“ตกลง!” หลี่อี้สูดหายใจลึกเพื่อสะกดความตื่นเต้นที่ทะลักขึ้นมา แล้วทำทีเป็สงบนิ่งพลางยื่นมือออกไปจับถ้วยชา “ให้สัญญาเลย นี่จะเป็ความลับระหว่างเรา!”
หลินฟู่อินคลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย “สำหรับตอนนี้จะมีเพียงเราสองคนที่รู้ โดยท่านจะเป็ผู้ดูแล” และกล่าวต่อโดยไม่รอหลี่อี้ “ในอนาคตข้าคงได้รบกวนพี่หลี่อี้อีกมากแน่นอน”
หลี่อี้ยิ้มออกมาเล็กน้อยพลางมองหลินฟู่อินอย่างอ่อนโยน “ขอเพียงเ้าอยากมาพบข้า”
“แน่นอน” หลินฟู่อินยื่นมือออกไปหาหลี่อี้
หลี่อี้ตะลึงพลางมองฝ่ามือเนียนนุ่มของนางแล้วส่งเสียงออกมา
“ตีมือ” หลินฟู่อินยิ้ม ทักให้หลี่อี้ตื่นจากภวังค์ เขาจึงยื่นมาออกรับหลินฟู่อิน
เสียงแปะดังขึ้น ทั้งสองมองหน้ากันแล้วส่งเสียงหัวเราะออกมา
เมื่อหลินฟู่อินจัดการเื่นี้เสร็จแล้ว นางจึงหยิบเอาไม้บรรทัดออกมาจากหลังร้านเพื่อทำการวัดขนาด หลินซานหลางจะมาอยู่ที่นี่ จึงจำเป็ต้องมีการเตรียมเตียงและเครื่องใช้
เมื่อวัดขนาดเสร็จแล้ว นางก็ไปร้านเครื่องไม้ที่เชี่ยวชาญด้านการทำเครื่องใช้เพื่อพบช่างไม้าุโให้คำนวณขนาดให้ โดยช่างไม้จะคำนวณราคาตามขนาด
ส่วนเตียงค่อยสั่งแบบสำเร็จรูปเอา
สุดท้ายหลินฟู่อินก็ซื้อเตียงหนึ่งเตียง โต๊ะหนึ่งตัว เก้าอี้ไม้อีกสี่และชั้นไม้อีกเล็กน้อย จากนั้นจึงมัดจำไว้ด้วยเงินห้าตำลึงเพื่อให้ช่างทำเตียง โต๊ะสามขา ตู้เสื้อผ้าและของแต่งอื่นๆ เพิ่ม
ช่างไม้าุโไม่ได้มีลูกค้ารายใหญ่เช่นนี้มานานแล้ว จึงจดจ่อกับรายการสั่งซื้อของนางมาก ย้ำคำไม่หยุดว่างานของนางจะใช้เวลาไม่นานโดยที่คุณภาพไม่ตก
หลินฟู่อินเองก็พอใจกับเครื่องประดับที่เขาทำ และเมื่อเห็นว่าเขาเป็คนยุติธรรมดี นางจึงไม่ต่อรองกับเขา
เตียงนั้นไม่แพง ราคาเพียงสี่ตำลึงเงิน หลินฟู่อินคำนวณไว้ว่าหนึ่งตำลึงเงินในต้าเว่ยน่าจะมีค่าเท่ากับสองร้อยหยวนในยุคปัจจุบัน สี่ตำลึงก็ราวแปดร้อยหยวน ราคานี้จึงเทียบได้กับเตียงหนึ่งจุดห้าเมตรของยุคปัจจุบัน แต่ทางนี้เป็เตียงไม้สลัก นางจึงคิดว่ามันถูกมาก
แต่เมื่อฟังที่ช่างกล่าวแล้ว จึงได้รู้ว่าเตียงสลักนี้เป็ผลงานของช่างฝึกหัด ดังนั้นจึงมีตำหนิ และไม่มีใครอยากซื้อหลังนำมาวางขายแล้ว เมื่อเห็นว่าหลินฟู่อินอยากได้เขาจึงจะขายให้ถูกๆ
ก็แทบไม่ต่างกันเลยนะ หลินฟู่อินกล่าว
โต๊ะหนึ่งและเก้าอี้สี่ รวมกันแล้วสองตำลึง มัดจำไปห้าตำลึง เท่ากับว่าหลินฟู่อินใช้ไปแล้วสิบเอ็ดตำลึงในคราวเดียว
เมื่อจ่ายไปกระเป๋าก็เบาหวิวขึ้นมาทันที
วันนี้นางใช้จ่ายไปร่วมยี่สิบตำลึงเงินแล้ว นับเป็เงินมหาศาล
แต่นางก็ยังหนีบเอาตั๋วเงินหนึ่งร้อยที่หลิวฉินจ่ายเป็ค่าไข่มาด้วย เพื่อเป็เงินฉุกเฉิน
เมื่อออกจากร้านช่างไม้แล้ว จึงไปร้านอาหารในเมืองเพื่อหาของตุ๋น และทางร้านก็ดีใจมากที่เห็นนางผู้ที่กลายเป็ลูกค้าประจำไปแล้ว
หลินฟู่อินอารมณ์ดียิ่งนัก จึงซื้อสาหร่ายมาสามชนิดในคราวเดียว น้ำแกงเนื้อ ไก่อบเกลือ และขาหมูตุ๋น
เพราะครั้งนี้นางซื้อไปให้คนที่บ้านกิน เ้าของร้านจึงลดให้เหลือหนึ่งตำลึงเงินถ้วน
นางถือห่อกระดาษน้ำมันไว้ด้วยมือซ้ายขวา แล้วเดินไปยังเกวียนเทียมลา
เป็ตอนนั้นเองที่บุรุษในชุดคลุมสีเขียวปรากฏตัวออกมาจากฝูงชนเพื่อพยายามเข้าชนหลินฟู่อิน แม้หลินฟู่อินจะไม่ทันตั้งตัว แต่นางก็ตอบสนองได้อย่างรวดเร็วโดยการลากเท้าซ้ายไปด้านหลัง เปิดทางให้เขาพุ่งผ่านไป
ทันทีที่สวนกัน นางก็ได้เห็นใบหน้าของบุรุษผู้นี้ สายตาดูมักมาก ใบหน้ามืดคล้ำราวกับผีร้าย
หลินฟู่อินรู้สึกแย่ขึ้นมา สีหน้าพลันเ็า
“โอ ฟู่อิน เ้ามันป่าเถื่อนนัก!” บุรุษที่ใบหน้าไถลลงพื้นหันมาจ้องหลินฟู่อินอย่างเดือดดาลด้วยสายตารื้นน้ำตา
หลินฟู่อินไม่รู้จักเขาเลยแม้แต่น้อย แต่มาเรียกชื่อนางเช่นนี้ คงมีอะไรไม่ชอบมาพากลเป็แน่!
หลินฟู่อินจึงเลิกมองเขา หันหลังแล้วตั้งท่าจะเดินจากไป
“ยังคิดจะหนีอีกหรือ นางผู้หญิงไม่รักดี!” บุรุษในชุดคลุมสีเขียวลุกขึ้นแล้ววิ่งะโตามหลินฟู่อินมา “หลินฟู่อิน เ้าเป็คู่หมั้นของข้า แม่ของเ้าเคยสัญญาจะยกเ้าให้ข้า เ้าจะทิ้งเื่นี้ไปเฉยๆ เพียงเพราะแม่เ้าตายและพ่อเ้าหายสาบสูญไม่ได้!”
ร่างของหลินฟู่อินพลันกระตุก สายตาฉายประกายเ็า
บิดามารดาของนางไม่เคยจับนางหมั้นกับใครทั้งนั้น การที่ไอ้คนบ้ามาป่าวประกาศแพร่ข่าวลือว่านางเป็คู่หมั้นของเขาเช่นนี้ย่อมมิใช่การประสงค์ดีแน่!
สิ่งสำคัญที่สุดของสตรีในต้าเว่ยคือชื่อเสียง แม้นางจะพิสูจน์ได้ว่านางไม่เกี่ยวข้องอะไรกับคนตรงหน้า แต่ชื่อเสียงของนางก็แปดเปื้อนไปแล้ว…
เ้าคนคลั่งที่พยายามให้ร้ายนางนี้ช่างโฉดนัก!
แต่คนที่อยากให้ร้ายนางผู้นี้มันเป็ใครกัน?
แม้สายตาเขาจะซูบตอบ ขอบตาดำคล้ำ ดูแล้วน่าจะเกิดจากการเสพสุขติดกันเป็เวลานาน ชุดที่สวมก็ดูเป็ของครอบครัวที่ร่ำรวย ดังนั้นสถานะคงไม่ต่ำต้อยแน่ ใครกันที่จะสามารถจ้างให้คนเช่นนี้มาว่าร้ายนางได้?
หลินฟู่อินคิดไม่ออกจริงๆ
บุรุษผู้นั้นเห็นนางหันกลับมามอง จึงได้เห็นว่าแม้นางจะยังเด็ก แต่ใบหน้านั้นสะอาดสะอ้าน ดูสงบนิ่ง เขาจึงนิ่งอึ้งไป แล้วถูมืออย่างน่ารังเกียจพลามยิ้มไม่หุบ แสดงให้เห็นฟันหน้าใหญ่สี่ซี่ แล้วส่งเสียงใส่หลินฟู่อินด้วยเสียงอันดัง “อ้าว อ้าว ข้าไม่รู้เลยนะนี่ว่าคู่หมั้นข้าจะงดงามถึงเพียงนี้ ข้าโชคดีเสียแล้ว!”
สายตาหลินฟู่อินเฉียบคมขึ้นมาทันที
“คุณหนู ข้าเป็บุตรคนที่สามของรองเ้าเมืองชิงเหลียน ข้ารู้ว่าบ้านเ้ามีปัญหา ต้องกำพร้าั้แ่เด็ก น่าสงสารนัก…” บุรุษในชุดสีเขียวที่อ้างตนว่าเป็เจียงซานหลางของรองเ้าเมืองชิงเหลียนพยายามพุ่งใส่หลินฟู่อินอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้หลินฟู่อินไม่ยอม นางจึงพุ่งสวนเข้าไปถีบเ้าบุตรคนที่สามที่เอาแต่พล่ามเื่ไร้มูลนี่ที่ท้องน้อยทันที
เ้าบุตรคนที่สามส่งเสียงร้องออกมาแล้วลงไปกลิ้งเกลือกกับพื้นพลางกุมท้อง ปากก็ส่งเสียงสาปแช่ง “หลินฟู่อิน เ้ากล้าดีอย่างไรถึงมาทำร้ายข้า! อยากตายหรือไง! ใครก็ได้ มาลากนางเด็กบ้านนอกนี่ไปขังคุกที!”
ทันทีที่กล่าวจบก็มีบุรุษชุดดำหลายคนวิ่งออกมาจากซอย เมื่อเห็นว่าบุรุษชุดเขียวกลิ้งอยู่บนพื้น จึงเข้ามาล้อมหลินฟู่อินอย่างเดือดดาล เว้นอยู่คนหนึ่งที่ไปดูอาการบุรุษชุดเขียว
“เ้ากล้าดีอย่างไร?” บุรุษชุดดำผู้มีร่างกายกำยำตะคอกขึ้นมา “ไม่รู้หรือว่านี่คือใคร นี่คือบุตรคนที่สามของท่านรองเ้าเมืองนะโว้ย ทำร้ายเขาเช่นนี้ เ้าเตรียมไปนอนคุกได้เลย!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้