ั้แ่จ้าวเถี่ยจู้กลับมาบ้านจนถึงตอนนี้ มันก็เป็เวลาเย็นมากแล้ว แต่เฉาจื่ออี๋ก็ยังไม่กลับบ้านหลีหลิงเอ่อร์และซูเยี่ยนนีตอนนี้สนิทสนมกันจนตัวแทบจะติดกันเลยก็ว่าได้หลังจากที่ทั้งสองกินข้าวเย็นเสร็จได้สักพักหลีหลิงเอ่อร์ก็ออกความคิดว่าพวกเขาน่าจะไปร้องคาราโอเกะกันซึ่งซูเยี่ยนนีก็เห็นด้วย ตอนแรกเขาคิดจะนัดเล่ยจื่อออกไปหาอะไรดื่มแต่ตอนนี้ในหมู่พวกเขาสามคน มีผู้เช่าสองคนที่เห็นว่าควรจะไปร้องคาราโอเกะเขาก็ควรจะเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มครั้งนี้ด้วยในฐานะเ้าบ้านเพื่อเป็การลดอาการตะขิดตะขวงใจเมื่อตอนกลางวันและเพื่อให้พวกเราสามารถเข้าใจกันได้มากขึ้นด้วย
คิดได้ดังนั้นเขาจึงหยิบมือถือออกมากดหาเล่ยจื่อ ซึ่งอีกฝ่ายก็เห็นด้วยพวกเขาจึงนัดเจอกันที่ร้านจินเซ่อเทียนตี้
ร้านจินเซ่อเทียนตี้แห่งนี้เป็ร้านที่ใหญ่ที่สุดในเมืองฝูเจี้ยนในร้านมีทั้งคาราโอเกะ บาร์ ห้องออกกำลังกาย แถมเขายังเคยได้ยินมาอีกด้วยว่าที่ชั้นล่างของร้านมีสนามมวยอยู่ด้วย แต่มันก็เป็เพียงแค่ข่าวลือรายละเอียดเป็ยังไง คนธรรมดาอย่างพวกเราไม่มีทางรู้ได้
จ้าวเถี่ยจู้พาหญิงสาวทั้งสองคนนั่งรถแท็กซี่มาจอดที่หน้าร้านเมื่อหญิงสาวทั้งสองลงมาจากรถ สายตาของผู้ชายแถวนี้ก็จับจ้องมาที่พวกเธอทันทีหญิงสาวทั้งสองถือได้ว่าเป็ที่สุดของที่สุดในหมู่สาวสวยเลยก็ว่าได้คนหนึ่งหน้าเด็กหน้าอกใหญ่อีกคนก็เช่นเดียวกันเพียงแต่เพิ่มเสน่ห์ของผู้ใหญ่เข้ามาหน่อย ซูเยี่ยนนีที่ตอนนี้ไม่ได้สวมเครื่องแบบตำรวจ แต่เปลี่ยนเป็สวมชุดกระโปรงยีนส์สั้นแทนทำให้เห็นขาที่ขาวราวกับหิมะ เรียกได้ว่าทั้งสองคนเป็เหมือนภาพทิวทัศน์ที่สวยงาม
“วันนี้ฉันไม่เห็นเ้าหลีจื่อฉีอะไรนั่นเลยเล่าให้ฟังหน่อยสิว่าวันนั้นนายออกมาได้ยังไง” ซูเยี่ยนนีชวนเขาคุย
“ออกมายังไงน่ะเหรอ ก็แค่ทำเป็โมโหแล้วอาละวาดนิดๆ หน่อยๆหลีจื่อฉีกับพวกก็รีบปล่อยออกมาเลย”
“เชอะ” ซูเยี่ยนนีมองคนพูดตาขวาง ไม่อยากพูดเธอก็จะไม่ถาม เพียงแต่วันนี้ทั้งวัน สายตาของเพื่อนร่วมงานของเธอดูแปลกๆไม่เหมือนแต่ก่อน พอเธอถามว่าเป็อะไร พวกเขาก็ส่ายหัวปฏิเสธท่าเดียวทำเอาเธออดรู้สึกแปลกใจไม่ได้
ทันใดนั้นเองรถสปอร์ตสองสามคันก็ขับตรงมาตามถนนแล้วจอดที่หน้าร้านแห่งนี้เด็กวัยรุ่นสองสามคนแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าแปลกๆ ผมก็ย้อมเป็สีหลายสีก้าวลงมาจากรถจ้าวเถี่ยจู้หรี่ตามองเด็กกลุ่มนี้พร้อมกับชื่นชมอยู่ในใจ รถที่เด็กพวกนี้ใช้เขารู้จักดีว่าแต่ละคันคือยี่ห้ออะไรบ้าง มีทั้งมาเซราติ เฟอร์รารี่ ปอร์เช่แล้วก็ลัมโบร์กีนีดูเท่ห์น่าดู นอกจากเขาแล้ว คนที่อยู่รอบๆต่างก็หยุดมองเด็กพวกนี้อย่างสนใจเช่นเดียวกัน
เด็กวัยรุ่นพวกนี้ต่างก็มาด้วยกันกับแฟนพวกเขาหัวเราะอย่างสนุกสนานพร้อมกับเดินเข้าไปในร้านจินเซ่อเทียนตี้ ขณะนั้นเองเด็กวัยรุ่นผมสีเหลืองคนหนึ่งเห็นเขาและหญิงสาวอีกสองคนที่ยืนอยู่หน้าร้านเขาสังเกตเห็นว่าตาของวัยรุ่นคนนั้นมองมาที่ซูเยี่ยนนีและหลีหลิงเอ่อร์ด้วยแววตาเป็ประกายเด็กวัยรุ่นผมสีเหลืองดึงแขนเพื่อนๆของตนให้หยุดเดินพร้อมทั้งชี้มาตรงที่พวกเรายืนอยู่
เพื่อนคนอื่นๆ ของเด็กวัยรุ่นผมสีเหลืองต่างก็มองมาที่พวกของจ้าวเถี่ยจู้เขามองอย่างแปลกใจขณะที่เด็กวัยรุ่นพวกนั้นเดินตรงเข้ามาหา
“พี่เถี่ยจู้ พี่ต้องปกป้องพวกเราให้ดีนะ” หลีหลิงเอ่อร์กะพริบตาปริบๆอย่างหวาดกลัวขณะพูด
“อืม” เขาถอนหายใจอย่างทำอะไรไม่ได้พวกคนสวยนี่มักจะนำพาเื่เดือดร้อนมาให้เสมอไม่รู้ว่าครั้งต่อไปที่ออกมากับสองคนนี้ เขาจะต้องเจอกับคนแบบนี้อีกกี่ครั้ง
“ไงคนสวย รอเพื่อนเหรอ” วัยรุ่นที่มีผมสีเหลืองถามหลีหลิงเอ่อร์เพราะคิดว่าดูแล้วซูเยี่ยนนีน่าจะอายุมากกว่าตนเอง ดังนั้นจัดการคนอายุน้อยก่อนน่าจะดีกว่า
“ใช่ พวกคุณมีธุระอะไรเหรอ” หลีหลิงเอ่อร์เอียงคอถามเขาไม่รู้ว่าท่าทางน่ารักไร้เดียงสาแบบนั้นฆ่าคนมาแล้วกี่คน
“ก็ไม่มีอะไรหรอก แค่อยากถามว่าทำไมถึงมายืนรอเพื่อนข้างนอกเข้าไปรอด้านในสิ เพื่อนเธอหน้าตายังไง เดี๋ยวฉันให้คนมารอแทน พอเพื่อนเธอมาเดี๋ยวให้คนพาเข้าไปหาเธอ” ชายวัยรุ่นผมสีเหลืองหัวใจเต้นแรงจนเืแทบจะสูบฉีดไม่ทันหญิงสาวตรงหน้าเขาเป็สาวสวยที่หาตัวจับได้ยากเลยก็ว่าได้
“ไม่เป็ไร ฉันรออยู่กับพี่เถี่ยจู้ได้” หลีหลิงเอ่อร์พูดตอบพร้อมกับเอามือคล้องแขนจ้าวเถี่ยจู้
ัันุ่มๆจากแขนของหลีหลิงเอ่อร์ทำให้จ้าวเถี่ยจู้รู้สึกเหมือนตัวกำลังจะลอยแต่เขาก็แสดงออกมาไม่ได้ ได้แต่พูดกับวัยรุ่นผมสีเหลืองด้วยน้ำเสียงเ็า “พวกเรากำลังรอเพื่อน พวกนายอย่ามากวนดีกว่า”
“ไง พี่ชาย” วัยรุ่นผมสีเหลืองทักเขาด้วยแววตาเย็นะเื
“ใครเป็พี่นาย ให้มันน้อยๆ หน่อย นายไม่เหมาะจะเป็น้องผมหรอก” เขายักไหล่อย่างกวนๆ ขณะพูด แต่ในใจกลับรู้สึกยินดีอย่างบอกไม่ถูกที่จะได้ใช้โอกาสนี้แสดงให้หลีหลิงเอ่อร์เห็นถึงความกล้าหาญของเขาแล้วที่เหลือหลังจากนี้ก็แค่ต้องหาที่ลับตาคนเท่านั้น ฮ่าๆๆ
“ดี ดีมาก นายเป็คนแรกในเมืองเลยนะที่กล้าพูดแบบนี้” วัยรุ่นผมสีเหลืองมองเขาด้วยแววตาเย็นะเืยิ่งกว่าเดิมจากนั้นจึงมองไปรอบๆ ก็พบว่าคนรอบข้างต่างก็มองมาที่ตนเป็จุดเดียวจึงพูดกับเขาเบาๆ ว่า “เดี๋ยวพี่จะทำให้แกสนุกจนลืมไม่ลงแน่” พูดจบก็พาพรรคพวกของตนเดินเข้าไปในร้าน
พนักงานต้อนรับที่ยืนอยู่หน้าร้านเห็นวัยรุ่นผมสีเหลืองเดินไปก็รีบเข้ามาต้อนรับทันที“คุณชายหวง มาแล้วเหรอครับ ห้องที่ดีที่สุดที่จองไว้ผมเตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้วครับ เชิญตามผมมาทางนี้เลยครับ” คุณชายหวงชี้มาที่เขาแล้วบอกกับพนักงานคนนั้นว่า “ดูผู้ชายคนนั้นให้ดี”
“ครับผม” พนักงานต้อนรับคนนั้นรับคำแล้วพาเดินเข้าไปในร้าน
เมื่อเห็นคุณชายหวงเดินเข้าไปในร้านแล้วหลีหลิงเอ่อร์จึงปล่อยมือออกจากแขนเขา
“ไม่แน่ว่าอีกสักพักพวกนั้นอาจจะออกมาอีก คล้องเอาไว้ไม่ได้เหรอ” เขายิ้มขณะที่พูด
“ลามก” ซูเยี่ยนนีว่าอย่างดูถูก
“พี่เถี่ยจู้นิสัยไม่ดีเลย” หลีหลิงเอ่อร์พูดตัดพ้อจากนั้นก็เขย่งเท้ากระซิบที่ข้างหูเขาว่า “เมื่อกี้นุ่มไหมคะ” เขารู้สึกเหมือนมีกระแสไฟอะไรสักอย่างแล่นจากหน้าท้องพุ่งลงไปที่น้องชายของเขา
“นางจิ้งจอกคนนี้” เขาพึมพำอย่างทำอะไรไม่ได้หลีหลิงเอ่อร์คนนี้ บางทีก็ไร้เดียงสา แต่บางทีก็ดูช่ำชอง ช่าง... น่าลองเหลือเกินฮ่าๆๆ
ตอนนี้เองที่เล่ยจื่อขับรถจี๊ปทหารมาจอดที่หน้าร้านเมื่อจอดรถเรียบร้อยจึงพูดกับเขาว่า “ขอโทษทีพี่มาช้าไปหน่อย รถมันติดมากเลย”
“ไม่เป็ไร พวกเราก็เพิ่งมาเหมือนกัน” เขาตอบพร้อมกับยิ้มอย่างไม่ถือสา
“พี่เถี่ยจู้ เพิ่งผ่านมากี่วันเอง เปลี่ยนคนแล้วเหรอ” เล่ยจื่อมองไปที่หลีหลิงเอ่อร์ก็พอจะเดาได้ว่าเธอน่าจะเป็ลูกสาวของหัวหน้าฝ่ายวิจัยหลีแต่ก็อดพูดหยอกล้อจ้าวเถี่ยจู้ไม่ได้
“อย่าพูดบ้าๆ น่า หลิงเอ่อร์ นี่เล่ยจื่อ เป็น้องพี่เอง”
“สวัสดีค่ะ” หลีหลิงเอ่อร์กลับไปเป็หญิงสาวที่น่ารักเหมือนเดิมขณะพูดทักทายเล่ยจื่อ
“เข้าไปกันเถอะ” จ้าวเถี่ยจู้พูดชวนจากนั้นพวกเขาทั้งสี่คนก็เดินเข้าไปในร้าน
พนักงานต้อนรับคนหนึ่งออกมาต้อนรับพวกเขาเขาจึงบอกความ้าของพวกเขาแก่พนักงาน “เปิดห้องขนาดกลางให้ด้วย”
“ครับผม” พนักงานหยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมาติดต่อกับพนักงานด้านในก่อนจะหันกลับมาพูดกับเขา “ห้อง 505 ครับ เชิญตามมาเลยครับ” แล้วพวกเขาทั้งสี่คนก็เดินตามพนักงานขึ้นไปที่ชั้นสอง
เมื่อมาถึงห้องคาราโอเกะจ้าวเถี่ยจู้ก็สั่งเบียร์สองลังและของกินเล่นอีกนิดหน่อยก่อนจะให้พนักงานออกไป
พนักงานเมื่อเดินออกจากห้องก็หยิบวิทยุสื่อสารขึ้นแจ้งข่าวกับพนักงานอีกคน “แจ้งคุณชายหวงด้วยว่าพวกนั้นอยู่ห้อง 505”
“รับทราบ” พนักงานอีกคนตอบกลับมา
“มา มา มา ฉันขอร้องเพลงก่อน” หลีหลิงเอ่อร์พูดใส่ไมค์จากนั้นจึงกดเลือกเพลงโดราเอมอน หญิงสาวทั้งร้องทั้งเต้นทำให้หน้าอกของเธอกระเพื่อมขึ้นลงตามการเคลื่อนไหว เขาจึงได้แต่มองอย่างตื่นเต้น
“เล่ยจื่อ มา ดื่ม!” จ้าวเถี่ยจู้ใช้มือหนึ่งเปิดเบียร์อีกมือก็หยิบเบียร์ส่งให้เล่ยจื่อ แล้วเปิดอีกขวดส่งให้ซูเยี่ยนนี เธอลังเลเล็กน้อยแต่ก็รับไป เขาชนขวดกับเล่ยจื่อ “ไม่ได้ดื่มกับนายนานแล้วหมดขวดเลยแล้วกัน” จากนั้นทั้งเขาและเล่ยจื่อก็ยกขวดเบียร์ขึ้นดื่มใช้เวลาไม่นานขวดเบียร์ทั้งสองก็กลายเป็เพียงขวดเปล่า
“ใช่ จำได้ว่าตอนนั้น แค่จะดื่มสักครั้งยังยากเลยถึงจะได้ดื่มก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็ครั้งสุดท้ายหรือเปล่าไม่คิดเลยว่าพวกเราจะได้กลับมาอย่างปลอดภัย” เล่ยจื่อเล่าและเหมือนจะติดลมอยากเล่าต่อแต่กลับถูกเขาขัดโดยใช้สายตามองไปที่ซูเยี่ยนนี เพียงแค่นี้เล่ยจื่อก็เข้าใจในทันที และไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก
“พวกนาย เมื่อก่อนทำอะไรงั้นเหรอ” ซูเยี่ยนนีเหมือนจะได้ยินที่เล่ยจื่อพูดเมื่อครู่ถามออกมา
“ปล้นแล้วก็ฆ่า” เขาตอบแทนเล่ยจื่อ
“ไม่พูดก็ไม่ต้องพูด มา ชนแก้ว” ซูเยี่ยนนีพูดพร้อมกับหยิบขวดเบียร์ขึ้นมาดื่มจนหมด
เขายิ้มอย่างจนปัญญา พูดความจริงก็ไม่เชื่อเขาคิดพร้อมกับหยิบขวดเหล้าขึ้นมาดื่มจนหมดไปอีกขวด เพียงแต่ไม่รู้ทำไมขวดนี้รสชาติถึงได้ขมนัก