ตั้งเริ่มก่อตั้งตระกูลจินและทำการค้าเกี่ยวกับผ้าไหม จนกระทั่งได้รับตำแหน่งตระกูลอันดับหนึ่ง ที่ได้รับการไว้วางพระราชหฤทัยจากฮ่องเต้ ในด้านการส่งผ้าไหมลวดลายต่าง ๆ ให้กับกองภูษา เพื่อใช้ในการตัดเย็บเป็ชุดฉลองพระองค์ นับแต่นั้นก็ไม่มีตระกูลใดสามารถโค่นล้มตระกูลจินได้
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อบุตรสาวตระกูลจินทั้งสองคน ได้เกี่ยวดองกับตระกูลขุนนางใหญ่อย่างตระกูลหยาง ที่มีแม่สามีเป็ถึงองค์หญิงใหญ่แล้ว ตระกูลฟงก็มิได้น้อยหน้าเพราะเป็ตระกูลแม่ทัพของแคว้นเป่ยชาง บุตรชายบุตรสาวล้วนมีความสามารถไม่เป็รองผู้ใด
ภายหลังลูกสะใภ้ของสองตระกูลให้กำเนิดทายาท ซึ่งเป็บุตรฝาแฝดยิ่งสร้างความอิจฉาต่อผู้คนอีกเท่าตัว เนื่องจากฝาแฝดจากตระกูลหยางเป็แฝดหงส์ั จึงเป็ที่รักใคร่ของฮ่องเต้และรัชทายาท ยิ่งไปกว่านั้นฝาแฝดจากจวนแม่ทัพฟง ก็ได้รับพระเมตตาจากอานิสงส์ของฝาแฝดที่เป็ญาติผู้น้องไปด้วย
นอกจากนี้ฝาแฝดทั้งสี่ยังเป็พระสหาย ที่องค์ชายเจิ้งหลงโอรสในพระชายาเอกของรัชทายาท แต่กลับเป็ศัตรูคู่กัดกับองค์ชายเฉิงหานและองค์หญิงเจิ้นอี้ ั้แ่เด็กจนกระทั่งทั้งหมดเติบโต
เมื่อทั้งหมดอายุได้สิบหนาวนั้น เกิดเหตุการณ์ปะทะคารมที่ถือว่ารุนแรง เกินกว่าจะเป็เื่ล้อเล่นทั่วไป เนื่องจากองค์ชายเฉิงหานกับองค์หญิงเจิ้นอี้ มักจะเป็ฝ่ายหาเื่ฝาแฝดสี่น้องเสมอ
“นี่ พวกเ้าสองพี่น้องไม่รู้จักเข็ดหลาบหรืออย่างไร จะอิจฉาริษยาข้ากับพี่ชายไปถึงเมื่อใดกัน” หยางเฟิ่งเซียนที่ยืนประจันหน้าเอ่ยด้วยความระอาใจ
“หึ หยางเฟิ่งเซียนเ้ากล้าพูดจาไม่มีมารยาทกับข้า ที่เป็ถึงองค์ชายของเชื้อพระวงศ์เชียวรึ”
“ทำไมน้องสาวของข้าจะพูดเช่นนี้ไม่ได้ ในเมื่อเป็รับสั่งจากเสด็จปู่ที่ประทานอนุญาต ว่าข้ากับน้องสาวไม่จำเป็ต้องใช้คำชาศัพท์กับพวกเ้า หรือแม้แต่องค์ชายองค์หญิงที่เป็พระนัดดาเช่นพวกเ้าสองคน”
ฟงเสวี่ยหลินย่อมปกป้องเข้าข้างญาติผู้น้องของตนเช่นกัน “ที่ญาติผู้น้องของกระหม่อมกล่าวนั้นถูกต้องแล้ว หากองค์ชายเฉิงหานกับองค์หญิงเจิ้นอี้ไม่พอใจ ก็เชิญไปทูลฟ้องฮ่องเต้เอาเองเถิด แล้วมาดูกันว่าใครกันแน่ที่จะถูกลงโทษพ่ะย่ะค่ะ”
“กรี๊ดด! พวกเ้าบังอาจเกินไปแล้ว วันนี้ข้าจะให้คนสั่งสอนพวกเ้าให้เข็ด” องค์หญิงเจิ้นอี้ไม่เคยแก้ไขนิสัยตนเอง เพราะมารดาที่เป็อนุชายาไม่เคยสั่งสอนในทางที่ดี
แต่การทะเลาะวิวาทในครั้งนี้นั้น กลับมีท่านอ๋องสี่อย่างเป่ยชางเว่ยเฉวียน ทรงได้ยินคำพูดทุกคำอย่างชัดเจน และท่านอ๋องสี่ก็ทรงชื่นชมฝาแฝดผู้เป็หลาน และฝาแฝดจากจวนตระกูลฟงอีกพระองค์
“หยุด! เกิดอันใดขึ้นระหว่างพวกเ้า เหตุใดถึงได้ใช้วาจาโอหังคิดจะสั่งลงโทษผู้ใดตามใจชอบเช่นนี้”
เด็กทั้งเจ็ดคนเมื่อเห็นว่าเป็ผู้ใดที่เข้ามาในศาลา ก็โน้มตัวทำความเคารพตามลำดับาุโทันที
“ถวายบังคมเสด็จอาพ่ะย่ะค่ะ /เพคะ”
“ถวายบังคมท่านอ๋องสี่พ่ะย่ะค่ะ”
“อืม บอกกับเปิ่นหวางมาสิว่าครั้งนี้ทะเลาะกันเื่อันใดอีก ถึงได้ส่งเสียงดังถึงขั้นจะสั่งให้มีการลงโทษตามอำเภอใจ”
องค์ชายเฉิงหานชิงตอบก่อนผู้ใด “ทูลเสด็จอาเ้าฝาแฝดสองคนนี้ ใช้วาจาไม่ให้ความเคารพกับหลาน ทั้งยังแอบอ้างรับสั่งของเสด็จปู่ หลานแค่จะสั่งสอนพวกมันให้หลาบจำพ่ะย่ะค่ะ”
“เหลวไหล! เ้าก็โตแล้วนะเฉิงหาน เปิ่นหวางไม่เชื่อว่าพระดำรัสของเสด็จปู่เ้า ที่มีให้กับพี่น้องตระกูลหยางเ้าจะไม่รับรู้ ทั้ง ๆ ที่ผู้คนทั่ววังหลวงหรือแม้แต่นอกวัง ยังรู้ว่าสองคนนี้มีสิทธิ์เทียบเท่าเชื้อพระวงศ์
แต่เ้ากับน้องสาวยังบังอาจไม่เชื่อฟัง กล้าหาเื่พวกเขาอยู่ร่ำไป เหตุใดไม่ยอมรับความจริงเสียบ้าง ว่าพวกเ้าความสามารถไม่อาจเทียบพวกเขาได้ และควรปรับปรุงแก้ไขที่ตนเองมิใช่กล่าวโทษผู้อื่นเช่นนี้”
องค์ชายเจิ้งหลงไม่อยากให้กลายเป็เื่ใหญ่โต จึงขอให้ท่านอ๋องสี่อย่าโกรธเคืองการกระทำของพี่น้องต่างมารดา “เสด็จอาอย่าได้ทรงกริ้วกับเื่เล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้เลย ถึงเฉิงหานกับเจิ้นอี้จะสั่งนางกำนัลหรือขันทีให้ลงมือ พวกเขาย่อมไม่กล้าทำตามอยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ
พวกหลานเองก็มิได้ถือโทษอันใด ที่ทั้งสองคนมักจะแสดงท่าทีเช่นนี้อยู่แล้ว จึงเป็การโต้เถียงด้วยคำพูดตามประสาเท่านั้น เสด็จอาอย่าทรงเป็กังวลให้ไม่สบายพระทัยเลยพ่ะย่ะค่ะ”
ท่านอ๋องสี่ถึงกับถอนพระทัยหนัก ๆ กับสิ่งที่พระนัดดาทั้งสองได้กระทำ ไม่ว่าการทะเลาะจะเกิดขึ้นสักกี่ครั้งก็ไม่เคยหลาบจำ
“เฮ้อ ยังคงเป็เจิ้งหลงสินะ ที่เข้าใจสถานการณ์และไม่เก็บมาใส่ใจ เอาล่ะนี่ก็ถึงเวลาที่ทั้งสี่คนต้องกลับจวนแล้ว ป่านนี้รถม้าคงมารออยู่ที่หน้าประตูวังหลวงอยู่นาน พวกเ้ารีบไปเถิดเื่วันนี้ก็ให้แล้วกันไป”
“ขอบพระทัยเสด็จอาหลานทูลลาพ่ะย่ะค่ะ /เพคะ”
“กระหม่อมสองคนทูลลาเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ”
หยางเฟิ่งเซียนเดินออกไปด้วยท่าทางสง่างาม ส่วนพี่ชายทั้งสามก็มีท่าทางองอาจสมเป็ชายชาตรี แต่หยางเฟิ่งเซียนกลับหันมามองคู่อริอีกครั้ง ไม่เพียงเท่านั้นยังแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ทั้งสองอีกครั้ง ซึ่งไม่ลืมกล่าวคำทิ้งท้ายโดยไม่มีเสียงอีกว่า ‘พวกเ้าโดนทำโทษแน่’
เพราะท่านอ๋องสี่ยืนหันหลังให้กับพี่น้องฝาแฝด จึงไม่เห็นการกระทำนั้นของหยางเฟิ่งเซียน เมื่อสองพี่น้องคิดจะฟ้องสิ่งที่นางทำ ก็พบกับสายตาดุ ๆ และมีคำสั่งให้กลับตำหนักไปเสีย แต่ในที่นี้ยังมีอีกคนที่เห็นคำล้อเลียนของญาติผู้น้อง ก็คือองค์ชายเจิ้งหลงที่เชื่อว่าคำพูดของหยางเฟิ่งเซียนย่อมเป็จริงแน่นอน
และแล้วคำพูดของหยางเฟิ่งเซียนก็เป็จริง เมื่อเื่ดังกล่าวไปถึงพระกรรณของรัชทายาท รวมถึงฮ่องเต้ที่มีรับสั่งให้รัชทายาทจัดการเื่โอรสและธิดาของตน
มิใช่เพียงองค์ชายเฉิงหานกับองค์หญิงเจิ้นอี้เท่านั้นที่ถูกเรียกพบ แต่ยังมีมารดาของทั้งสองคนหนึ่งมีตำแหน่งพระชายารอง อีกคนก็เป็อนุชายาจากตระกูลขุนนาง ซึ่งเคยคิดว่าเป็สตรีที่เข้าใจง่าย แต่ยามนี้องค์รัชทายาทกำลังทรงคิดทบทวนอย่างหนัก
“พวกเ้าคงรู้ตัวแล้วกระมัง ว่าข้าเรียกมาพบด้วยเื่อันใด ต้องให้พูดย้ำให้ฟังอีกครั้งหรือไม่”
พระชายารองเยียนแสร้งทำไม่รู้เื่ที่เกิดขึ้น จึงถามกลับองค์รัชทายาทอย่างมีจริตมารยา “หม่อมฉันกับน้องหญิงหลีไม่ทราบจริง ๆ เพคะ ไท่จื่อมีเื่อันใดอยากให้หม่อมฉันสองคนช่วยหรือไม่เพคะ”
“นั่นสิเพคะไท่จื่อ หม่อมฉันกับพระชายารองไปเข้าเฝ้าไทเฮา ไม่ทราบว่าที่นี่เกิดเื่ร้ายแรงอันใดเช่นนั้นหรือเพคะ” อนุชายาหลีมักจะลื่นไหลตามพระชายารองยามที่ต้องเอาตัวรอด
แต่คนที่เป็ถึงองค์รัชทายาทจะไม่รู้เท่าทันได้อย่างไร ในเมื่อที่ผ่านมาไม่เคยไว้วางใจสตรีจากสองตระกูลเลยสักนิด “หึ ต่อหน้าข้าพวกเ้าสองคนยังใจกล้าเสแสร้งอีกหรือ มารยาร้อยเล่มเกวียนของสตรีช่างน่ากลัวไม่น้อย เช่นนั้นเ้าเฉิงหานบอกข้ามาสิว่า วันนี้เ้ากับเจิ้นอี้ไปก่อเื่อันใดไว้
พวกเ้าสองคนมิใช่เด็กอายุสามหนาวแล้ว ควรจะรู้จักว่าสิ่งใดควรทำสิ่งใดไม่ควรทำ คิดว่าตนเองเป็เชื้อพระวงศ์แล้วจะอวดเบ่งอำนาจไปทั่วก็ได้รึ ข้าเคยเตือนพวกเ้าหลายครั้ง ว่าอย่าไปวุ่นวายกับพี่น้องฝาแฝดสองตระกูลนั่น”
องค์ชายเฉิงหานเห็นว่าบิดาไม่เข้าข้างตนก็ยิ่งโกรธเคือง “ก็เ้าพวกฝาแฝดนั่นไม่ให้ความเคารพลูก เหตุใดเสด็จพ่อถึงไม่เข้าข้างลูก แต่กลับไปเข้าข้างพวกนั้นเสียทุกครั้งพ่ะย่ะค่ะ”
“ใช่เพคะเสด็จพ่อ พวกมันก็แค่สามัญชนที่โชคดีมีย่าเป็เชื้อพระวงศ์ ถึงอย่างไรก็ควรเคารพข้ากับพี่รอง แต่พวกมันกลับเหิมเกริมต่อปากต่อคำอย่างไม่เกรงกลัวเลยนะเพคะ” องค์หญิงเจิ้นอี้ที่ถูกอนุชายาหลีสั่งสอนให้ใช้บารมีพระบิดา กล่าวเข้าข้างพี่ชายคนรองอย่างเอาแต่ใจ
พระชายารองเยียนและอนุชายาหลี ได้ยินบุตรธิดาของตนโต้เถียงกับพระบิดาเช่นนั้น ถึงกับเล่นงิ้วตบตาทำเป็ดุด่าเด็กทั้งสอง “เฉิงหาน เจิ้นอี้ พวกเ้าสองคนขออภัยพระบิดาเดี๋ยวนี้ เหตุใดถึงไม่เชื่อฟังที่พระบิดาสอน แม่บอกพวกเ้าไปหลายครั้งแล้วมิใช่หรือ”
“หยุดเสแสร้งได้แล้ว! คิดว่าข้าไม่รู้หรือว่าพวกเ้าสั่งสอนบุตรอย่างไร ในเมื่อไม่ยอมแก้ไขเช่นนั้นครั้งนี้ จะต้องถูกกักบริเวณอยู่ในตำหนักเป็เวลาสามเดือน และคัดกฎมารยาทของวังหลวงคนละยี่สิบจบ
ส่วนมารดาของพวกเ้าสองคนหลังจากนี้ยังสอนบุตรผิด ๆ อีก ไม่ยอมแก้ไขให้เป็ไปในทางที่ถูกต้อง จงระวังตัวเอาไว้ให้ดีวันไหนที่ข้าหมดความอดทน สิ่งที่พวกเ้าจะได้รับคือการส่งกลับจวน” รัชทายาทมีรับสั่งลงโทษโอรสธิดาทั้งสองเสร็จ ก็เสด็จกลับตำหนักของตนทันที
และข่าวการลงโทษโอรสธิดาของรัชทายาทก็พระกรรณฮ่องเต้เช่นกัน เพราะพระนัดดาคนโปรดมีนิสัยตรงไปตรงมา ไม่เคยหาเื่รังแกผู้ใดั้แ่เด็ก บางครายังแสดงท่าทีเป็ผู้พิทักษ์คุณธรรมเสียมากกว่า
เมื่อฮ่องเต้ทรงทราบจึงไม่เก็บมาใส่พระทัยอีก และยังทรงหวังว่าพระนัดดาทั้งสองจากตำหนักบูรพา จะรู้จักคิดและปรับปรุงตัวให้ดีขึ้นได้ ทางด้านสี่พี่น้องฝาแฝดกำลังนั่งจับเข่าพูดคุยเื่ของคู่อริเช่นกัน
“เฮ้อ ข้าล่ะเบื่อกับสองพี่น้องคู่นี้เสียจริง ั้แ่สี่หนาวจนถึงยามนี้ผ่านมาหกปีก็ยังเป็เช่นเดิม คอยหาเื่กับพวกเ้าสองคนไม่เปลี่ยน” ฟงเสวี่ยหลินพูดขึ้นด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายจริง
ฟงเหยาเหวินก็เห็นด้วยกับพี่ชายของตน แต่ก็พูดอย่างคนที่ชอบอ่านตำรา “ทำอย่างไรได้มีมารดาขี้อิจฉาและมักใหญ่ใฝ่สูง ย่อมสั่งสอนบุตรให้เป็เช่นตนเองลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นของจริง”
หยางเฟิ่งเซียนมิใช่ไม่เบื่อกับเื่เดิม ๆ จากญาติทั้งสอง “ครั้งนี้คงถูกเสด็จอารัชทายาทลงโทษหนักกว่าทุกครั้ง ข้าเองก็ไม่อยากจะทะเลาะกับพวกเขานักหรอก ถึงจะหลีกเลี่ยงแค่ไหนแต่ก็ต้องมีวันได้พบเจออยู่ดีเ้าค่ะ”
หยางซิวหรงก็ไม่ต่างกันนักแต่เขานึกบางอย่างขึ้นมาได้ จึงบอกกับน้องสาวและญาติผู้พี่ด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “ข้าว่าเอาเช่นนี้ก็แล้วกัน ครั้งหน้าหากได้พบเจอสองคนนั่นโดยบังเอิญอีก พวกเราหลบเลี่ยงด้วยการใช้วรยุทธ์ที่ท่านแม่สอน อย่างไรเสียสองพี่น้องนั่นย่อมวิ่งตามพวกเราไม่ทันอยู่แล้ว ทุกคนเห็นด้วยกับข้าหรือไม่”
“ข้าเห็นด้วย! /เป็วิธีที่ดีมาก! /พี่ชายของข้าเก่งที่สุด!”
“ฮ่า ๆ ๆ”
เสียงของพี่น้องทั้งสี่ภายในรถม้า ที่หารือทางออกร่วมกันมีหรือที่ผู้ติดตามจะไม่ได้ยิน แต่พวกเขามิได้คิดว่าสิ่งที่ได้ยินเป็เื่ไร้สาระ เพราะเ้านายตัวน้อยทั้งสี่ล้วนมีความคิดเป็ของตน มิหนำซ้ำยังฉลาดหลักแหลมมีความจำเป็เลิศเหนือเด็กทั่วไป
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือสี่พี่น้องที่ผ่านการฝึกฝนจากซูอันมาหลายปี คนนอกมิเคยรู้เลยว่าพวกเขายามนี้นั้น ถือว่ามีความสามารถด้านวรยุทธ์ ไม่ด้อยไปกว่าหัวหน้านายกองในกองทัพแม้แต่น้อย
