปอาบน้ำเถอะ พี่จะลงไปทำอะไรให้ทาน อยากทานอะไรล่ะ”
“หนูอยากทานไข่ดาวค่ะ พี่เถี่ยจู้ หนูมีเื่ตลกจะเล่าให้ฟังมีผู้ชายคนหนึ่งไปซื้อเสื้อในให้แฟนสาว พอไปถึงที่ร้านด้วยความที่เขาไม่รู้ไซส์เสื้อในของแฟนสาวเขาเลยถามพนักงานว่ามีเสื้อในที่ใหญ่เท่ากับแอปเปิลไหม พนักงานตอบว่าไม่มีงั้นมีเสื้อในที่ใหญ่เท่าส้มไหม พนักงานก็ตอบมาอีกว่าไม่มี งั้นมีใหญ่เท่าไข่ไหมพนักงานตอบว่ามีๆ มีใหญ่เท่ากับไข่ดาวเลย ฮ่าๆๆ ตลกมากเลย”
จ้าวเถี่ยจู้มองหน้าหลีหลิงเอ่อร์ด้วยใบหน้านิ่งๆไม่พูดอะไรแล้วเดินลงบันไดไปด้านหญิงสาวก็ไม่ได้รู้สึกโกรธเลยสักนิดที่อีกฝ่ายยืนนิ่งไม่หัวเราะกับเื่ตลกที่เธอเล่าอย่างไม่ไว้หน้าเธอเดินไปที่กระเป๋าเดินทางแล้วหยิบเสื้อผ้าออกมา จากนั้นจึงเดินไปอาบน้ำราวกับเื่เมื่อสักครู่ไม่เคยเกิดขึ้น
“พี่เถี่ยจู้”
“อะไรอีกล่ะ!” เขาพูดตอบหลีหลิงเอ่อร์
“หนูลืมหยิบผ้าขนหนูมาด้วย พี่ช่วยหยิบให้หน่อยได้ไหมอยู่ในกระเป๋าเดินทางอ่ะค่ะ”
“....”