วันนี้เมิ่งฉียุ่งกว่าวันไหนๆ เธอออกจากบ้านไปยังสตูดิโอซ้อมเต้นส่วนตัวในเวลาแปดโมงครึ่ง เพื่อฝึกเต้นร่วมกับแดนเซอร์ พวกแดนเซอร์เต้นตามเธอเหนื่อยจนแทบจะร่ำไห้ พวกเขาซ้อมกันอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งถึงสองทุ่มถึงจะแล้วเสร็จ
กระนั้นแล้วอู๋เหนิงก็ไม่ได้คิดที่จะปล่อยให้แม่ดาราคนจอมขยันคนนี้กลับไปพัก เขาให้เมิ่งฉีเตรียมออกรายการสัมภาษณ์ มีนัดกับปลาตุ๋น ก่อนรอบชิงชนะเลิศเพื่อที่จะได้ช่วยสร้างความนิยม
และเพื่อคุ้มกันเมิ่งฉี เซี่่ยวอี๋กับเสิ่นิก็นั่งอยู่แถวหน้าสุดในบรรดาเหล่าผู้ชม เซี่ยวอี๋ดูประหม่าเล็กน้อย อย่างไรเสีย นี่ก็เป็ครั้งแรกของเธอที่ได้เข้าร่วมการบันทึกเทปการแสดงสด เธออาจจะได้โผล่ออกไปบนหน้าจอโทรทัศน์ก็เป็ได้
เมิ่งฉีรู้สึกตื่นเต้น เธอไม่ได้ออกรายการทอล์กโชว์ใหญ่ๆ แบบนี้มาสองสามปีแล้ว เธอนั่งอ่านสคริปต์มาในรถ คำถามที่ทีมงานเตรียมไว้ให้ได้พยายามหลีกเลี่ยงเื่ทั้งหลายที่เมิ่งฉีไม่อยากเอ่ยถึง ยกตัวอย่างเช่นเื่มือที่สามในตอนนั้น
หลังจากซ้อมเต้นมาทั้งวัน ในขณะที่เมิ่งฉีกำลังจะก้าวขึ้นเวที ขาของเธอก็อ่อนเปลี้ยเสียจนแทบจะหมดแรง แต่รอยยิ้มที่ปรากฏอยู่ใต้แสงสปอตไลต์ก็ยังคงอ่อนหวานเป็กันเอง หลังจากจับมือกับพิธีกรด้วยความสุภาพแล้ว เธอก็นั่งลงบนโซฟาตัวยาวและเริ่มต้น “พูดคุย”
เริ่มจากการวิเคราะห์เจาะลึกพื้นฐานใน่วัยเด็กของเมิ่งฉี เล่าประสบการณ์การเติบโต จากนั้นก็พูดถึงเื่มุมมองต่างๆ เกี่ยวกับชีวิต ความรัก และหน้าที่การงาน ในนั้นก็มีคำถามเผ็ดร้อนปะปนอยู่บ้าง เช่น “ดาราเื่เยอะ” “กรณีที่ถูกบริษัทแบน” เป็ต้น
เมิ่งฉีไม่ใช่ดาราหน้าใหม่ เื่พวกนี้เธอเอาอยู่อยู่แล้ว ดาราเื่เยอะก็อธิบายได้ว่ามันเป็หน้าที่ความรับผิดชอบที่ต้องจริงจังและตั้งใจกับการทำงาน การที่ถูกบริษัทแบนก็อธิบายได้ว่าถือเป็การเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ถือเป็โอกาสได้ไปศึกษาเรียนรู้เพิ่มเติมในด้านดนตรี ข้อดีที่สุดของรายการนี้ก็คือทางรายการได้เปิดโอกาสให้เมิ่งฉีได้ขับร้องบทเพลงอันเลื่องชื่ออย่างบุปผารำพันเป็การปิดท้ายรายการ
บรรยากาศในห้องบันทึกเทปรายการนั้นช่างเป็ใจ ถึงแม้ว่าปลาตุ๋นจะถามคำถามโง่ๆ ออกมาบ้างเป็ครั้งเป็คราวก็เถอะ ยกตัวอย่างเช่น “ตอนเด็กๆ คุณเคยถูกตีหรือเปล่า?” “ลดน้ำหนักยากไหม?” “ถือตะหลิวทำกับข้าวเป็หรือเปล่า?”
การถ่ายทอดดำเนินเรื่อยไปจนถึงตอนท้ายของรายการ ในขณะที่เมิ่งฉีกำลังเตรียมลูกคอเพื่อที่จะร้องเพลงในคิวถัดไป ใครจะรู้ล่ะว่าอยู่ๆ ไอเดียของปลาตุ๋นก็บรรเจิด เธอหยิบสคริปต์อีกชุดหนึ่งขึ้นมาก่อนจะกล่าวว่า “พวกเราต่างรู้กันดีว่า ณ ตอนนั้นเมิ่งฉีได้รับความนิยมไปทั่วประเทศ ประสบการณ์ของคุณเป็เหมือนกับเสาหลักให้กับสาวๆ หลายๆ คน แต่ทว่าทุกคนล้วนเคยทำผิดพลาดกันด้วยทั้งนั้น ใครๆ ก็เคยเป็วัยรุ่น ฉะนั้น ขอให้พวกเราได้รับชมคลิปวิดีโอกันก่อน...”
จอขนาดั์ปรากฏขึ้นที่ด้านหลัง บนจอนั่นกำลังฉายคลิปที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เมิ่งฉีได้เข้าไปเป็มือที่สามซึ่งรวบรวมโดยทีมงาน
เมิ่งฉีนั่งอึ้งอยู่บนโซฟายาว สายตาของเธอทอดมองไปยังอู๋เหนิงซึ่งอยู่ด้านล่างเวทีเป็เชิงขอความช่วยเหลือ อู๋เหนิงเองก็ไล่ดูตามสคริปต์ นั่นแสดงให้เห็นว่าเขาเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็พยายามให้เธอสงบสติไว้ จากนั้นอู๋เหนิงก็หันไปทางผู้กำกับรายการ
หนังสั้นไล่เรียงเหตุการณ์มือที่สามย้อนไปั้แ่ต้นจนจบ แต่ถึงอย่างนั้นก็บทช่วยแก้ต่างให้กับเมิ่งฉี ยกตัวอย่างเช่น หลังจากที่เธอถูกตบตี เธอก็ไม่เอาเื่ภรรยาของเหลียงจวิน และไม่ได้เรียกร้องค่าชดเชย สะท้อนให้เห็นถึงความ “ใจกว้าง” ของเธอ ่นั้นเหลียงจวินมีข่าวลือเื่การหย่าร้าง ดังนั้นเป็ไปได้ว่าเมิ่งฉีเองก็อาจจะถูกหลอก เมิ่งฉีเองก็รับผิดชอบ เธอไม่ได้จ้างแพะมารับบาปแทน นับว่ามีจรรยาบรรณสูงมาก...สำหรับเมียน้อย
และหลังจากหนังสั้นจบลง คำถามแรกที่ปลาตุ๋นถามก็คือ “ตอนนั้นเจ็บไหมที่โดนตบตี?”
เซี่ยวอี๋อยากจะโผเข้าไปดึงหูทั้งสองข้างของพิธีกรดูแล้วถามว่าเจ็บไหม...
บรรยากาศในห้องส่งกลายเป็บรรยากาศที่น่าอึดอัดขึ้นมาในพริบตา เมิ่งฉีราวกับนั่งอยู่ในดงหนาม ตัวของเธอสั่นเทาไปหมด น้ำตาคลออยู่เต็มสองเบ้า สายตาตื่นตระหนกของเธอเลื่อนลอยไปยังหมู่ผู้ชมเพื่อหากองฟางช่วยชีวิต ที่สุดแล้วไม่รู้ว่าอย่างไร สายตาของเธอก็ตกไปที่เสิ่นิ แววตาน่าสงสารนั่นเหมือนกับกำลังจะพูดว่า “พาฉันออกไปจากที่นี่ที”
ทว่าเสิ่นิก็ไม่ได้ขยับ เขานั่งอยู่ตรงนั้นราวกับเครื่องจักร เขาคือบอดี้การ์ด ไม่ใช่คนรับใช้ เขาไม่อาจตัดสินใจเลือกทางเดินแทนนายจ้างได้ หากเมิ่งฉี้าจะไปจริงๆ ต่อให้ทั้งกองทัพมาฉุดรั้งเอาไว้ เสิ่นิก็จะจัดการสังหารให้ราบคาบ ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่สามารถขวางได้ แต่หากว่าเธอ้าแค่ใครสักคนที่จะมอบความกล้าหาญเพื่อให้เธอหลบหนีได้ละก็...เสิ่นิทำให้ไม่ได้
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะลองเปลี่ยนคำถามใหม่นะคะ คุณรักเขาไหม?” ปลาตุ๋นเล่นงานอีกครั้ง
“ฉันไม่รู้ว่านั่นถือเป็ความรักหรือเปล่า ฉันแค่อยากจะบอกว่า เื่ในอดีตก็ขอให้จบแค่ในอดีตเถอะ ก็อย่างที่คุณพูด ใครๆ ก็เคยเป็วัยรุ่น ไม่มีใครไม่เคยผิดพลาด เรามาคุยเื่อื่นกันดีกว่าไหมคะ” เสียงของเมิ่งฉีสั่นเครือ แต่เธอก็พยายามฝืนที่จะเบี่ยงประเด็น
“ดิฉันรู้ค่ะว่าหัวข้อนี้อาจจะทำร้ายคุณ แต่ว่าแฟนๆ ที่รักคุณ พวกเขาก็มีสิทธิ์ที่จะรู้ความจริง ดังนั้นวันนี้เราก็เลยเชิญแขกรับเชิญปริศนามาท่านหนึ่ง ซึ่งนั่นก็คือ เ้าพ่อแห่งวงการภาพยนตร์ คุณเหลียงจวิน” ปลาตุ๋นเล่นใหญ่เพื่อเปิดตัว
เหลียงจวินในชุดสูทลำลองเดินออกมาจากหลังเวที รอยยิ้มโปรยเสน่ห์ของหนุ่มชาวตะวันออกแขวนอยู่บนใบหน้า แม้จะมีรอยตีนกาปรากฏอยู่บ้าง แต่ทันทีที่พ่อดาราเหลียงจวินออกโรง เสียงผู้ชมก็ดังกึกก้อง
ปีนี้เขาอายุ 44 ปีแล้ว เขาเป็นักแสดงในระดับแนวหน้าของจีน ภาพยนตร์ที่เขาร่วมแสดงหลายเื่ได้รับรางวัลระดับนานาชาติ นั่นทำให้เขาซึ่งสูงไม่ถึง 170 เิเ กลับมีเหล่าแฟนคลับสาวมากมาย อายุั้แ่ 18 ไปจนถึง 80 จนได้รับฉายานามว่า “ขวัญใจมหาชน”
เมื่อเห็นผู้ชายที่หายหน้าหายตาไปกว่า 2 ปี เมิ่งฉีก็ควบคุมตนไม่ได้ จนกระทั่งเธอเอามือปิดปากและร่ำไห้ออกมา ไม่รู้ว่าช่างเสียงคนไหนจู่ๆ ก็เปิดเพลง Love of a Lifetime ของ Queen ขึ้นมา
ผู้ชมไม่น้อยซึ่งไม่ได้รับรู้ความจริงของเื่นี้ร้องคลอไปกับเนื้อเพลง กลายเป็การกลับมาเจอกันของหนุ่มเลี้ยงวัวกับสาวทอผ้า ผู้ผ่านเื่ราวความรักอันน่าขมขื่น มีเพียงเสิ่นิเท่านั้นที่มองออก เมิ่งฉีใกลัวจนร้องไห้
เหลียงจวินอมยิ้มและนั่งลงข้างเมิ่งฉี เขาจงใจพิงเธอ เมิ่งฉีร้องไห้ราวกับคนเ้าน้ำตา เธอหมดทางตอบคำถามอีกต่อไป ในเมื่อเป็เช่นนี้ หัวสมองโตๆ ของปลาตุ๋นซึ่งคิดจะเคี้ยวเธออย่างกับหมากฝรั่ง Stride ก็หยุดไม่อยู่แล้ว ตีเหล็กต้องตีตอนร้อนๆ เธอจึงถามเหลียงจวินถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา
เหลียงจวินยิ้มด้วยความรู้สึกผิด “ความจริงแล้วมันเป็เื่บังเอิญที่งดงาม พร์ของเราทั้งคู่ดึงดูดซึ่งกันและกัน ผมรู้ดีว่าตัวเองมอบความสุขให้เธอไม่ได้ เพราะผมเป็คนที่มีภรรยาและลูกอยู่แล้ว เมิ่งฉีเป็เด็กดี เธอรับรู้เื่พวกนี้ และไม่ได้คาดหวังอะไรจากผม เธอแค่อยากใกล้ชิดกับผมก็เท่านั้น
เื่นี้ผมผิดเอง ผมอยากจะขอโทษเมิ่งฉีด้วยใจจริง หากว่าตอนนั้นผมปฏิเสธคุณอย่างชัดเจน บางทีนั่นอาจจะทำให้คุณได้พบกับความสุขที่แท้จริงก็เป็ได้ ความรักบางครั้งก็คือการปล่อยมือ”
“ตอแหล!” เมิ่งฉีสุดจะทนเมื่อฟังมาถึงตรงนี้ เธอเด้งตัวขึ้นจากโซฟา ก่อนจะฟาดหน้าเหลียงจวินไปหนึ่งฉาด เธอหันตัววิ่งออกไปจากห้องถ่ายด้วยใบหน้าที่นองน้ำตา
“เมิ่งฉี!” เซี่ยวอี๋รู้สึกะเืใจไปกับน้องสาวคนนี้ที่เธอเพิ่งจะรู้จัก เธอจึงวิ่งตามออกไป
เหตุการณ์ตอนนี้วุ่นวายมาก ปลาตุ๋นก็อับอายจนเลิ่กลั่ก เธอหันไปถามเหลียงจวินด้วยความกระวนกระวายว่า “โดนตบเจ็บไหมคะ?”
รายการไม่สามารถดำเนินต่อไปได้ ผู้จัดจึงตัดสินใจพักเบรกสิบนาที คิวต่อไปเป็การสัมภาษณ์เดี่ยวของเหลียงจวิน ได้ฉากตบเมื่อครู่นี้ของเมิ่งฉีไป เรตติ้งตอนนี้ก็น่าจะพุ่งเป็สองเท่าแล้ว
่ตัดเข้าโฆษณา เหลียงจวินเดินไปเข้าห้องน้ำ เขามีบอดี้การ์ดตามติดไปคุ้มกันที่หน้าประตูด้วย เขาส่องดูรอยแดงที่แก้มขวาบนกระจกบานใหญ่และพูดด้วยน้ำเสียงที่หงุดหงิดว่า “นางบ้า กล้าตบกูเหรอ คอยดูนะ เดี๋ยวกูจะเล่าเื่ที่เอากับมึงให้หมด ต่อให้ผู้จัดรายการตัดออก แต่รับรองว่าเวอร์ชันบนอินเทอร์เน็ตจะต้องทำให้มึงอับอายกว่ากูแน่!”
ขณะที่เหลียงจวินพูดกับตัวเองอยู่นั้นประตูห้องน้ำก็ถูกผลักเปิดออก เสิ่นิซึ่งอยู่ในชุดสูทเดินเข้ามา โดยสัญชาตญาณเหลียงจวินยังคงแจกยิ้มโปรยเสน่ห์ เขาไม่ทันได้สังเกต ว่าตอนนั้นที่นอกประตูบอดี้การ์ดของเขาลงไปกองอยู่กับพื้นแล้ว
เหลียงจวินแต่งหน้าแต่งตาเรียบร้อยก็เดินไปที่โถปัสสาวะก่อนจะรูดซิปกางเกงลง เสิ่นิเปิดประตูห้องส้วมแบบโถส้วมนั่งยองทีละห้องทีละห้อง แต่เขากลับไม่ได้เข้าไป
“สหาย คุณรักสะอาดล่ะสิ ปวดหนักก็ต้องดูฮวงจุ้ยกันหน่อยใช่ไหม” เหลียงจวินใกับอากัปกิริยาของเสิ่นิที่เอาแต่สำรวจห้องน้ำไม่พูดไม่จา
“จำไว้ อย่าดิ้นแรง แล้วก็อย่าเปิดปาก จะได้ไม่สำลักน้ำ” จากนั้นเสิ่นเมิ่งก็ตรวจดูว่าไม่มีใครอยู่ด้านหลังเหลียงจวิน
“คุณหมายความว่ายังไง” ระหว่างที่เหลียงจวินงุนงง เสิ่นิก็จับศีรษะเขาทางด้านหลัง แล้วลากจากหน้าโถปัสสาวะไปยังส้วมห้องหนึ่ง
“ช่วย…” เหลียงจวินยังไม่ทันได้พูดคำว่า “ด้วย” ศีรษะก็ถูกกดลงในโถส้วม เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ฟังคำแนะนําของเสิ่นิเลย อยู่ในน้ำยังคงโหวกเหวกขัดขืนอ้าปากกว้าง
มือใหญ่ของเสิ่นิเหมือนคีมเหล็กไม่อาจขยับเขยื้อน ไม่ว่าเหลียงจวินจะสู้อย่างไรก็ไม่อาจเอาหัวพ้นจากน้ำในโถส้วมได้
กระทั่งหนึ่งนาทีหลังจากนั้น เสิ่นิจึงยกเขาขึ้นมาจากน้ำ ทั้งปากทั้งจมูกของนักแสดงผู้นี้พ่นน้ำสีฟ้าออกมาไม่หยุดหย่อน เหมือนลูกหมาตกน้ำกำลังร้องไห้
“พี่ชาย! ผมไม่รู้จักพี่นะ! ทำไมต้องทำกับผมอย่างนี้ด้วย!” เหลียงจวินคุกเข่าขอร้อง
“คุณทำร้ายหล่อน” พูดจบเสิ่นิก็กดหัวเหลียงจวินลงไป คราวนี้กดปุ่มชักโครกด้วย ให้ใบหน้าเหลียงจวินได้โต้คลื่นเล่น
คราวนี้ให้เวลาหนึ่งนาทีครึ่ง ตอนยกขึ้นมาเหลียงจวินหน้าซีดเหมือนอยากจะตาย พ่นน้ำออกมาอยู่สองนาน
“พี่ชาย! นายของพี่...ก็คือก็คือเมิ่งฉีหรอ แต่ว่าผมไม่ได้ทำร้ายหล่อนนะ!”
“ทำร้าย ทางจิตใจ” ในที่สุดเสิ่นิก็ปล่อยเหลียงจวินออกจากห้องส้วม ก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำไป
“ผมเอาพวกคุณตายแน่! คุณก็ดี! เมิ่งฉีก็ดี! ผมจะเปิดโปงกับสื่อ พวกคุณไม่รอดแน่!” ดูเหมือนเหลียงจวินจะเรียกพลังความกล้ากลับมาก่อนจะโห่ร้อง
“เปิดโปงก็ดี แจ้งความก็ได้เลยแล้วแต่คุณ ผมลืมบอกคุณไป ว่าสิบปีก่อนที่ผมจะมาเป็บอดี้การ์ด ผมเป็นักฆ่ามืออาชีพ” เสิ่นิหันกลับมามองทำเอาเหลียงจวินเสียขวัญ
เหลียงจวินอยู่ในวงการภาพยนตร์มาหลายสิบปี วิเคราะห์บทบาทการแสดงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ใครเสแสร้งก็รู้ได้อย่างง่ายดาย ผู้ชายคนนั้นไม่ได้แสดงละครตบตาแน่ และเขาก็ไม่ใช่พวกกระต่ายตื่นตูม เหมือนอย่างที่เขาพูด ว่าเขา “ทำงานนั้นเลี้ยงชีพ” และยังเก่งกาจมากอีกด้วย...
พอเสิ่นิออกมาจากห้องน้ำ ก็เห็นเซี่ยวอี๋ยืนอยู่ที่นั่น ที่อยู่ในมือก็คือปืนพกด้ามนั้น
“คุณคิดว่าผมจะฆ่าเขาหรือไง” เสิ่นิที่ด้านข้างเช็ดคราบน้ำในมือ
“จะไปรู้ได้ยังไง พฤติกรรมของนายคาดเดาได้ซะที่ไหน ฉันก็ต้องเผื่อไว้ก่อน” เซี่ยวอี๋พูดพลางเก็บปืน
“วันนี้เื่พวกนี้ไม่เคยเกิดขึ้น ฉันไม่เห็นอะไรทั้งนั้น และจะไม่รายงานต่อผู้บังคับบัญชา”
“ไม่นานก็เริ่มจะอยู่เป็แล้วนะ” เสิ่นิเผลอยิ้ม
“แค่ครั้งนี้ครั้งเดียว ใครใช้ให้ผู้ชายคนนั้นมารังแกน้องสาวฉัน สมควรดื่มน้ำชักโครกแล้ว เวลาพูดนายช่วยอยู่ห่างๆ ฉันหน่อยได้ไหม ตัวนายมีกลิ่นน้ำยาล้างห้องน้ำ!”