“ไอหยา ยินดีต้อนรับขอรับคุณชาย ไม่ทราบว่าพวกท่าน้าสิ่งใดหรือขอรับ?”
เมื่อมู่เฟิงและคนอื่นๆ เดินเข้ามา พนักงานในร้านก็รีบกล่าวต้อนรับทันที
“ที่นี่มีหญ้าเพลิงอัคนีหรือไม่?”
มู่เฟิงเอ่ยถามออกมาโดยตรง
“มีขอรับ ไม่ทราบว่าคุณชาย้าจำนวนเท่าไรหรือขอรับ?”
พนักงานในชุดเทารู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น หญ้าเพลิงอัคนีเป็สมุนไพรขั้นสาม เป็ของดีที่มีความใกล้เคียงกับสมุนไพรที่สามารถทำเป็ตัวยาครอบจักรวาลได้เลยทีเดียว
“เ้ามีอยู่เท่าไร?”
มู่เฟิงถามกลับ
“ตอนนี้เรายังมีเหลือสิบกว่าต้นขอรับ ไม่ทราบว่าคุณชาย้ารับทั้งหมดหรือไม่ขอรับ?”
พนักงานเอ่ยถามอย่างสุภาพ
“เอาทั้งหมดนั่นมาให้ข้าดูก่อน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เขาก็รีบไปนำกล่องสมุนไพรออกมาหลายกล่อง ซึ่งทั้งหมดนั่นล้วนเป็หญ้าเพลิงอัคนี รวมแล้วมีทั้งหมดสิบสามต้น
มู่เฟิงหยิบสมุนไพรต้นหนึ่งขึ้นมาดม ก่อนจะพยักหน้าและพูดว่า “ข้า้าทั้งหมดนี่เลย พวกเ้ายังมีสมุนไพรธาตุไฟขั้นสามอย่างอื่นอีกหรือไม่?”
“ตอนนี้ไม่มีแล้วขอรับ สมุนไพรขั้นสามเป็สิ่งที่พบเห็นได้น้อยมาก มีเพียงแค่หญ้าเพลิงอัคนีเท่านั้น ส่วนสมุนไพรธาตุไฟชนิดอื่นก็มีเพียงสมุนไพรขั้นหนึ่งและขั้นสองเท่านั้นขอรับ ไม่ทราบว่าท่านยัง้าหรือไม่ขอรับ?”
พนักงานร้านเอ่ยถามด้วยความระมัดระวัง
“ขั้นหนึ่งกับขั้นสอง”
มู่เฟิงขมวดคิ้ว ก่อนที่เสียงของซีเยว่จะดังขึ้นในห้วงความคิดของเขา “อย่างน้อยต้องเป็สมุนไพรขั้นสามขึ้นไปเท่านั้น ธาตุไฟจากสมุนไพรขั้นหนึ่งและขั้นสองไม่สามารถควบแน่นเป็พลังปราณเพลิงได้”
“ข้า้าเพียงสมุนไพรขั้นสามเท่านั้น”
มู่เฟิงส่ายหน้า
พนักงานร้านยิ้มอย่างขออภัยและกล่าวว่า “ไม่มีแล้วขอรับ สมุนไพรขั้นสามสามารถพบได้แค่ในเขตลึกของหุบเขาอัคคีเท่านั้น แต่ที่นั่นมีอสูรร้ายดำรงอยู่จำนวนมาก โดยปกติแล้วจะมีนักเก็บสมุนไพรน้อยมากที่จะสามารถเข้าไปที่นั่นได้ ดังนั้นสมุนไพรขั้นสามจึงเป็สิ่งที่ค่อนข้างหาได้ยากขอรับ”
“พี่เฟิง เราควรทำอย่างไรดี?”
มู่ขวงถามขึ้น
“หรือเราจะเข้าไปเก็บสมุนไพรบนูเากันเองดีขอรับ”
ไป๋จื่อเยว่เสนอ
“เฮ้อ ดูเหมือนว่าคงต้องเป็เช่นนั้น ตอนนี้เราหาที่พักกันก่อนเถอะ พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน”
มู่เฟิงถอนหายใจก่อนจะนำป้ายทองคำออกมาจ่ายค่าสมุนไพรมูลค่ากว่าสองพันเหรียญตำลึงทอง จากนั้นเด็กหนุ่มทั้งสามก็เดินออกจากร้านยาไปพร้อมกับหญ้าเพลิงอัคนี
พวกเขามองหาโรงเตี๊ยมเพื่อพักผ่อน หลังจากนำม้าไปผูกไว้ในจุดพักม้าแล้ว มู่เฟิงก็เข้าไปยังห้องพักเพื่ออาบน้ำชำระล้างร่างกาย จากนั้นเขาก็ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็ชุดคลุมสีดำ และนำหญ้าเพลิงอัคนีที่ซื้อมาในวันนี้ออกมา
เขาหยิบเตาหลอมโอสถออกมาก่อนจะทำการอุ่นเตา หลังจากนั้นเด็กหนุ่มก็โยนหญ้าเพลิงอัคนีเข้าไปในเตาหลอมและเริ่มกระบวนการกลั่นทันที
คาดไม่ถึงว่าหญ้าเพลิงอัคนีจะสามารถทนทานต่ออุณหภูมิที่สูงได้นานถึงเพียงนี้ ทำให้การกลั่นนั้นเป็ไปอย่างเชื่องช้า ต้องใช้เวลากว่าครึ่งชั่วโมงในการกลั่นหญ้าเพลิงอัคนีให้กลายเป็ของเหลว
หลังจากขจัดสิ่งเจือปนออกไปแล้ว อุณหภูมิของไฟก็ถูกปรับให้ต่ำลง จากนั้นเขาก็ส่งพลังปราณออกมาเพื่อควบแน่นของเหลวให้กลายเป็เม็ดยาสีแดงหนึ่งเม็ด
ในตัวยาเม็ดนี้ถูกบรรจุไว้ด้วยพลังปราณเพลิงบริสุทธิ์อยู่ก่อนแล้ว ดังนั้นมันจึงถือเป็เม็ดยาที่สมบูรณ์และไม่จำเป็ต้องสลักลายเส้นโอสถลงไปอีก
เมื่อนำมันออกมาแล้วมู่เฟิงก็ััได้ถึงกลิ่นหอมของเม็ดยา ในความเป็จริงยาเม็ดนี้ไม่ใช่แม้กระทั่งเม็ดยาขั้นหนึ่งด้วยซ้ำ เพราะมันไม่มีการสลักลายเส้นลงไป มันเป็เพียงผลลัพธ์ของการกลั่นหญ้าเพลิงอัคนีออกมาหลังจากขจัดสิ่งเจือปนออกไปแล้วเท่านั้น
“เช่นนั้นก็ขอเรียกว่ายาปราณเพลิงแล้วกัน”
มู่เฟิงหัวเราะร่าก่อนจะกลืนเม็ดยาลงไปทันที หลังจากนั้นเขาก็โยนหญ้าเพลิงอัคนีลงไปในเตาหลอมโอสถอีกหลายต้นเพื่อทำการกลั่นในครั้งเดียว
หลังจากเวลาผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วยาม มู่เฟิงก็เช็ดเหงื่อออกจากหน้าผากของตัวเอง ก่อนจะหยิบยาปราณเพลิงเม็ดสุดท้ายออกมา จากจำนวนหญ้าเพลิงอัคนีทั้งสิบสามต้น เขาสามารถกลั่นยาปราณเพลิงออกมาได้สิบสองเม็ด และเสียเปล่าไปหนึ่งเม็ด
มู่เฟิงกลืนยาปราณเพลิงลงไปสองเม็ดในครั้งเดียว จากนั้นเขาก็เริ่มโคจรพลังเพื่อกลั่นพลังปราณเพลิงออกมา ก่อนจะนำมันไปกักเก็บไว้ในจุดตันเถียนจื่อฝู่
ในเช้าของวันถัดมา หลังจากที่มู่เฟิงลืมตาแล้วไอควันสีขาวก็ถูกพ่นออกมาจากปาก ตอนนี้ภายในร่างกายของเขามีสายพลังปราณเพลิงที่แข็งแกร่งสายหนึ่งเกิดขึ้น หากเขาใช้วิชาะเิหมัดเก้าเพลิงสุริยาออกมา เกรงว่าอานุภาพของมันคงเกือบจะเข้าสู่ขอบเขตเริ่มต้นแล้ว
มู่เฟิงบิดี้เีก่อนจะลุกขึ้นไปชำระล้างร่างกาย และออกไปร่วมทานมื้อเช้ากับมู่ขวงและไป๋จื่อเยว่ จากนั้นเด็กหนุ่มทั้งสามก็ออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังหุบเขาอัคคีที่อยู่ในเขตเทือกเขาแห่งไฟ
เมืองขนาดเล็กแห่งนี้ตั้งอยู่ห่างจากเทือกเขาแห่งไฟสิบกว่าลี้ ดังนั้นหลังจากเด็กหนุ่มทั้งสามออกเดินทางมาได้เพียงไม่นาน ทัศนียภาพอัดงดงามของเทือกเขาแห่งไฟก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าของพวกเขา
ในขณะเดียวกัน สายลมร้อนระอุก็พัดปะทะเข้ากับใบหน้าเด็กหนุ่มทั้งสาม กลุ่มควันสีดำพวยพุ่งขึ้นฟ้าจากระยะไกล ที่นี่ไม่มีกลิ่นอายความหนาวเย็นของเหมันต์ฤดูเลยแม้แต่น้อย
เมื่อเด็กหนุ่มทั้งสามเข้าสู่เขตของเทือกเขาแห่งไฟ พวกเขาก็กลืนยาแก้พิษลงไปคนละหนึ่งเม็ด เพราะในบริเวณนี้มีกลิ่นกำมะถันลอยฟุ้งแตะจมูก
ภายในหุบเขาอัคคีไม่มีต้นไม้สูงใหญ่เลยแม้แต่ต้นเดียว มีเพียงพุ่มไม้เตี้ยที่มีความสูงไม่เกิดความสูงของมนุษย์หนึ่งถึงสองคนต่อกันเท่านั้น ภายในหุบเขามีเส้นทางเดินป่าอยู่มากมาย เห็นได้ชัดว่าเส้นทางเหล่านี้ล้วนถูกเปิดขึ้นโดยนักเก็บสมุนไพรและเหล่าทหารรับจ้าง
เด็กหนุ่มทั้งสามเลือกเดินไปตามเส้นทางขนาดเล็กเส้นหนึ่ง หลังจากเดินเข้าไปได้สามสิบลี้ ก็เหมือนว่าอุณหภูมิในอากาศจะเพิ่มสูงขึ้นด้วยเช่นกัน คาดว่าอุณหภูมิตอนนี้จะอยู่ที่สามสิบแปดถึงสามสิบเก้าองศา ในขณะเดียวกันเส้นทางที่พวกเขาเดินก็เริ่มแคบลง และในระหว่างทางพวกเขาก็ค้นพบพืชสมุนไพรธรรมดาสองสามต้นเท่านั้น...
หลังจากเดินต่อไปอีกสักพักทั้งสามคนก็ต้องหยุดฝีเท้าลงอย่างกะทันหัน ก่อนที่ดวงตาจะปรากฏร่องรอยของความเคร่งขรึม บริเวณโขดหินเบื้องหน้าพวกเขามีร่างของมนุษย์ที่ไม่สมบูรณ์นอนกองอยู่บนนั้น เืเนื้อของอีกฝ่ายถูกแทะกินจนสะอาดเกลี้ยงเกลา เหลือทิ้งไว้เพียงเศษเนื้อติดกระดูกเท่านั้น เป็ภาพที่ดูสยดสยองเป็อย่างยิ่ง
“ทุกคนระวังตัวด้วย บริเวณนี้คงเป็อาณาเขตของอสูรร้าย”
มู่เฟิงกล่าวด้วยเสียงโทนต่ำ
เด็กหนุ่มอีกสองคนต่างก็พยักหน้าให้กัน จากนั้นมู่ขวงจึงชักดาบออกมาจากด้านหลัง ในขณะที่ไป๋จื่อเยว่ก็กระชับกระบี่เล่มยาวเอาไว้ในมือ พวกเขาเตรียมพร้อมตั้งรับการต่อสู้ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
คนทั้งสามยังคงมุ่งหน้าเดินต่อไปอย่างไม่เร่งรีบ ในขณะเดียวกันพวกเขาก็คอยสอดส่องหาหญ้าเพลิงอัคนีไปด้วย
ขณะที่กำลังเดินไปข้างหน้า ดวงตาของมู่เฟิงก็พลันเปล่งประกายขึ้น ในซอกหินที่อยู่ห่างไกลออกไป มีต้นหญ้าสีแดงต้นหนึ่งที่เติบโตขึ้นอย่างแข็งแรงท่ามกลางอุณหภูมิที่ร้อนระอุ มันคือต้นหญ้าเพลิงอัคนี
เด็กหนุ่มเดินเข้าไปเก็บหญ้าเพลิงอัคนีอย่างระมัดระวัง โดยเขาเหลือส่วนรากของมันเอาไว้ ซึ่งนี่คือกฎของการเก็บสมุนไพร เมื่อเก็บสมุนไพรไปแล้วควรทิ้งรากเอาไว้เพื่อให้มันเป็เมล็ดพันธุ์ต่อไปและหลีกเลี่ยงการสูญพันธุ์ของพืชสมุนไพรชนิดนั้น
มู่เฟิงนำหญ้าเพลิงอัคนีลงไปเก็บในกล่องไม้ ก่อนจะมุ่งหน้าต่อไปอย่างระมัดระวัง
“อ๊าก…!”
ทันใดนั้นก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นมาจากข้างหน้า มู่เฟิงและอีกสองคนรีบย่อตัวลงในทันที พวกเขาพบว่าทางข้างหน้ามีนักเก็บสมุนไพรในชุดสีครามที่แบกตระกร้าไว้บนหลังกำลังคลานไปตามพื้นด้วยอาการหวาดผวา โดยขาข้างหนึ่งของเขาขาดหายไป ซึ่งไม่ไกลกันนั้นก็มีหมาป่าร่างั์ตัวหนึ่งที่มีความสูงเท่ามนุษย์และมีความยาวกว่าสามเมตรกำลังแทะกินขาของอีกฝ่ายเป็อาหาร
ขนของหมาป่าตัวนี้มีสีแดงอ่อน ส่วนดวงตาของมันเป็สีแดงเข้ม เขี้ยวและกรงเล็บของมันแหลมคมเป็อย่างมาก มันเต็มไปด้วยความอันตรายที่สามารถคุกคามถึงชีวิตได้
นี่คืออสูรร้ายระดับจื่อฝู่ หมาป่าแดง
“อย่า อย่าเข้ามา!”
หลังจากที่หมาป่าแดงตัวนั้นแทะกินขาไปครึ่งหนึ่งแล้ว มันก็ย่างเท้าเข้าไปหาคนเก็บสมุนไพรผู้นั้นต่อทันที แววตาของคนเก็บสมุนไพรสะท้อนความหวาดผวาออกมาอย่างถึงที่สุด
หมาป่าแดงไม่รอช้าพุ่งกระโจนกัดแขนของคนเก็บสมุนไพรขาดในครั้งเดียว จากนั้นอุ้งเท้าอีกข้างของมันก็เหยียบลงบนแขนและขาก่อนจะเริ่มแทะกินเนื้อต่อทันที!
อสูรร้ายตัวนี้โเี้มาก มันไม่ได้สังหารเหยื่อโดยตรง แต่เลือกจะกินเหยื่อทั้งเป็ จากนั้นมันก็กัดท้องของชายผู้นั้นและดึงเอาลำไส้ของอีกฝ่ายออกมา
“อ๊าก! อ๊าก...!”
คนเก็บสมุนไพรผู้นั้นกรีดร้องโหยหวนด้วยความเ็ป เสียงของเขาฟังดูน่าสยดสยองอย่างยิ่ง
“พี่เฟิง เราลงมือเถอะ!”
ด้านคนทั้งสามที่กำลังเฝ้ามองเหตุการณ์อยู่หลังโขดหิน ในที่สุดมู่ขวงก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป
“ฆ่ามัน!”
มู่เฟิงพยักหน้า ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็เ็า กระทั่งน้ำเสียงยังฟังดูเย็นะเื
พรึ่บ! พรึ่บ! พรึ่บ!
คนทั้งสามะโออกมาจากหลังโขดหินอย่างพร้อมเพรียงกัน และวินาทีถัดมาพวกเขาก็พุ่งกระโจนเข้าสังหารหมาป่าแดงพร้อมกันจากทั้งสามทิศทาง
มู่เฟิงรวบรวมพลังปราณไว้ที่ดรรชนีนิ้วทั้งสองก่อนจะแทงนิ้วไปยังขาของหมาป่าแดงอย่างรวดเร็ว ปรากฏเสียงดังขึ้นสองครั้ง จากนั้นหมาป่าแดงก็กรีดร้องโหยหวนออกมา ขาหลังของมันถูกดรรชนีนิ้วแทงทะลวงเข้าไปโดยตรง