ฮูหยินผู้เฒ่าเห็นว่าชายฉกรรจ์ทั้งสองคนยั้งมือก็บันดาลโทสะขึ้นมา
“เหตุใดพวกเ้าสองคนยังไม่รีบลงมือเห็นคำพูดของข้าเป็ลมผ่านหูหรือไร?” ฮูหยินผู้เฒ่าชี้นิ้วใส่ชายฉกรรจ์สองคนที่เมื่อครู่นี้กำลังจะคุมตัวหลิ่วจิ้งไป
“ท่านแม่ ท่านไม่รู้สึกว่าเื่นี้พิกลหรือขอรับ? เหตุใดทุกเื่ล้วนพุ่งตรงไปยังองค์หญิงด้วยความบังเอิญเช่นนี้”หั่วอี้เตรียมจะขัดขวางฮูหยินผู้เฒ่าอีกครา แม้เขาจะเป็คนไม่ละเอียดอ่อน ชำนาญเพียงการศึกและไม่เข้าใจเื่เล็กน้อยในเรือนแต่อาศัยแค่สัญชาตญาณเขาก็ยังรู้สึกว่ามีบางสิ่งผิดปกติเพียงแต่ยังหาสาเหตุไม่ได้เท่านั้น
“อี้เอ๋อร์ ข้าว่าเ้าถูกนังหญิงยั่วราคะนั่นทำให้หน้ามืดตามัวหมดแล้วกระมังบังเอิญหรือ จะบอกว่าบังเอิญได้อย่างไร เ้าลองพูดมาซิมิใช่ว่าเ้าเพิ่งเอ่ยเื่เ้าจะแต่งงานก่อนหน้านี้ไม่นานหรอกหรือ? หากบอกว่าเื่ทั้งหมดนี้เป็จ้าวไฉ่เอ๋อร์หาคนมาพูดจาส่งเดชเ้านึกว่าจ้าวไฉ่เอ๋อร์เป็เทพที่ทำนายอนาคตได้หรือไร? ที่จะทำนายเื่ที่เ้าจะแต่งภรรยาเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว
อีกประการ นับจากที่จ้าวไฉ่เอ๋อร์หมดสติจนเ้าอุ้มนางมาที่ห้องเพียงเวลาสั้นๆ นี้ เ้าจะให้นางไปตระเตรียมคนเพื่อมารักษานางที่จวนได้ทันเวลาได้อย่างไร”
“เื่นี้…” หั่วอี้พลันนิ่งอึ้งขึ้นมาทันใดที่ฮูหยินผู้เฒ่าพูดมาก็ไม่ผิด เขาเพิ่งตัดสินใจเื่ที่จะแต่งงานกับองค์หญิงต้าเว่ยเพราะความรู้สึกเืร้อนชั่ววูบเมื่อบ่ายวันนี้เองคนนอกย่อมไม่มีทางรู้ว่าในจวนจะมีเื่มงคลใหญ่โตเช่นนี้
“ท่านแม่ บางคราที่ท่านหมอเอ่ยว่ามงคลซ้อนมงคล อาจมิได้หมายถึงเื่พิธีสมรสของข้าก็เป็ได้ไม่แน่ว่าในจวนอาจยังมีเื่มงคลอื่นนะขอรับ” หั่วอี้ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่มีทางให้องค์หญิงถูกส่งตัวไปที่ห้องเก็บฟืนวันนี้องค์หญิงหมดสติและเพิ่งฟื้นขึ้นมา แล้วร่างกายจะทนรับกับห้องเก็บฟืนซึ่งไม่ใช่ที่ให้คนอยู่เช่นนั้นได้อย่างไร
“เหมยเซียง เ้ามานี่เ้าบอกกับท่านแม่ทัพซิว่าเ้าไปหาท่านหมอผู้นี้มาจากที่ใด”
ฮูหยินผู้เฒ่าชี้ไปที่เหมยเซียง บอกให้นางเดินเข้ามาพูด
แม้ฮูหยินผู้เฒ่าจะโมโหที่หั่วอี้ไม่ยอมเชื่อฟังใน่เวลาสำคัญเช่นนี้แต่ไม่ว่าอย่างไรหั่วอี้ก็เป็บุตรชายเพียงคนเดียว นางจึงรักดั่งดวงใจและไม่อยากหักหน้าเขาจนเกินไปนัก
เหมยเซียงไม่กล้าชักช้า รีบก้าวออกมาสองสามก้าวเอ่ยว่า“เรียนฮูหยินผู้เฒ่า ตอนที่ฮูหยินใหญ่เป็ลม ข้าก็รีบวิ่งออกประตูไปตามหมอตอนที่ข้าออกจากประตูจวน มองไปไกลๆ ก็เห็นท่านหมอผู้นั้นกำลังเดินผ่านประตูมาพอดี ข้าเห็นว่าในมือเขาถือหีบยาอย่างที่พวกหมอออกไปรักษาคน เพราะข้าคิดว่าต้องรีบเชิญหมอมาดังนั้นแม้จะไม่ได้รู้จักท่านหมอผู้นั้น แต่ข้าก็ยังพาเขาเข้ามาในจวนเ้าค่ะ”
เหมยเซียงพูดจบ ก็เอาแต่ก้มหน้าอย่างขลาดกลัวไม่กล้าขยับเขยื้อน
“เ้าฟังดูสิ ฟังดูท่านหมอผู้นี้เป็เหมยเซียงหามาส่งเดชจากถนนใหญ่ หรือจ้าวไฉ่เอ๋อร์มีความสามารถเป็เลิศคาดการณ์ล่วงหน้าว่าตนจะเป็ลม จึงส่งคนที่คำนวณเวลาเอาไว้แล้วว่าให้เดินผ่านจวนในยามที่เหมยเซียงออกไปตามหาหมอมาพอดี?”
“ฮือๆๆ…” เสียงร้องไห้ที่อยากจะร้องออกมาแต่ก็คล้ายว่าพยายามสะกดกลั้นเอาไว้ของฮูหยินจ้าวดังมาจากเตียงจากนั้นนางก็อาเจียนแห้งๆ ขึ้นมาโดยไม่รู้ว่าเป็จริงหรือแกล้งทำ
แต่ที่ฮูหยินจ้าวทั้งร้องไห้ทั้งอาเจียนครานี้กลับทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าใขวัญเสียจริงจัง นางรีบบอกกับนางจ้าวว่า “ไฉ่เอ๋อร์ระวังหน่อยเ้ากำลังท้องไส้อยู่นะ เ้าร้องไห้เองกลับไม่เป็ไรแต่หากร้องแล้วส่งผลร้ายต่อลูกในท้องแล้วครึ่งชีวิตต่อไปของเ้าจะฝากความหวังกับผู้ใดเล่า”
ฮูหยินจ้าวเงยหน้าท่วมน้ำตาขึ้นอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ เอ่ยกับฮูหยินผู้เฒ่าว่า“ฮูหยินผู้เฒ่าโปรดตัดสินให้ไฉ่เอ๋อร์ด้วยเ้าค่ะ”
“เอาล่ะ เื่นี้ก็จัดการตามนี้ไปก่อนเชิญองค์หญิงไปอยู่ที่ห้องเก็บฟืนเพื่อสำนึกผิด ในห้องนี้ก็ให้เหมยเซียงคอยอยู่ดูแลดีๆส่วนคนอื่นก็ให้ออกไปก่อน อย่ารบกวนการพักผ่อนของไฉ่เอ๋อร์ ต้องรู้เสียก่อนว่ายามนี้ร่างกายของไฉ่เอ๋อร์สำคัญดั่งทองทีเดียวนี่เป็หลานที่ข้าเฝ้ารอมาครึ่งค่อนชีวิตแล้ว”
หั่วอี้กำลังจะเอ่ยปาก หลิ่วจิ้งกลับพูดไปก่อนเขาว่า “แล้วแต่ฮูหยินผู้เฒ่าจะจัดการเ้าค่ะ”
“องค์หญิง ท่าน…” หั่วอี้ยังคิดจะพูดต่อ กลับเป็หลิ่วจิ้งที่หันไปส่ายหน้าให้เขาส่งสัญญาณว่าให้ทำตามที่ฮูหยินผู้เฒ่าจัดการไปก่อน
ตอนนั้นเอง ฮูหยินจ้าวก็อาเจียนแห้งๆ ขึ้นมาอีกหลายครา ทำเอาเหมยเซียงใจนต้องรีบเข้าไปดูแล
หั่วอี้มองนางจ้าว จากนั้นหันมององค์หญิง ที่สุดก็ไม่อาจทนรับกับสายตาวิงวอนขององค์หญิงได้เขาจึงฝืนไฟโทสะในใจสะบัดแขนเดินจากไปอย่างสลดหดหู่เต็มทน
ชายฉกรรจ์ทั้งสองคนในห้องเห็นท่านแม่ทัพออกไปแล้วก็ต่างพากันโล่งอกก่อนรีบเข้าไปจับกดแขนหลิ่วจิ้งคนละข้างหมายจะพาตัวนางไป
หลิ่วจิ้งร้องลั่นออกมาคำหนึ่ง “ปล่อยข้า ข้าเดินเองได้” พูดจบนางก็จ้องเขม็งไปที่ชายฉกรรจ์ทั้งสองคนความแน่วแน่นี้ไม่ใช่ความโกรธแต่เป็ความน่าเกรงขาม ทำให้ชายฉกรรจ์สองคนกริ่งเกรงจนต้องคลายมือออก
“องค์หญิง…” อวี้จิ่นที่เดินตามมาตลอดทาง อดไม่ไหวพลันร้องออกมาด้วยความใ
“อย่าขัดขวาง เ้ากลับไปก่อนเถิด อีกไม่นานข้าก็กลับไปแล้ว”
หลิ่วจิ้งพูดจบก็เงยหน้าเชิดอกเดินนำออกไปมุ่งหน้าไปยังทิศทางของห้องเก็บฟืน
ฮูหยินผู้เฒ่าผงกคางให้ชายฉกรรจ์ทั้งสองคน “ไป คอยดูเอาไว้ให้ดีๆ”
“ขอรับ” ชายฉกรรจ์สองคนรับคำสั่งแล้วเดินออกจากประตูเรือนไป
“แยกย้ายกันได้แล้ว ไฉ่เอ๋อร์เ้าพักผ่อนให้ดีก่อนมีเื่ใดวันพรุ่งก็ค่อยทำ”
ฮูหยินผู้เฒ่าพูดจบ ป้าจ้าวก็ประคองนางกลับไป
เมื่อฮูหยินผู้เฒ่ากลับ คนในห้องก็ค่อยๆ ทยอยกันออกไปด้วย
รอจนในห้องเหลือเพียงฮูหยินจ้าวและเหมยเซียงฮูหยินจ้าวก็หยุดร้องไห้ทันที
“เหมยเซียง ข้าเหนื่อยแล้วเ้าไปตักน้ำอ่างหนึ่งมาให้ข้าล้างหน้าที ข้าอยากพักผ่อน”
“เ้าค่ะ ฮูหยิน” เหมยเซียงรับคำ จากนั้นจึงไปเตรียมน้ำร้อนในห้องครัวกระทั่งเหลือเพียงจ้าวไฉ่เอ๋อร์คนเดียวในห้อง นางจึงแอบหัวเราะเย็นเฉียบออกมา
“เกิดเื่แล้วๆ เกิดเื่ใหญ่แล้วเ้าค่ะ”
อาหนูกำลังเอาสองมือเท้าแก้มนั่งอยู่ที่โต๊ะภายในห้องยังคงว้าวุ่นใจกับข่าวที่ได้ยินมาวันนี้ จู่ๆจื่อเซียวก็ถลันเข้ามาในห้องอย่างรีบร้อน
“มีเื่ใด เอะอะโวยวายอะไรของเ้า”
อาหนูอารมณ์เสียและกลอกตาขาวใส่จื่อเซียวเวลานี้ไม่ว่าเื่ใดก็ไม่อาจเรียกร้องความสนใจจากนางได้ เพราะยามนี้ความฝันที่นางวาดไว้หลายปีกำลังจะสลายไปพร้อมกับการมาขององค์หญิงผู้นั้นแล้ว
“ฮูหยินเ้าคะ ท่านยังไม่ทราบกระมัง องค์หญิงที่มาจากต้าเว่ยผู้นั้นถูกฮูหยินผู้เฒ่าส่งไปอยู่ในห้องเก็บฟืนแล้วเ้าค่ะ”จื่อเซียวเห็นว่าอาหนูหาได้สนใจนางไม่ จึงรีบรวบรัดตัดความเล่าเื่ที่นางเพิ่งไปหาข่าวมาได้
จื่อเซียวพูดจบก็มองอาหนูอย่างได้อกได้ใจ
คิดว่าเป็จื่อเซียวง่ายนักหรือ? นอกจากต้องปรนนิบัติฮูหยินให้ดียังต้องไปคอยหาข่าวจากทุกสารทิศมาให้ฮูหยินอีกข่าวแสนสุดยอดนี้ฮูหยินคงจะชอบใจกระมัง
แล้วก็จริงดังว่า เพราะเพิ่งจะสิ้นคำได้ไม่นานอาหนูก็ลุกพรวดขึ้นมาคว้ามือจื่อเซียวไว้ “เมื่อครู่นี้เ้าว่าอะไร พูดอีกทีซิ”
ยามนี้องค์หญิงต้าเว่ยก็คือหนามยอกอกของอาหนูข่าวใดที่เกี่ยวกับองค์หญิง อาหนูล้วนอยากรู้ทั้งสิ้น
“ฮูหยิน เื่เป็เช่นนี้เ้าค่ะ เมื่อครู่นี้ฮูหยินใหญ่ไปเดินเล่นที่สวนหลังจวนบังเอิญไปพบท่านแม่ทัพกำลังพลอดรักกับองค์หญิงอยู่ที่นั่นฮูหยินใหญ่ทนดูภาพบาดตาไม่ได้จึงหมดสติไป จากนั้นฮูหยินผู้เฒ่าก็ออกหน้า สั่งให้ส่งตัวองค์หญิงไปขังในห้องเก็บฟืนเ้าค่ะ”
_____________________________