อ๋าวหรานเดินเข้ามากับจิ่งฝานและจิ่งเซียง พบเจอคนเข้ามาทักทายไม่หยุดหย่อน ไม่เสียทีที่เป็เป็ญาติของตัวเอก แต่ละคนหน้าตาดีจนน่าเหลือเชื่อ ถึงแม้จะเทียบไม่ได้กับจิ่งฝานสองพี่น้อง แต่ก็ยังหน้าตาดีกว่าพวกดาราที่อ๋าวหรานเคยเห็นมาในชาติที่แล้วเสียอีก ทำเอาอ๋าวหรานตาลายไปเลย
แน่นอนว่าเมื่อยืนอยู่ข้างตัวเอกก็จะต้องได้รับความสนใจเป็ธรรมดา ทุกคนที่เข้ามาทักทายจิ่งฝานก็จะต้องถามว่าเขาเป็ใคร จิ่งฝานก็อธิบายอย่างอดทนให้กับทุกคนที่เข้ามาถามฟัง แล้วยังแนะนำบรรดาลุงป้าน้าอา เหล่าอาสะใภ้และพี่น้องหญิงชายของเขากับอ๋าวหราน ญาติเยอะมาก ตอนแรกอ๋าวหรานก็พอยังจำได้อยู่ ทว่าตอนหลังกลับจำสับสนไปหมด สุดท้ายจำใครไม่ได้เลย เรียกแค่คุณชายจิ่งคุณหนูจิ่งไปเท่านั้น
คนส่วนใหญ่ที่เข้ามาทักทายนั้น อ๋าวหรานไม่รู้จัก
ต่อให้รู้ ก็แค่เป็คนที่ถูกกล่าวถึงแค่ไม่กี่ประโยคในหนังสือก็เท่านั้น เขาอ่านผ่านๆ ก็จำอะไรไม่ค่อยได้ ตัวละครที่ถูกกล่าวถึงบ่อยๆ ยังไม่ปรากฏตัวออกมา
“พี่จิ่งฝาน” ระหว่างนั้นก็มีร่างหนึ่งพุ่งเข้าใส่จิ่งฝาน
พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา [1] ผู้ที่เข้ามาก็คือลูกสาวคนเล็กของจิ่งเหวินซาน ‘จิ่งฉี’ อายุสิบห้าปี เด็กกว่าจิ่งเซียงเพียงไม่กี่เดือน นางไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของจิ่งเหวินซาน แต่เป็หลานสาวของภรรยาเอกของจิ่งเหวินซาน ภรรยาเอกของจิ่งเหวินซานชื่อ ‘หลี่หรง’ ตระกูลหลี่บนแผ่นดินใหญ่แห่งนี้ก็นับได้ว่ามีหน้ามีตาพอสมควร จิ่งเหวินซานตอนนั้นพยายามอย่างหนักเพื่อขอหลี่หรงมาเป็ภรรยา เป้าหมายเพื่ออะไรไม่ต้องบอกก็รู้
จิ่งฉีเป็ลูกสาวของพี่สาวแท้ๆ ของหลี่หรง ‘หลี่ซู’ หลี่ซูร่างกายอ่อนแอมาั้แ่เด็กๆ คลอดจิ่งฉีได้ไม่นานก็ลาโลกไป บิดาแท้ๆ ของจิ่งฉี เป็คนที่มีพื้นเพธรรมดา ตระกูลไม่ได้มีอำนาจมากมายอะไร เหตุผลเดียวที่ทำให้สามารถสู่ขอคุณหนูใหญ่ตระกูลหลี่มาเป็ภรรยาได้นั้นก็เพราะทั้งสองรักใคร่จริงใจต่อกัน ตระกูลหลี่ค่อนข้างตามใจลูกสาวผู้ร่างกายอ่อนแอผู้นี้มาโดยตลอด เื่แต่งงานจึงอนุญาตตามความปรารถนาของนาง ไม่ได้คาดหวังให้นางช่วยเสริมอำนาจให้กับครอบครัว ถึงแม้พวกเขาจะไม่เห็นพ่อของจิ่งฉีอยู่ในสายตา แต่ก็ไม่ไปขัดขวางไม่ให้พวกเขาอยู่ด้วยกัน ถึงแม้พ่อของจิ่งฉีจะเป็คนอ่อนแอแต่เขาก็รักหลี่ซูด้วยใจจริง หลังจากที่หลี่ซูจากไปได้ไม่นาน เขาก็ฆ่าตัวตายตามหลี่ซูไป จิ่งฉีจึงได้หลี่หรงรับเลี้ยงไว้ เปลี่ยนแซ่เป็แซ่จิ่ง ได้รับการบันทึกชื่อลงในคัมภีร์ลำดับวงศ์ตระกูลของตระกูลจิ่ง สรุปก็คือเื่นี้เป็เื่ที่คนตระกูลจิ่งรับรู้กันภายใน เพียงแต่ไม่กล่าวออกมา จิ่งฉีเองก็รู้ดี
หญิงตระกูลหลี่งดงามเย้ายวนเพียงใดนั้น เป็ที่โจษจันกันไปทั่วทั้งแผ่นดินใหญ่
แม้แต่หลี่ซู ที่เจ็บป่วยอ่อนแอก็ยังงดงามเย้ายวนเป็อย่างยิ่ง ส่วนบิดาแท้ๆ ของจิ่งฉีเองก็มีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นเหนือใคร ไม่อย่างนั้นก็คงไม่เข้าตาหลี่ซู
อยู่ในสายตระกูลคนงามเช่นนี้ แน่นอนว่าจิ่งฉีเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น นางได้รับการสืบทอดรูปลักษณ์อันเป็เอกลักษณ์ของหญิงสาวตระกูลหลี่มา ถึงแม้จะอายุน้อยกว่าจิ่งเซียง แต่กลับดูเป็ผู้ใหญ่เสียยิ่งกว่าจิ่งเซียง จิ่งเซียงมีดวงตาสีดำขนกา กลมโตส่องประกาย มีความซุกซนน่ารัก ถึงแม้จะชอบทำท่าทางเป็ผู้ใหญ่มาสั่งสอนอ๋าวหราน แต่จริงๆ แล้วก็ยังมีนิสัยเป็เด็กน้อยที่ยังไม่โตเต็มที่ แต่จิ่งฉีกลับมีความคิดอ่านที่โตมากกว่า
ดวงตานกการเวก [2] หางตาชี้ขึ้นน้อยๆ ดูมีเสน่ห์เปี่ยมล้น อายุยังน้อยแต่ร่างกายกลับเจริญเติบโตพร้อมสมบูรณ์อย่างยิ่ง อีกทั้งนางยังรู้จักใช้ประโยชน์จากความงามของตนเอง ยิ่งส่งให้นางดูเย้ายวนชวนตะลึง
รูปร่างหน้าตาเป็ผู้ใหญ่ ความคิดเองก็เป็ผู้ใหญ่ด้วย อายุยังน้อยก็มีความรักเสียแล้ว—— นางชอบจิ่งฝาน แต่ก็เอาเถิด คนโบราณมักโตเร็ว สรุปก็คือนางเป็ดอกท้อ [3] ดอกแรกของตัวเอก น่าเสียดายที่เป็ดอกท้อเน่า [4] แม่นางคนนี้ถึงแม้จะมีความคิดเป็ผู้ใหญ่ แต่สมองกลับไม่เป็ผู้ใหญ่ตามไปด้วย ออกแนวสวยแต่ไร้สมอง สร้างความสัมพันธ์ชู้สาวคลุมเครือจนเป็เื่ขบขันไปทั่วใน่ต้นเื่ คงเพราะถูกสร้างขึ้นมาเพื่อสนองนักอ่านบางพวกที่ชอบเื่จำพวกนี้
“พี่จิ่งฝาน ปกติข้าไปหาพี่ เหตุใดพี่จึงไม่อยู่เรื่อยเลย พี่ตั้งใจหลบหน้าข้าหรือเปล่า?” นางจู๋ปากสีแดงทำหน้ามุ่ย ดูสะบัดสะบิ้งจนทำให้คนขนลุกไปทั้งร่าง
อ๋าวหรานอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น ในฐานะผู้ชายคนหนึ่งเหมือนกัน อ๋าวหรานบอกได้เลยว่าเขาไม่อาจทนรับผู้หญิงประเภทนี้ได้ อดไม่ได้ที่จะส่งสายตาอันสลับซับซ้อนทั้ง ‘ฉันเห็นใจนาย’ ‘ฉันส่งกำลังใจให้นาย’ หรือแม้กระทั่ง ‘ฉันเชื่อในตัวนายนะ’ ไปให้กับท่านตัวเอกของเรา เสร็จแล้วก็หันไปคุยอย่างสง่าผ่าเผยกับจิ่งเซียง โดยไม่ได้มองเห็นสีหน้าดำคล้ำเหมือนสีหมึกของตัวเอกเลยแม้แต่นิดเดียว
“เฮ้อ สงสารพี่ชายข้าจริงๆ เลย” ทั้งๆ ที่เป็เสียงทอดถอนใจแต่กลับแสดงสีหน้าเหมือนกำลังชมเื่สนุกอยู่
อ๋าวหรานอดไม่ได้ที่จะค่อนแคะ “เ้าไม่คิดจะช่วยพี่ชายเ้าที่กำลังตกอยู่ในสภาพเหมือนตกนรกทั้งเป็หน่อยหรือ?”
“ข้าต้องอยากช่วยอยู่แล้ว แต่ช่วยได้หรือ? ญาติผู้น้องข้า บิดร่างจนแทบจะเหมือนงูน้ำ เลื้อยไปมาไม่รู้จักหยุดอยู่รอบตัวพี่ชายข้า ข้าก็เข้าไปใกล้พี่ชายข้าไม่ได้น่ะสิ!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า” จิ่งเซียงเปรียบเทียบเสียเห็นได้ชัด แล้วยังท่าทางกลอกตาอย่างทำอะไรไม่ได้นั่นอีก น่ารักสุดๆ อ๋าวหรานอดไม่ได้ที่จะลูบหัวนาง
จิ่งเซียงหันหน้ามา อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเหมือนกัน
จิ่งเซียง “แล้วก็นะ เ้าไม่คิดบ้างหรือว่า ปกติพี่ชายข้าแสดงสีหน้าน้อยเกินไป? กลับไปกลับมาอยู่แค่ ยิ้มน้อยๆ ไม่ยิ้ม ยิ้มน้อยๆ ไม่ยิ้ม มีแค่ครั้งแรกตอนที่เจอเ้าที่แสดงท่าทางดุร้ายออกมาครั้งหนึ่ง ตอนนั้นข้ายังอึ้งไปเลย เพราะเหตุนี้ทุกครั้งที่เห็นจิ่งฉีเอาแต่ทำตัวติดกับพี่ชายข้าจนเขาใบหน้าแข็งค้าง ยิ้มไม่ออก ข้าก็รู้สึกสนุกเป็ที่สุด ฮ่าฮ่าฮ่า”
อ๋าวหรานรู้สึกว่ายิ่งอยู่กับจิ่งเซียงนานเท่าไรก็ยิ่งรู้สึกว่านางน่ารัก ทำให้คนรู้สึกชมชอบ นิสัยของนางอาจจะเป็ผู้เขียนที่มอบให้ แต่ตอนนี้ภาพในจินตนาการมันกลับเป็ของที่มีอยู่จริง นางคือคนเป็ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา ทั้งจิตใจดีและน่ารักจริงๆ
อ๋าวหรานอดที่จะยิ้มน้อยๆ ออกมาไม่ได้ ชีวิตช่างแสนสุขยิ่งนัก
จิ่งเซียง “เ้าว่าพี่ชายข้าเมื่อไหร่จะเป็เหมือนเ้าบ้าง รู้จักแสดงความรู้สึกให้มากหน่อย รู้จักโกรธ เขินอาย เสียใจ หรือต่อให้ยิ้มก็ต้องไม่ใช่ยิ้มแบบเดียวกันทุกรอบแบบนั้น”
อ๋าวหราน “ง่ายมาก แค่แกล้งเขาก็ได้แล้วนี่นา!”
จิ่งเซียง “เ้าพูดเหมือนง่าย เมื่อก่อนข้าก็เคยลอง แต่ไม่ค่อยได้ผลเท่าไร”
อ๋าวหราน “มันก็ไม่แน่หรอกนะ เราสองคนลองร่วมมือกันดู”
อ๋าวหรานแอบค่อนแคะในใจว่า วันนั้นพี่เ้ายังทำสีหน้าเผด็จการร้ายกาจอยู่เลย!!
ว่ากันตามจริงแล้ว อ๋าวหรานเข้ามาอยู่ในนิยายเื่นี้ได้หลายเดือนแล้ว คนอื่นนั้นเขาไม่ค่อยแน่ใจ แต่จิ่งเซียงกับจิ่งฝานนั้นไม่ได้เหมือนกับที่บรรยายไว้ในหนังสือร้อยเปอร์เซ็นต์ ยกตัวอย่างเช่นจิ่งเซียง ในนิยายไม่ได้บรรยายลักษณะนิสัยของจิ่งเซียงไว้ละเอียดมากนัก เื่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อเื่ก็ยิ่งไม่พูดถึงเลย แต่จิ่งเซียงในตอนนี้ดูมีมิติเป็อย่างมาก นิสัยเองก็ชัดเจนมากเช่นกัน นี่เป็ข้อพิสูจน์ว่าโลกนี้ได้แต่งเติมข้อมูลให้เองโดยอัตโนมัติ เพื่อทำให้โลกนี้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น ส่วนจิ่งฝานนั้นในหนังสือบรรยายไว้อย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นิสัยหรือรูปลักษณ์ ก็ถูกผู้เขียนร่ายไว้อย่างเห็นภาพ ถึงจะบรรยายไว้จนเห็นภาพขนาดนี้แล้ว แต่บางครั้งจิ่งฝานก็ยังทำเื่ที่ไม่สมกับลักษณะนิสัยของเขาออกมา
บทสรุปเช่นนี้ทำให้อ๋าวหรานตื่นเต้นเสียจนอยากจะวิ่งออกไปร้องะโ เพราะถ้าเป็แบบนี้ ก็แสดงว่าเขาน่าจะสามารถเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของจิ่งเซียงได้ สามารถเปลี่ยนแปลงเนื้อเื่ที่ไม่น่าพิสมัยนี้ได้!
จิ่งเซียง “ยิ้มอะไรของเ้า? ปากฉีกไปถึงหลังหูแล้ว”
อ๋าวหราน “ฮ่าฮ่า กำลังคิดถึงท่าทางตอนที่พี่ชายของเ้าร้องไห้”
ลองเริ่มลงมือจากทางด้านนิสัยของตัวเอกดูก่อน ถ้าเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้นิสัยเขาเปลี่ยนไปจากนิสัยเดิมได้ล่ะก็ แสดงว่าที่เขาคาดการณ์เอาไว้ก็อาจจะเป็ไปได้!
จิ่งเซียง “ถึงจะรู้สึกว่าไม่น่าเป็ไปได้ แต่ทำไมข้าถึงรู้สึกตื่นเต้นขนาดนี้นะ?”
อ๋าวหราน “ฮี่ฮี่”
จิ่งเซียง “ฮี่ฮี่”
ยิ้มแบบเห็นไส้เห็นพุงกันและกัน แลดูชั่วร้ายยิ่งนัก
เชิงอรรถ
[1] พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา(说曹操 曹操就到)ความหมายว่า เมื่อเราพูดถึงใครอยู่ คน ๆ นั้นก็บังเอิญปรากฏตัวหรือเดินมาพอดี
[2] ดวงตานกการเวก(丹凤眼)หมายถึง ลักษณะดวงตาแบบหนึ่งที่ หัวตาโค้งลง หางตาชี้ขึ้น
[3] ดอกท้อ(桃花)โชคชะตารัก
[4] ดอกท้อเน่า(烂桃花)โชคชะตารักแย่ๆ