ชิงอีนำคนมาทำลายสมบัติของผู้อื่นหลายครั้งหลายคราย่อมทำให้เ้าของนั่งไม่ติด
ฝูงหนูแน่นขนัดเคลื่อนตัวเข้าหาชิวอวี่และฉู่สือจนต้องถอยร่นมาปกป้องเซียวเจวี๋ยและชิงอีผู้เป็นาย
หนูเหล่านี้ถูกควบคุมโดยใครบางคน เพราะมันไม่รีบร้อนจู่โจม แถมแบ่งกันทำหน้าที่โดยมีกลุ่มหนึ่งล้อมพวกเขาไว้กับอีกหนึ่งกลุ่มเล็กๆ ไปกัดเชือกที่มัดขอทาน
“ศัตรูมีเยอะกว่า อย่าตอบโต้” เซียวเจวี๋ยส่งเสียงเย็น
ชิวอวี่และฉู่สือพยักหน้า “ท่านอ๋องทรงพาองค์หญิงออกไปก่อน พวกกระหม่อมจะจัดการแทนพวกท่านเองพ่ะย่ะค่ะ!”
หลังจากได้ยินคำพูดไร้สาระนั่น ชิงอีก็ด่าอยู่ในใจอย่างหงุดหงิดออกมาคำหนึ่งว่างี่เง่า!
คิดว่าพวกหนูและเหล่าขอทานตัวเหม็นจะปล่อยให้นางหนีไปง่ายๆ หรือไร?
แต่พอดวงตาคู่สวยหันไปมองชายที่อยู่ข้างๆ ความคิดของนางก็เปลี่ยนไปในทันใด นางยั้งตัวเองไม่ให้ผลีผลามทำอะไรลงไป ตอนนี้เป็เวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแท้ๆ เหตุใดนางยังต้องมานั่งกังวลว่าเขาจะล่วงรู้ตัวตนที่แท้จริงของนางกันนะ?
“ลงมือ!”
ในเมื่อพูดแล้วก็ต้องทำ! ชิวอวี่และฉู่สือชักกระบี่ออกมาแล้วบุกเปิดทางให้ เซียวเจวี๋ยดึงชิงอีเพื่อฝ่าวงล้อมออกมาแต่วิ่งไปได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกกระชากมือเอาไว้
ใครบางคนยกมือกุมหน้าผาก “ไปต่อไม่ไหวแล้ว”
เซียวเจวี๋ยขำที่ก้าวได้ไม่กี่ก้าวก็บอกว่าไปต่อไหวแล้วเหรอ? แล้วก่อนหน้านี้เป็ใครกันที่ะโขึ้นลงต้นไม้?
“ข้าาเ็”
เมื่อครู่ข้ายังเห็นเ้าต่อสู้ได้อยู่เลยนี่
“ขึ้นมา!”
ชิงอีะโขึ้นหลังของเขาโดยไม่บอกกล่าว ก่อนจะตบไหล่ของเขาแล้วพูดว่า “วิ่งเร็วเข้าเ้าม้า ศัตรูจะตามทันแล้ว”
ชิวอวี่และฉู่สือที่ระวังหลังให้ชะงักไปชั่วครู่ เวลานี้เช่นนี้ องค์หญิงทรงจริงจังกว่านี้หน่อยจะได้ไหมพ่ะย่ะค่ะ?!
เซ่อเจิ่งอ๋องที่ผันตัวมาเป็สัตว์พาหนะให้ชิงอีก็หัวเราะเสียงต่ำพร้อมควบเข้าป่าไปอย่างรวดเร็ว
สายลมตีเข้าหน้าจนต้องชิงอีต้องหรี่ตาลงเล็กน้อย วิชาตัวเบาของหนุ่มน้อยผู้นี้ไม่ธรรมดาเพราะเมื่อหันกลับไปก็ไม่เห็นชิวอวี่และฉู่สือ รวมไปถึงฝูงหนูด้วย
“นี่ไม่ใช่ทางลงเขานี่” ชิงอีกล่าว
เซียวเจวี๋ยยังคงเดินต่อไป “พวกมันขึ้นมาจากเส้นทางลงเขาจึงไปทางนั้นไม่ได้”
ดูเหมือนเ้าหนูตัวใหญ่ที่อยู่เื้ักำลังเล่นจับตะพาบในไห[1]กับพวกเขาทีู่เาด้านหลังนี่
“ข้างหน้าไม่มีทางไปต่อแล้วเหรอ?”
“องค์หญิงกลัวจะอะไรล่ะพ่ะย่ะค่ะ?” เซียวเจวี๋ยเหลือบมองนางด้วยสายตาหยอกล้อ “เมื่อคืนยังจงใจถอดเสื้อผ้าข้าอยู่เลย เหตุไฉนวันนี้ถึงไม่กล้าอยู่กับข้ากันเล่า?”
“เฮอะๆ” แววตาของชิงอีฉายชัดถึงความขุ่นเคือง ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเ้าจะปกปิดร่างที่แท้จริงไปได้ตลอดหรอก!
เซียวเจวี๋ยก็มองไม่เห็นอะไรเลยเพราะดวงตาถูกปิดเอาไว้ เขาจึงต้องหยุดฝีเท้าลง
“ฉู่ชิงอี เล่นซนให้รู้เวล่ำเวลาหน่อย”
ชิงอีเบะปากอย่างไม่ไยดี จะลงมือก็ลงมือเลยจะมานั่งผัดวันประกันพรุ่งทำไม?
ต่อให้ไม่มีพลังก็ใช่ว่าข้าจะจัดการท่านไม่ได้!
นางดีดนิ้วหนึ่งครั้งแล้วผงเล็กๆ ก็ปลิวออกมาจากนิ้วของนางเล็กน้อย เซียวเจวี๋ยได้กลิ่นหอมจางๆ อันบางเบาที่น้อยคนนักจะจับได้ก็กลั้นหายใจทันที กระนั้น เขายังสูดผงนั้นเข้าไปนิดหน่อยอยู่ดี
ชิงอีะโลงจากตัวเขา แล้วปรายตามองชายหนุ่มที่คุกเข่าอยู่บนพื้นอย่างเหยียดหยัน ก่อนจะละสายตามามองเล็บที่พลิกเล่นไปมา
“ท่าน...” เซียวเจวี๋ยแหงนหน้ามองนางด้วยแววตาตกตะลึงระคนไม่เข้าใจ
ชิงอียกยิ้ม ยาแฝดของโลกมนุษย์นี่ดีจริงๆ นางแสร้งทำเป็ยิ้มออกมา “ข้าทำไมเหรอ?”
ดูเหมือนว่ายาแฝดจะใช้น้อยไปหน่อยถึงได้ไม่ล้มตึงลงไป
พอหลุดออกจากห้วงคิดก็ได้ยินเสียงกรอบแกรบมาจากด้านหลัง
กองทัพหนูตามมาทันแล้ว!
แต่ไร้ร่องรอยของชิวอวี่และฉู่สือ
“แย่แล้ว พวกหนูตามมาถึงที่นี่แล้ว เซ่อเจิ้งอ๋องดูแลตัวเองก่อนนะ ข้าจะไปเรียกกำลังเสริมมาให้” ชิงอีทำเป็กล่าวอย่างจริงจัง เมื่อกล่าวจบก็หมุนตัวกลับและออกตัววิ่งพลางคิดว่าเ้างั่ง! อยู่เล่นกับหนูไปก็แล้วกัน!
เพียงแต่คาดไม่ถึงว่าออกตัววิ่งไปได้ไม่ถึงสองก้าว ร่างแกร่งก็มาทับร่างนางเอาไว้จนตัวนางทรุดลงไปเล็กน้อย
เซียวเจวี๋ยลงน้ำหนักทั้งหมดมาที่นางพร้อมกับแขนยาวโอบไหล่เล็กกับลมหายใจรดหูนาง “ตัวคนเดียวมันอันตราย พาข้าไปด้วยเถิด”
“ปล่อยมือนะ!” ชิงอีหน้าเปลี่ยนสี นางไม่อาจผละออกจากแขนยาวที่ล็อกเอาไว้ราวกับเหล็กกล้า
หรือว่าเขาจะไม่ได้เมากลิ่นยา? เมื่อครู่แค่แกล้งงั้นหรือ?
“องค์หญิงรีบไปเร็ว พวกมันจะตามมาทันแล้ว” เซียวเจวี๋ยขมวดคิ้วกล่าวเตือนด้วยสีหน้าขึงขัง “จู่ๆ ข้าก็รู้สึกไม่สบายเกรงว่าต้องให้องค์หญิงช่วยพยุงแล้ว”
ช่วยพยุงกะผีน่ะสิ!
ชิงอีพยายามสลัดออกอีกครั้งแต่ก็ล้มเหลว
“เซียวเจวี๋ยอย่ามามารยา ออกไป!”
“ไม่ได้หรอก ข้าเวียนหัว”
กล่าวจบก็หลับตาลงและซบบ่าชิงอีพร้อมทิ้งน้ำหนักมาที่นาง ส่วนแขนยังคงโอบแน่น
โอ๊ย!
สีหน้าของชิงอีเคร่งขรึมและคิดว่าเขาเล่นละครกับนางอยู่แน่ๆ ช่างไร้ยางอายเสียจริง!
แขนบึกบึนรัดนางเอาไว้แน่นขนาดนี้ยังมีหน้ามาบอกว่าเวียนหัวอีกเหรอ?!
ชิงอีจ้องใบหน้าหล่อเหลาอย่างอาฆาตแค้น ถ้าไม่ได้เสียงร้องของเ้าแมวเหมียวข้างเท้านางคงโดน ‘ฝ่ามือทลายฤทัยคร่าชีวัน’ ไปแล้ว
โก่วต้านและผีทั้งสี่กันพวกหนูตาสีแดงไม่ให้เข้ามาใกล้ เ้าแมวอ้วนเองก็ฆ่าพวกหนูทั่วทิศทาง หนูพวกนี้ไม่ใช่ผีแต่เป็สิ่งชั่วร้ายที่ทำตามคำสั่งของเ้าของเท่านั้น ดังนั้นพวกมันเลยไม่เกรงกลัวพวกเขาแม้แต่นิด
สภาพของชิงอีตอนนี้ไม่เอื้ออำนวยสักเท่าไร
ตอนที่อยู่ในสำนักจี้เหรินจาย นางถูกเซียวเจวี๋ยดูดพลังไปไม่น้อยจึงยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ นอกจากนี้เห็นได้ชัดว่าเขาแสร้งวิงเวียนหัว นางเลยลงมือไม่ได้มาก หากเขาใช้โอกาสนี้กลืนพลังของนางอีกละก็คงได้หมดแรงจริงๆ!
ช่างไม่ยุติธรรม!
นี่เป็ครั้งแรกที่ราชินีชิงอีตระหนักได้ถึงความหมายของคำคำนี้!
“พี่สาว รีบไปเร็ว!” โก่วต้านหันมาะโบอก
พวกหนูวิ่งกันให้ควั่กจนรับมือแทบไม่ไหวแล้ว หนูบางส่วนที่เล็ดลอดเข้ามาได้พุ่งเข้าหาชิงอี
ชิงอีที่กำลังอารมณ์คุกรุ่นก็กระทืบเท้าใส่หนูสองตัวจนเละเป็โจ๊ก แต่มีอีกหนึ่งตัววิ่งไปหาเซียวเจวี๋ยโดยพุ่งตัวไปที่ข้อมือของเขา
คนหนึ่งคนกับหนูหนึ่งตัวเผชิญหน้ากัน
ตาสีแดงเห็นเพียงดวงตาที่กลอกมองบนของชิงอี
ทันใดนั้นเ้าหนูก็รู้สึกว่าตัวเองโดนเมิน หญิงสาวคนนี้ไม่เห็นมันอยู่ในสายตาเลย!
ทว่า...แม่นางตัวแสบนี่ร้ายกาจนักที่เหยียบเพื่อนของมันตายคาเท้า...
เ้าหนูได้แต่ยิงฟันไม่กล้ากระโจนใส่ดวงหน้าสวย ทั้งคู่จึงได้แต่ดูเชิงกันและกันแล้วมุมปากของชิงอียกขึ้น ทำให้เ้าหนูตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวจนคิดว่าต่อให้ต้องตายก็จะขอสู้ดูสักตั้ง
เ้าหนูที่อัดแน่นไปด้วยความโศกเศร้าและคับแค้นใจจากการสูญเสียพวกพ้องเล็งข้อมือขาวของชายหนุ่มที่โผล่ออกมาครึ่งหนึ่งแล้วกัดลงไป
มันคงต้องกัดผู้ชายคนนี้แล้วสินะ!
ป้าบ!
เ้าหนูถูกปัดลงพื้นก่อนที่เท้าจะตามมาขยี้ทันที
อามิตตาพุทธ
เละเป็โจ๊กไปอีกหนึ่งตัว
ชิงอีมองข้อมือขาวของชายหนุ่ม เ้าหนูตัวนั้นลงเขี้ยวลึกจนเนื้อถึงกับแหว่งไปส่วนหนึ่งแถมเืยังไหลเป็ทาง ทว่า เขาไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับใดๆ เลย
หรือว่าจะไม่ได้แกล้ง? นี่เป็ลมจริงๆ หรือ?
พวกหนูที่ผ่าจากกลุ่มอารักขาทะยานเข้ามาหาชิงอี ซึ่งนางเพียงกระตุกยิ้ม นางต่อสู้กับความคิดของตัวเองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจกัดฟันวิ่งพร้อมแบกเซียวเจวี๋ยไปด้วย
ยกหินขึ้นมาแต่กลับหล่นทับขาตัวเอง[2]เสียจริง หากไม่ได้เห็นแก่ตอนนี้ท่านกำลังจะตายและพลังคาถาที่ยังฟื้นฟูกลับมาไม่เต็มที่ คงได้โยนท่านลงหน้าผาให้หนูกินไปแล้ว!!!
**********************
[1] จับตะพาบในไห (瓮中捉鳖) หมายถึง ทำให้ศัตรูอยู่ในกำมือจะได้จัดการง่ายๆ
[2] ยกหินขึ้นมาแต่กลับหล่นทับขาตัวเอง หมายถึง คิดจะทำร้ายผู้อื่นแต่มันกลับย้อนมาทำร้ายตัวเอง