“ป้ายอาญาสิทธิ์ดอกท้อ? คืออะไร?” หลินเมิ้งหยาจ้องมองผู้ว่าการที่อยู่ตรงหน้าตอนแรกคิดว่าคนเ่าั้เป็เพียงกลุ่มอันธพาลธรรมดาแต่คิดไม่ถึงเลยว่าเื่นี้จะเกี่ยวข้องกับกลุ่มลอบสังหารแห่งเจียงหู
“ป้ายอาญาสิทธิ์ดอกท้อคือป้ายแสดงเนื้อหาภารกิจของกลุ่มนักลอบสังหารเถาฮวาอู๋ใช้เพียงครั้งเดียว จากนั้นมันจะต้องถูกทำลายดังนั้นนอกจากมือลอบสังหารเถาฮวาอู๋แล้ว จึงมิเคยมีผู้ใดพบเห็นมาก่อน”
“เอาล่ะ ถอนพิษให้เขาเถิด ได้ความลับออกมามากมายขนาดนี้แล้วแม้เขาจะกลับไปได้ แต่คาดว่าจุดจบที่รออยู่ก็มีเพียงแต่ความตายเท่านั้น”
หลินเมิ้งหยาหมุนตัว เดินออกจากคุกลับ
เขาเป็เพียงลูกกระจ๊อกปลายแถวเท่านั้น ที่ถูกทิ้งเอาไว้ก็คงเพราะเขามิใช่สลักสำคัญใดๆ
หากเก็บเอาไว้ บางทีอาจจะใช้ประโยชน์ได้
อันที่จริง พิษของผงจี๋เล่อนั้นแก้ง่ายมากเพียงล้างบริเวณที่แสบคันด้วยน้ำสะอาดเท่านั้น ทว่าขั้นตอนการถอนพิษสำหรับผู้ว่าการ คงมิต่างอะไรจากการถูกทรมานอีกครั้ง
“พระชายา ข้าน้อยจะไปรายงานความคืบหน้าพระองค์มีเื่อะไร้ารับสั่งหรือไปบอกท่านอ๋องหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
พ่อบ้านเติ้งถือสมุดคำสารภาพเอาไว้ในมือจากนั้นถวายคำนับอยู่ด้านหลังหลินเมิ้งหยา
“ข้าไม่มีเื่อะไรต้องพูดแต่ต่อจากนี้ไปอย่าให้เจียงเฉิงมาที่นี่อีกอย่าให้...เขาได้พูดคุยกับนักโทษในคุกลับ”
หลินเมิ้งหยายอมรับ นางมิใช้คนดีเหมือนหลินเมิ้งหยาคนก่อน
เมื่อเทียบกับคนดีแล้ว นางมิต่างอะไรจากงูพิษ
พ่นพิษร้ายบนดอกไม้ที่เบ่งบานแต่ถึงกระนั้นก็มิปล่อยให้ผู้ใดเข้ามาย่ำกรายภายในอาณาเขตของตนเอง
บนโลกแห่งความวุ่นวายมีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่จะปกป้องคนสำคัญของตัวเองได้
นางมิใส่ใจคำพูดว่ากล่าวจากผู้ใดขอเพียงนางยังสามารถมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ได้ ไม่ว่าจะต้องแลกมาด้วยวิธีไหนก็จะทำ
“พ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยรับทราบ”
พ่อบ้านเติ้งมิรู้ว่าเจียงเฉิงมีความผิดปกติอันใดแต่น่าเสียดายที่สถานะเขาเป็ถึง...
“ท่านพี่ พระชายานางนั้นของท่านหยิ่งยโสโอหังยิ่งนักแม้แต่ข้าก็ถูกนางกำราบ”ความมิพึงพอใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเจียงเฉิงขณะเดินเข้าไปในห้องอ่านหนังสือของหลงเทียนอวี้
“ข้าบอกเ้าแล้วว่าอย่าเข้าไปในคุกลับ” หลงเทียนอวี้กลับไม่สนใจเขาจ้องมองคำสารภาพเกี่ยวกับกลุ่มเถาฮวาอู๋ คิ้วค่อยๆ ขมวดเข้าหากัน
เถาฮวาอู๋เป็กลุ่มนักลอบสังหารลึกลับ หลายปีมานี้ขึ้นแท่นเป็กลุ่มที่มีอำนาจสูงสุดในเจียงหูแต่เพราะเหตุใดจึงคิดจะต่อกรกับผู้หญิงตัวเล็กๆ เช่นหลินเมิ้งหยา?
“ท่านไม่รู้หรอกว่านางทรมานเพื่อเค้นความลับจากผู้ว่าการคนนั้นเช่นไรนางไร้ซึ่งอุปนิสัยใจดั่งเช่นสตรีนางอื่น ผู้หญิงที่ใจดำอำมหิตเช่นนี้จะดูแลพระตำหนักแห่งนี้ได้อย่างไร?นางจะปรนนิบัติรับใช้ท่านป้าได้หรือ?”
เมื่อลองหวนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่แผ่นหลังของเจียงเฉิงมีเหงื่อผุดประปราย
หากใครทำให้ผู้หญิงคนนั้นผิดใจเข้า เกรงว่าจะต้องเจอเข้ากับฝันร้าย
“ตกลงเ้ามาที่นี่ในวันนี้เพราะมีเหตุอันใดกันแน่?” มิอาจมองออกว่าหลงเทียนอวี้กำลังรู้สึกเช่นไรเจียงเฉิงเป็ลูกชายของอาคนโต เขาสนใจในเื่การแพทย์มากดังนั้นจึงถูกท่านอาส่งไปร่ำเรียนวิชาทางการแพทย์กับหมอหลวงประจำบ้านสกุลเจียง
แม้จะเรียนทางด้านการแพทย์ ทว่าเขาใจดีมากจนเกินไป
“ที่ข้ามาไม่ใช่เพราะหรูฉินหรอก!” เมื่อพูดถึงน้องสาวร่วมสายเืเจียงเฉิงอดที่จะรู้สึกวุ่นวายใจไม่ได้
“หลังจากที่นางรู้ว่าท่านแต่งงานแล้ว นางร้องไห้สามวันสามคืนพ่อกับแม่ข้าไม่อาจทนมองได้อีกต่อไปจึงส่งนางกลับไปยังบ้านเกิดที่ถงโจวแต่ถ้าข้ารู้ล่วงหน้าว่าพระชายาพระองค์นั้นของท่านจะน่ากลัวขนาดนี้ สู้...”
“เื่ของข้า ข้าจะเป็ผู้ตัดสินใจเอง”น้ำเสียงอันเจือไว้ซึ่งความไม่พอใจเล็กน้อยทำให้เจียงเฉิงเงียบกริบ
ญาติผู้พี่คนนี้ดีไปหมดทุกอย่างยกเว้นอารมณ์ที่แปลกประหลาดเสียยิ่งกว่าน้องสาวของตนเอง
เพราะเหตุนี้หรูฉินจึงชอบท่านพี่เพียงผู้เดียวมาั้แ่เด็กทว่ากลับลงเอยด้วยความรักที่ไม่สมหวัง
หลินเมิ้งหยากลับเข้ามาในเขตตำหนักของตนเองหลังจากที่ได้เห็นการทรมานตลอดทั้งวัน นางจึงรู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย
ส่งคนปากมากอย่างป๋ายจื่อเข้าไปอยู่ในห้องครัวดังนั้นจึงเหลือเพียงหลินจงอวี้ที่กำลังนวดบ่าให้กับพี่สาวเบาๆ
“แผลที่หลังของเ้ายังไม่หายดีเลย มานี่สิ มานั่งคุยข้างๆ ข้า”
หลายวันมานี้ยาบำรุงร่างกายมากมายหลากหลายชนิดถูกส่งมายังตำหนักของพวกเขาราวกับสายน้ำไหลร่างของหลินจงอวี้ได้รับการบำรุงจนใบหน้าเรียวเล็กรูปไข่มีเนื้อเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อยอีกทั้งเขายังดูมีชีวิตชีวามากกว่าเดิมหลายเท่าตัว
“ข้าไม่เหนื่อย พี่สาว ต่อจากนี้ไม่ว่าพี่ไปที่ใดเสี่ยวอวี้ขอติดตามพี่ไปด้วยได้หรือไม่?” น้ำตาเอ่อล้นขึ้นมาบนขอบตาของหลินจงอวี้สายตาที่จ้องมองทำให้หลินเมิ้งหยามิอาจปฏิเสธ
“ได้สิ พี่สัญญากับเ้า” ไม่ไหวเ้าเด็กคนนี้ส่งเสียงออดอ้อนร้องเรียกพี่สาวบ้างน้าคนสวยบ้างจนได้ใจคนในจวนไปไม่น้อย
ถ้าต่อไปเติบโตขึ้นเป็ชายหนุ่มเต็มตัว ดูท่าหัวกระไดคงจะไม่แห้ง
หัวใจของหญิงสาวมากมายคงถูกเขาเป็แน่ ดูเหมือนว่านางจะต้องเตรียมสินสอดสำหรับหลินจงอวี้ไว้ล่วงหน้าเสียแล้ว
“ข้า...พี่สาว...เหตุใดข้าจึงรู้สึกง่วงเช่นนี้...”หลินจงอวี้ลูบไล้ดวงตา ยังไม่ทันจะพูดจบ ร่างของเขาก็ทรุดลงบนพื้น
กลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยอยู่กลางอากาศ สัญชาตญาณของหลินเมิ้งหยากำลังส่งเสียงร้องเตือน
เกรงว่านี่จะเป็หมีเซียง1ที่เคยได้ยินมา
สมองพลันร้องบอกสรรพคุณของยาพิษหลินเมิ้งหยาแอบหยิบปิ่นทองบนศีรษะของตนเองลงมาจากนั้นแทงลงไปบนจุดที่ทำให้ร่างกายตื่นตัว
ผู้ไม่หวังดี!
“สลบหมดแล้ว เอาตัวไป!”
หลินเมิ้งหยาหลับตาลงพยายามบังคับลมหายใจตนเองให้เข้าออกอย่างสม่ำเสมอกัน
โชคดีที่เป้าหมายของคนเ่าั้คือนางเสี่ยวอวี้จึงถูกทิ้งไว้ที่นี่
ร่างกายของหลินเมิ้งหยาถูกห่อหุ้มไว้ด้วยกระสอบก่อนจะถูกผู้ไม่หวังดีอุ้มตัวขึ้นแล้วย่องเบาออกไปจากจวนอวี้
กลิ่นเืเตะเข้ามาที่จมูกดูเหมือนว่าองครักษ์รักษาเวรยามของท่านอ๋องจะถูกกำจัดเสียแล้ว
นางแอบหยิบปิ่นปักผมของตนเองออกมาเจาะรูเล็กๆ บนกระสอบ
ความมืดมีมากกว่าความสว่าง นางสามารถมองเห็นแสงไฟริบหรี่อยู่ไกลๆแต่มิอาจระบุตำแหน่งของตนเองได้
ผู้ไม่หวังดีสองสามคนวางตัวนางลงบนรถม้าหลังจากนั้นหนึ่งชั่วยามก็มาถึงที่หมาย
ได้ยินเสียงคลื่นไกลๆ อยู่ๆ หลินเมิ้งหยาก็รู้ได้ทันทีว่าตนเองอยู่ที่ไหน
“นายน้อย พาพระชายาอวี้มาแล้วขอรับ!”
บิงโก! ที่นี่คือที่รังของเถาฮวาอู๋!
“อืม พวกเ้าออกไปได้ ทิ้งเด็กคนนี้เอาไว้ที่นี่”เสียงอ่อนโยนดังขึ้น หลินเมิ้งหยาอดที่จะรู้สึกอยากอาเจียนไม่ได้
ทั้งที่อายุห้าสิบกว่าแล้วแท้ๆ แต่ยังมีใบหน้าอ่อนเยาว์เหมือนเด็กน่าขายหน้าชะมัด!
สองคนนั้นถอดถุงกระสอบออกจากตัวนาง “ตุ้บ”เสียงร่างของหลินเมิ้งหยาร่วงลงบนพื้น
“ปลุกเด็กคนนี้ให้ตื่น” ทันทีที่สิ้นเสียงจมูกของหลินเมิ้งหยาได้กลิ่นเหม็นเน่า
ขณะเดียวกัน สติกลับมาแจ่มชัดเสียยิ่งกว่าตอนกินกระทิงแดงผสมกาแฟ
“แค่ก แค่ก แค่ก นี่มันคืออะไรกัน เหม็นจะตายอยู่แล้ว!” หลินเมิ้งหยาแสร้งตื่นขึ้น ก่อนจะตะเกียกตะกายลุกขึ้นแล้วะโหลบไปที่มุมหนึ่ง
ยังไม่เคยเห็นใครตื่นได้อย่างรวดเร็วและมีกำลังวังชาเช่นนี้หลังจากสลบไปเพราะธูปหมีเซียงมาก่อนทั้งนายน้อยและอีกสองคนต่างพากันชะงักขณะมองทางหลินเมิ้งหยา
“โอ้ ดูเหมือนร่างกายจะยังมีเรี่ยวแรงอยู่มากเลยนี่พวกเ้าออกไปก่อน ข้าจะคุยกับพระชายาอวี้เป็การส่วนตัว”
สิ้นเสียงของนายน้อย เด็กหนุ่มสวมใส่ชุดสีแดงแจ๋ตัวยาวปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าหลินเมิ้งหยา
ตอนแรกที่ได้เจอกันเขาเป็เพียงเด็กหนุ่มซอมซ่อที่มีใบหน้าสกปรกเปรอะเปื้อนเท่านั้น
ทว่าตอนนี้เสื้อคลุมสีแดงสุดเย้ายวนกลับห่มร่างของเขาอยู่จนทำให้มองไม่ออกว่าตกลงแล้วเขาเป็ชายหรือหญิงกันแน่
ปกเสื้อเปิดออกเล็กน้อยเผยให้เห็นหน้าอกเนียนละเอียดสีขาวดุจหิมะ
ปากแดงดั่งชาด จักษุยาวดั่งนกการเวกเมื่อถูกสายตาเปล่งประกายราวกับหยดน้ำคู่นั้นจ้องมอง ร่างกายจึงอ่อนยวบลง
แต่...เขาเป็ตาลุงแก่ที่ฝึกฝนวิชาอาคมจนแก่กล้า! เขาเป็ตาลุงแก่ที่ฝึกฝนวิชาอาคมจนแก่กล้า!เขาเป็ตาลุงแก่ที่ฝึกฝนวิชาอาคมจนแก่กล้า!
หลินเมิ้งหยาร้องเตือนตัวเองในใจ แม้ความหล่อเหลาจะอยู่ตรงหน้าแต่นางก็มิได้หวั่นไหว
“เ้าจับข้ามาที่นี่ด้วยเหตุใด? ถ้าไม่มีอะไรข้าจะกลับบ้านนอน!” หลินเมิ้งหยามิได้เผยความกระวนกระวายออกมาให้เห็นแม้ทั้งคู่จะไม่ได้รู้จักกันเป็การส่วนตัวแต่คนอายุห้าสิบที่ยังมีใบหน้าอ่อนเยาว์จะต้องเป็พวกโรคจิตอย่างแน่นอน! ตาแก่โรคจิต!
“ยัยเด็กคนนี้ เหตุใดจึงใจดำเช่นนี้เล่า! เหยียเชิญเ้ามาที่นี่เพราะคิดถึงเ้ามากเหลือเกินเป็อะไรไป? เ้าทำให้เหยียใเพียงครั้งเดียวคิดหรือว่าเหยียจะไม่สามารถพาตัวเ้ากลับมาได้?”
นายน้อยผู้นั้นหัวเราะขบขัน ช่างเป็เด็กที่ไม่เหมือนใครเลยจริงๆ
ปกติผู้หญิงทั่วไปเวลาเจอกับสถานการณ์เช่นนี้มักจะแสดงท่าทางหวาดผวา
ทว่ายัยเด็กคนนี้กลับสงบนิ่ง
“ไม่มีทางจะให้เชื่อหรือว่าเ้าจับตัวข้ามาเพียงเพื่อพูดคุยกันเท่านั้น? บอกข้ามาสิว่าวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของเ้าคืออะไร?”
หลินเมิ้งหยาจ้องมองฝ่ายตรงข้ามด้วยสายตาเ็าน้ำเสียงยิ่งอ่อนโยนมากเท่าไร นางต้องยิ่งป้องกันตัวเองให้มากขึ้นเท่านั้น
“ไม่มีอะไร แค่เชิญเ้ามาลองยาเท่านั้น ข้าได้ยินมาว่าแต่ก่อนเ้าเป็คนสติฟั่นเฟือนแต่กลับกลับมาฉลาดเฉลียวอีกครั้งในวันแต่งงาน หากทำให้เ้ากลับไปเสียสติอีกครั้งเ้าก็มิได้ขาดทุนมิใช่หรือ?”
นายน้อยหัวเราะคิกคักจ้องมองหลินเมิ้งหยาราวกับว่าเขากำลังแหย่แมวแหย่หมาเล่นอย่างไรอย่างนั้น
ใจดำอำมหิต!
หลินเมิ้งหยามั่นใจมากว่าในสมัยที่ยังเยาว์วัยจะต้องมีคนประสงค์ร้ายต่อนางอย่างแน่นอนมิเช่นนั้นอยู่ๆ เด็กธรรมดาจะกลายเป็คนสติฟั่นเฟือนได้อย่างไร
“ได้ ในเมื่อถูกเ้าจับตัวมาแล้ว ข้าก็ไม่มีทางเลือกแต่เ้าก็มิควรปล่อยให้ข้าสับสนมึนงงเช่นนี้ บอกข้ามาเถิดว่าตกลงเ้าเป็ใครกันแน่?”
หลินเมิ้งหยามีสิ่งที่สามารถปกป้องชีวิตของตัวเองเอาไว้ได้ สิ่งนั้นก็คือเครื่องตรวจจับยาพิษในสมองนางอย่างไรเล่า
แต่หากเปลี่ยนเป็คนโง่เขลาสติฟั่นเฟือนสักวันหนึ่งนางคงจะพูดชื่อยาถอนพิษออกมา...หรือเปล่านะ?
ตอนนี้สิ่งที่นาง้าคือตัวตนของผู้ที่อยู่เื้ั
“เื่นี้เหรอ ไม่จำเป็ต้องบอกให้รู้”ประโยคนี้ทำให้หลินเมิ้งหยาแทบกระอักเื
“ถึงเ้าบอกมา ข้าก็มิอาจนำข้อมูลออกไปบอกใครได้อยู่ดีเพราะอีกเดี๋ยวข้าก็จะกลายเป็คนสติฟั่นเฟือนแล้วมิใช่หรือ?”
นางโน้มน้าวศัตรูอย่างต่อเนื่องทว่ารอยยิ้มของนายน้อยกลับแปรเปลี่ยนเป็โเี้ขึ้นมา
“เอาล่ะ เ้ามิต้องรบเร้าเหยียเื่นี้อีกแล้วข้าจะบอกเ้าตามความจริงก็ได้เ้าจะมิได้เปลี่ยนเป็คนโง่เขลาสติฟั่นเฟือนเพียงอย่างเดียวแต่เ้าจะกลายเป็คนหูหนวก ตาบอด เป็ใบ้ อัมพฤกษ์ อัมพาตสิ่งที่สำคัญที่สุดคือใบหน้างดงามดั่งหยกของเ้าจะไม่มีอีกต่อไป!”
คำพูดของนายน้อยทำให้หัวใจของหลินเมิ้งหยาเย็นเฉียบ
ตกลงใครกันแน่ที่แค้นเคืองนางมากถึงเพียงนี้?
หรือจะเป็ซ่างกวนฉิงและหลินเมิ้งหวู่? ไม่มีทางหรอกค่าจ้างของกลุ่มมือสังหารเถาฮวาอู๋ไม่น้อยเลยโดยเฉพาะค่าจ้างที่ทำให้นายน้อยผู้นี้ต้องเป็คนลงมือเอง
พวกนาง...เกรงว่าจะไม่มีกำลังมากพอขนาดนั้น!
“เกรงว่าเ้ากำลังวางแผนหลอกเหยียอยู่ใช่หรือไม่สายตาของเ้าจึงกลิ้งกลอกเช่นนี้! หากเ้าไม่ยอมเชื่อฟังเ้าคิดหรือว่าเหยียที่ถูกเ้าหลอกมาแล้วหนึ่งครั้งจะยอมปล่อยให้มีครั้งที่สอง?”
**************************
1 ยาชนิดหนึ่งเมื่อสูดกลิ่นเข้าไปจะทำให้หมดสติ