เมื่อเด็กสาวบริสุทธิ์ไร้ราคีบอกเสียงฮึดฮัดอย่างกระเง้ากระงอด ว่าให้เข้ามาให้นางฟันให้ตายเสีย คนทั้งหมดก็บังเกิดความรู้สึกอยากหัวเราะ เหมือนว่ายินยอมพร้อมใจจะเข้าไปให้นางฟันให้หายแค้นจริง
ว่ากันตามจริง วินาทีที่หมู่ซิ่วยกแขนถลกหนังตัวเองออกนั้น แม้กระทั่งเ่ิูยังนึกว่าจะเหมือนกับตอนที่ปีศาจหมีอัคคีโลหิตหรือปีศาจกิ้งก่าขาวเผยตัว ฉีกหนังมนุษย์แล้วผงาดร่างอันน่ากลัวและโหดร้ายของปีศาจออกมาเสียอีก
แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะกลายเป็เด็กสาวพิลึกคนนี้
ปีศาจอะไรกัน?
เ่ิูเองยังไม่แน่ใจเลย
“นังปีศาจ เอาศิษย์น้องหมู่ซิ่วไปไว้ที่ไหน? เ้ามันตัวอะไรกัน?” กระบี่ตัดเวหาเหว่ยเทียนิตวาดลั่น “เ้าต้องสังหารศิษย์น้องหมู่ซิ่วเป็แน่ ทุกคนร่วมมือกัน จับนังตัวประหลาดนี่ไว้”
เมื่อเห็นว่าปีศาจคนนี้เป็เพียงเด็กสาว เหล่ากระทาชายชาวยุทธ์เหมือนจะสิ้นไร้ความกลัว
“คิกๆ ศิษย์น้องหมู่ซิ่วของพวกเ้ามันวิปลาส ตอนแรกข้าจะไว้ชีวิตเ้าอยู่หรอก ใครจะรู้ว่าเขาจะลามกจกเปรต กล้ามาหยอกล้อข้าแล้วจะแก้ผ้าข้าให้ล่อนจ้อน ข้าเลยฆ่าเขาด้วยกระบี่นี่ไป” เด็กสาวถลึงตาพลางหัวเราะคิกคัก แล้วว่าต่อ “คนขี้แพ้พรรค์นั้น ตายไปได้เสียก็ดี! ข้าถึงได้ลอกหนังเขามาเล่นสนุกเสียหน่อยไงเล่า”
เมื่อคำเฉลยนั้นดังขึ้นมา พลพรรคจื่อเวยก็เปลี่ยนสีหน้าน้อยๆ เป็พัลวัน
หมู่ซิ่วเป็คนประเภทไหนนั้น พวกเขาแจ่มแจ้งในใจดี ลามกไม่น้อย แล้วนิสัยเช่นนั้น เมื่อเห็นเด็กผู้หญิงงามเหมือนหยกแกะสลัก การจะเข้าไปล้อเล่นย่อมเป็เื่ที่ไม่เกินกว่าความสามารถ
ทว่าเหว่ยเทียนิกลับหน้าแดง เขาคำรามอย่างโกรธจัด “นังปีศาจ พูดเพ้อเจ้อ พรรคจื่อเวยของข้าเป็พรรคอันชอบธรรม จะทำเื่เช่นนี้ได้อย่างไร? เ้ากล้าปรักปรำศิษย์น้องหมู่ซิ่ว วันนี้อย่าคิดว่าจะหนีไปได้...”
“ใช่แล้ว ศิษย์พรรคจื่อเวยจะทำเื่พรรค์นั้นได้อย่างไร?”
“เื่พิสดารพรรค์นี้เชื่อได้ด้วยหรือ?”
“ฆ่านางซะ”
คนจากพรรคคึกคะนองเหมือนม้าศึก ปากพร่ำจะฆ่าให้จงได้ แต่กายกลับไม่มีผู้ใดกล้าก้าวไปข้างหน้าเลยแม้แต่คนเดียว
สายตาทุกคู่ล้วนชำเลืองมองยังเ่ิู หวังว่าเทพสังหารอาภรณ์ขาวจะลงมือให้
เ่ิูแค่นยิ้ม
เขาผินหน้ามองเหว่ยเทียนิ แล้วเอ่ยถากถาง “คนของพรรคอันชอบธรรมทำเื่ผิดไม่ได้? เป็ผู้ทรงศีลแน่นอนกระนั้นหรือ?”
เหว่ยเทียนินึกไม่ถึงว่าเทพสังหารชุดขาวจะเอ่ยคำนี้ นึกย้อนไปถึงก่อนหน้าที่ตนทำความลำบากให้คนผู้นี้มานักต่อนัก ใจเหว่ยเทียนิบังเกิดความเกรงกลัวอย่างยากจะบรรยายได้ เขาก้าวถอยหลังสามสี่ก้าวทันที สูดลมหายใจเย็นเยียบเข้าปอด นั่นถึงค่อยฟื้นสติขึ้นมา แล้วตอบตะกุกตะกัก “เพราะว่า...พรรคมีกฎระเบียบ...พวกเรา...พรรคอันชอบธรรมไม่อาจทำเื่เลวทรามเช่นนั้นได้ พวกเรา...”
“ฮึ”
เ่ิูส่งเสียงเหยียดหยามอย่างแจ่มชัด
“ตรรกะประหลาดเสียจริง พรรคอันชอบธรรม เฮอะๆ” เ่ิูนึกไปถึงาายาหงส์ฟ้าเิ่ิ๋แห่งสำนักหงส์ฟ้า เป็พรรคอันชอบธรรม เป็ปรมาจารย์ยาอันทรงเกียรติของอาณาจักรเสวี่ยเช่นเดียวกัน แต่เื้ักลับชั่วช้าเสมือนหมาไฮยีน่า
เหล่าพลพรรคจื่อเวยหน้าแดงเหมือนเืหมู
หน้าพวกเขาร้อนจัดเหมือนถูกหลังมือตบเข้าหลายครั้ง
แต่พวกเขาหากล้าตอบโต้ไม่
กระทั่งอาจารย์อากลางคนอย่างเหลียงเฉวียยังเงียบงัน
ทันใดนั้นเอง
สวบๆๆๆ!
ร่างสี่ร่างพุ่งเข้ามาผ่านทางหน้าต่างที่เ่ิูทำลาย
เป็นักรบเกราะคู่ใจที่ติดตามหลิวจงหยวนนั่นเอง
ทั้งสี่สวมชุดเกราะแ่า หมวกเกราะสีดำปิดบังใบหน้า มีเพียงดวงตาเท่านั้นที่เผยให้ได้เห็น เป็ชุดเกราะเหล็กสำหรับออกศึก ในมือกำดาบเหล็กใสมาตรฐานของกองทัพโยวเยี่ยน ทำขึ้นอย่างดีใกล้เคียงกับอาวุธิญญา คมกริบยิ่งยวด ร่องเืของดาบเหล็กยังมีเืปีศาจไหลอยู่ ต้องผ่านการต่อสู้มาแล้วรอบหนึ่งอย่างแน่นอน...
ไอเหล็กอาบเืกำเนิดขึ้น
เมื่อทั้งสี่ปรากฏกาย ก็เรียงแถวหน้ากระดานอยู่หลังเ่ิู
“คารวะเย่โหวเหย่ ใต้เท้าหลิวให้พวกเรามาเป็กำลังเสริมของเย่โหวเหย่ขอรับ” นักรบเกราะหนุ่มที่ทำให้หวงหร่านสะพรึงกลัวเมื่อคราวนั้นเอ่ยอย่างนอบน้อม
เ่ิูพยักหน้า
ด้านนอกหน้าต่างนั้น มองเห็นยอดฝีมือเผ่าปีศาจที่มีกำลังแข็งกล้า ทารุณและกำแหงยังทำความเสียหายอย่างบ้าคลั่ง แต่ยอดฝีมือของกองทัพได้เข้ารับมือเรียบร้อยแล้ว ลำแสงพลังปราณสายแล้สายเล่าประหนึ่งัเทพคะนองฟ้า ะเิยิงออกไป กำเนิดเสียงขู่คำรามราวกับฟ้าร้อง ผู้แข็งแกร่งวรยุทธ์ของทัพหน้ากำลังสู้ศึกอยู่...
ผู้แข็งแกร่งขั้นสุดยอดที่แท้จริง ยังไม่ลงมือ
พวกเขาพิจารณาอย่างมากแล้วว่า ก่อนหน้าที่จุดหมายที่แท้จริงเหล่าปีศาจาุโแห่งกองพลสู่ทักษิณยังไม่เผยคมในฝักออกมา ผู้แข็งแกร่งขั้นสุดยอดของทัพหน้ายังต้องเงียบไว้ก่อน ประการหนึ่งเพื่อเตรียมพร้อมเผื่อยอดฝีมือของเผ่าปีศาจเผยตัวออกมาจริงๆ อีกประการหนึ่งคือแม่ทัพปีศาจแต่งตั้งเหล่านี้ไม่คู่ควรให้พวกเขาลงมือ มีแม่ทัพกองโจรที่เป็ผู้แข็งแกร่งคอยจัดการให้อยู่แล้ว!
ทหารโรมรันทหาร!
แม่ทัพปะทะแม่ทัพ!
เ่ิูมองกลับมายังแม่นางน้อยบริสุทธิ์ไร้เดียงสา เขายิ้มแล้วว่า “วันนี้เ้ามาแล้วก็ไปไหนไม่ได้แล้ว จับกุมแล้วเอาไปขังไว้ก็พอ ถือว่าปรานีเ้าแล้ว”
เขารู้สึกได้ถึงไอปีศาจในกายเด็กหญิงนางนี้
อีกทั้งยังเป็ไอปีศาจที่มิได้อ่อนด้อยไปกว่าปีศาจหมีอัคคีโลหิตและปีศาจกิ้งก่าขาวสองตนก่อนหน้านี้ด้วย
แม้ว่าจะไม่อาจล่วงรู้ว่าเพราะเหตุใด รูปกายภายนอกของนางจึงเป็มนุษย์ แต่ใครเล่าจะรู้ มันอาจเป็เปลือกนอกร่างมนุษย์อีกชั้นหนึ่งก็ได้ บางทีแก่นแท้ของนางอาจเป็เผ่าปีศาจที่โเี้ป่าเถื่อนก็เป็ได้
เห็นภาพเผ่าปีศาจสังหารมนุษย์มามากมายเพียงนี้แล้ว เ่ิูย่อมไม่มีความเห็นใจให้เผ่าปีศาจแน่นอน
นักรบเกราะเหล็กดำเข้าโอบล้อมแม่งนางน้อยประหลาดนี้ไว้
แต่แม่นางน้อยมิได้หวั่นกลัวเลย
นางยิ้มน่ารักยามหัวเราะคิกคัก “ผู้าุโปีศาจของกองพลสู่ทักษิณ ให้ผู้สืบทอดและลูกศิษย์ลูกหามาเป็วงเปิดที่นี่ ไม่เห็นค่าผู้ใต้บังคับบัญชาในสายตา แต่พวกเราคนของนครอันธการไม่โง่ถึงเพียงนั้นหรอก ไม่ทำเื่ส่งคนมาตายแน่นอน...”
ระหว่างพูด กริชเล่มเล็กในมือนางส่องแสงสีเงินกระจ่าง ปกคลุมทุกชีวิตไว้ใต้พลานุภาพของมัน
“แย่แล้ว นังปีศาจกำลังจะหนี” มีคนโพล่งออกมา
แต่เ่ิูเหมือนคนถูกอสนีบาต เขายืนนิ่งค้าง
ดวงตาฉายแววซึ่งไม่เคยมีมาก่อน เขาจับจ้องเด็กสาวแล้วโพล่งออกมาอย่างไม่อาจควบคุมตัวเอง “เ้าว่าอะไรนะ? นครอันธการ? เ้าเป็คนของนครอันธการ เ้า...”
“คิกๆ ข้าจำเ้าได้แล้ว เ้าน่าสนใจมากเลย ข้าจะมาหาเ้าอีกแน่...”
เด็กสาวยิ้มสง่า แสงเจิดจ้าวาบขึ้นมา พาร่างนางหายวับไป
เ่ิูเอื้อมมือจะไขว่คว้าเอาไว้ แต่ไม่ทัน
เสียงหัวเราะใสแจ๋วนั่นดังก้องอยู่ข้างหู
เ่ิูจิตใจปั่นป่วน
ทำไมเป็นครอันธการไปได้?
วินาทีนี้ ความทรงจำนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นในห้วงคิดของเขาเหมือนน้ำไหลบ่า
เขาไม่อาจห้ามใจตัวเองไม่ให้นึกถึงตอนนั้นที่อยู่สำนักกวางขาว เด็กน้อยที่เรียกเขาเสียงเจื้อยแจ้วว่าพี่ชิงหยู เช้าตรู่วันแรกที่เขาเข้าสำนัก เพราะชุดของนางใหญ่เกินไปถึงสะดุดล้ม เด็กน้อยที่เชื่อใจเขาอย่างไร้ข้อแม้ แลกคะแนนกับการได้เข้าหอพิจารณ์เพื่อมาหาเขาในห้องกักตัว...
เด็กหญิงที่ชื่อว่า่เี่ิ
เด็กหญิงที่เ่ิูรัก อาวรณ์และห่วงใยที่สุดในชีวิตนี้
แล้วก็เป็เด็กหญิงที่เ่ิูสาบานว่าจะหาตัวกลับมา
คนสำคัญมากของชีวิตเขา
นับั้แ่เซียนหญิงหวังเจี้ยนหรูพาเด็กน้อยที่พบว่ามีชีพจรอันธการและถูกตามฆ่าจากไป ยังไม่ทันครบปี แต่เ่ิูกลับรู้สึกเหมือนจากกันนานเหลือเกิน ยากจะบอกได้ว่าความรู้สึกที่เขามีต่อเด็กหญิงน่ารักนางนี้คืออะไร แต่เ่ิูกลับรู้ ว่าทุกครั้งที่มีเวลานอกเหนือจากการฝึกวิชา เขาจะคิดถึงนางเสมอ
กลายเป็เหมือนความยึดมั่นถือมั่นของเขา
วรยุทธ์มีจิตมาร หทัยวรยุทธ์ของเ่ิูคือเทพสังหารซิวหลัว จิตมารของเขาควรจะเป็คำว่าฆ่า
แต่ตอนนี้ ่เี่ิที่มีชีพจรมืดไหลเวียนอยู่ในร่าง กลับกลายเป็ความยึดมั่นในเส้นทางวรยุทธ์ของเขา
เ่ิูเคยคิดว่าตัวเขาคงไม่ได้ยินนามแห่งนครอันธการ นามของนาง...่เี่ิและดวงตานั้น ไม่นึกเลยว่าจะเป็วันนี้ วันที่เขาได้ยินห้าพยางค์คือนครอันธการนี้จากปากของเด็กสาวชาญฉลาดดั่งกรด
“ทำไมนครอันธการกับกองพลสู่ทักษิณถึงรวมมือกันได้?”
“หรือนครอันธการจะกลายเป็สิ่งที่ไม่อาจให้หลงเหลืออยู่ในภพนี้ได้ไม่ว่าจะจากมนุษย์หรือปีศาจ?”
“เด็กน้อยเป็เช่นไรบ้าง?”
“ชีพจรมืดของนางประสานกันแล้วใช่ไหม?”
“หวังเจี้ยนหรูล่ะ? เซียนกระบี่ยังปกป้องเสี่ยวจวินอยู่ไหม?”
คำถามมากมายผุดขึ้นในความคิดเ่ิูอย่างบ้าคลั่ง
เขายืนอยู่นานสองนาน
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด
“เย่โหวเหย่ เย่โหวเหย่ ท่านไม่เป็ไรนะขอรับ? พวกเราควรทำอย่างไรต่อไปขอรับ?” นักรบเกราะหนุ่มอดไม่ได้ เขาลองถามไปเสียประโยค
พวกเขาไม่อาจเข้าใจเลยว่า เหตุใดเย่โหวเหย่ผู้สังหารเด็ดขาดไร้ปรานี หลังได้ฟังคำก่อนจากของปีศาจสาวตนนั้นแล้ว ถึงเหมือนเป็คนละคน กลายเป็ร่างเลื่อนลอยเสมือนไร้ิญญา ยืนนิ่งงัน
แต่ตอนนี้มิใช่เวลามาเหม่อลอย ดังนั้นเขาจำต้องเอ่ยเตือนไปก่อน
“อ๊ะ?” เ่ิูหันหน้ามองนักรบนายนั้นแล้วจึงส่ายหน้า “อืม ข้าไม่เป็ไร”
เอ่ยไม่ทันจบ ความเปลี่ยนแปลงก็บังเกิดขึ้นมาอีก
โครม!
หอลมฝนปรอยสั่นะเือย่างรุนแรงโดยไม่ทันตั้งตัว
ริ้วแสงอักขระแน่นขนัดรอบด้านกะพริบอย่างบ้าคลั่ง กระบวนอักขระเพิ่มความแข็งแกร่งถูกกระตุ้นถึงขีดสุด แต่รอยร้าวแ่ารอยแล้วรอยเล่ากลับปรากฏขึ้นบนผนังช้าๆ ไม่ขาด่
พลังงานแข็งกล้ายากจะบรรยายล่องลอยอยู่ภายนอกหอลมฝนปรอยอย่างไม่มีสัญญาณเตือน
ด้วยการจู่โจมจากพลังที่หาที่มาไม่ได้พวกนี้ หอลมฝนปรอยที่ได้ฉายาว่าแกร่งนักแกร่งหนา กลับเหมือนหอไม้ไผ่อ่อนท่ามกลางลมฝนที่กู่ร้อง มันสั่นไหวอย่างน่ากลัว โครงสร้างหลักเกิดเสียงกรีดร้องครืดคราด ราวกับจะถล่มลงมาเมื่อใดก็ได้...
“หอนี้จะถล่มแล้ว รีบหนีเร็ว!”
บางคนะโออกมาอย่างอกสั่นขวัญแขวน