ชิวอวี่ขนหัวตั้ง
เขาจดจ่ออยู่กับการทำลายรูปปั้นเท่านั้น จึงไม่คิดว่าสถานการณ์จะกลายเป็แบบนี้
ทันทีที่รูปปั้นหินถูกทุบ หนูตาสีแดงจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนก็พุ่งออกมาจากในรูปปั้น ส่วนขอทานที่ไร้ชีวิตชีวาเ่าั้ก็พุ่งเข้าหาเขาอย่างบ้าคลั่งเช่นกัน
เคราะห์ดีที่ชิวอวี่มีวรยุทธ์เลยไม่โดนทำร้าย นอกจากนี้ แม้คนเ่าั้จะถูกครอบงำจิตใจ แต่ก็เป็เพียงมนุษย์ธรรมดาเท่านั้น การจะใช้อาวุธในการต่อสู้จึงไม่ใช่เื่ที่สมควร พอคิดเช่นนั้นเขาก็รู้สึกละอายแก่ใจ
“ฮึ ใจอ่อนดุจสตรี” คำพูดที่ไม่จริงจังดังขึ้นเหนือศีรษะ
เมื่อชิวอวี่เงยหน้าไปทิศทางเดียวกับเสียงนั้นก็เห็นองค์หญิงทรงนั่งไขว่ห้างทอดพระเนตรลงมาราวกับกำลังดูละครเื่หนึ่งอยู่บนต้นไม้ใหญ่ด้านหลัง โดยไม่รู้ว่าทรงปีนขึ้นไปั้แ่เมื่อไร
ชิวอวีพอจะเดาได้รางๆ
แต่มันไม่น่าจะเป็อย่างที่เขาคิดใช่ไหม เขาไม่ได้พูดจาล่วงเกินเหล่าบรรพบุรุษขององค์หญิงเสียหน่อย
“องค์หญิงทรงซ่อนตัวบนนั้น อย่าเสด็จลงมาเป็อันขาดนะพ่ะย่ะค่ะ”
ชิงอีกลอกตาให้กับประโยคเมื่อครู่ เ้าหนุ่มนี่เถรตรงและจงรักภักดีเกินไปจนดูโง่งม
“ลงไปช่วยเขา”
เ้าแมวอ้วนที่อยู่ข้างๆ เบิกตากว้างและได้แต่สับสนอยู่ในใจว่าข้าทำอะไรผิด? ท่านคิดอะไรอยู่ถึงได้สั่งให้ข้าลงไปช่วยจัดการความวุ่นวายนี่ด้วย?
นางมารร้ายนี่เป็ภูตที่มีเหตุมีผลอย่างนั้นหรือ?
ไม่ใช่สักนิด
เ้าแมวอ้วนถูกยันโครมลงมา
เหมียว! จบกันชีวิตแมว! เ้าแมวนำอารมณ์สิ้นหวังและโกรธเกรี้ยวมาเป็พลังต่อสู้ โดยใช้กระบวนท่ากรงเล็บเก้าหยินด้วยความชำนาญ นั่นช่วยลดความกดดันของชิวอวี่ลงจนเขาถึงกับส่งสายตาซาบซึ้งไปให้เ้าแมว
เ้าแมวอ้วนกระทบกระเทียบภายในใจว่าเฮอะ เมื่อเป็นายครั้งหนึ่งก็ย่อมเป็นายตลอดไป!
ท้ายที่สุดแล้ว แรงของหนึ่งคนกับหนึ่งแมวย่อมมีจำกัด สองหมัดยากจะสู้สี่มือ[1]ฉันใด การต่อกรกับขอทานหลายสิบคน ณ ที่แห่งนี้ก็ยากเย็นฉันนั้น
ทว่า มีคนลอบไปหาชิงอีที่กำลังสังเกตการณ์อยู่บนต้นไม้ด้านหลัง
“องค์หญิงระวังพ่ะย่ะค่ะ!” ชิวอวี่อยากจะปลีกตัวไปช่วยนาง แต่ขอทานก็ไม่เปิดทางให้เขาทำเช่นนั้นได้
ชิงอีมองก่อนจะยกขาขึ้นเตะใส้เ้าคนหน้าอัปลักษณ์ที่พุ่งเข้าหาตน ขณะเดียวกัน คนบ้าอีกรายก็ปีนป่ายขึ้นมาหมายจะดึงชายผ้าของนาง แต่ก็ต้องงุนงงที่ไม่อาจคว้าถึงเป้าหมายได้
เพราะมีมือของผีตัวน้อยตนหนึ่งจับขาหลังของเขาเอาไว้แน่น มันเป็มือของโก่วต้าน
“ยังใอยู่อีกหรือ? คิดว่าข้าไม่รู้หรือไรว่าพลังนั่นเป็เยี่ยงไร?” ชิงอีหันไปพูดค่อนแคะใส่ผีทั้งสี่ของหมู่บ้านผีกำลังดูสิ่งที่เกิดขึ้น
ลุงหวังและพวกชุ่ยฮวาสั่นไปทั้งกายด้วยรู้ดีว่าตนเองไม่มีทางได้ยืนดูอยู่เฉยๆ แน่ จึงทำได้เพียงกัดฟันและเข้าไปช่วย
“แล้วก็พวกเ้า!” ชิงอีจ้องเหล่าผีเด็กน้อยที่อยู่ไกลออกไป
ชิงอีในฐานะพญามัจจุราชน้องสาว โดยมีพี่ชายชื่อเย่เหยียนทำให้ทั้งคู่คือาาราชินีพี่น้อง ซึ่งนางเป็ราชินีแห่งภูตผีถือกำเนิดตามความประสงค์ของ์และโลกมนุษย์ จึงได้รับตำแหน่งจากกระทรวงปรโลกอย่างเป็ทางการแตกต่างจากพญามัจจุราชทั้งสิบ
เป็เื่ธรรมดาที่บรรดาผีจะเกรงกลัวนางและถูกนางกำราบ
เดิมทีผีเด็กน้อยเหล่านี้ถูกบังคับมากักขังไว้ที่นี่ แล้วเ้าคนชั่วที่ชักใยเื่นี้ไม่อาจควบคุมพวกเขาได้อีกต่อไป ในตอนนี้ แค่ชิงอีออกคำสั่งพวกเขาพร้อมเข้าช่วยโดยไร้ข้อกังขา
ในไม่ช้า ใต้ต้นไม้ก็มีร่างหลายร่างมาซ้อนทับกันเป็ชั้นๆ แลดูคล้ายกำแพงมนุษย์ พวกเขาพยายามที่จะจับชิงอี แต่กลับไม่สามารถขยับกายและทำได้เพียงแยกเขี้ยวยิงฟันอยู่อย่างนั้น
ทางฝั่งชิวอวี่เองก็ไม่ได้ต่าง พอเขาเตะขอทานจนนอนหมอบกับพื้นก็พบว่าอีกฝ่ายไม่อาจขยับเขยื้อนได้ เพราะถูกผีน้อยจำนวนมากเกาะแขนขาไว้
ผีน้อยรับรู้ถึงสายตาของชิวอวี่จึงเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มให้
แต่ต่อให้ยิ้มหวานหยดสักเพียงไหนก็ยังซ่อนความจริงเกี่ยวกับเ้าของใบหน้าน้อยๆ นี่ได้ นั่นทำให้ชิวอวี่บอกไม่ถูกว่าตนรู้สึกเช่นไรกันแน่
มันเป็ความรู้สึกที่ผสมปนเประหว่างหวาดกลัวและขื่นขม
ผีเด็กเหล่านี้อายุเพียงเจ็ดหรือแปดขวบยังไม่ทันจะได้ใช้ชีวิตเติบใหญ่ในโลกนี้ก็ต้องจากไปเสียก่อน ซ้ำร้ายหลังตายไปก็ไม่ได้มีชีวิตที่ดีนัก เพราะพวกเขาถูกเ้าคนชั่วนั่นหลอกจนไม่ได้ไปปรโลกเพื่อหวนคืนสู่วัฏสงสาร
แถมยัง้าเป็เครื่องสังเวยของมันอีก!
ยิ่งชิวอวี่คิดเื่นี้มากเท่าไรก็ยิ่งระงับความโกรธเอาไว้อยู่ เ้าชั่วนั่นสมควรตาย!
เมื่อพวกขอทานที่สร้างความวุ่นวายถูกคุมตัวเอาไว้แล้ว ชิงอีจึงะโลงจากต้นไม้ด้วยสีหน้าโเี้
“องค์หญิง กระหม่อมคุ้มกัน...”
“เื่ขอให้ลงโทษไร้สาระอะไรนั่นไว้ค่อยคุยกัน” ชิงอีสะบัดมืออย่างไม่แยแส “ไปหาเชือกมามัดเ้าพวกนี้ก่อน”
ชิวอวี่ปฏิบัติตามคำสั่งโดยไม่รีรอ สักพักก็กลับมาพร้อมกับเชือก ทว่า จำนวนขอทานมากขนาดนี้ เขามัดคนเดียวก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะเสร็จ
แล้วจะให้เขาบังอาจทูลขอความช่วยเหลือจากองค์หญิงก็คงไม่ได้มิใช่หรือ?
โชคดีที่พวกผีเด็กทนดูชิวอวี่ตกที่นั่งลำบากจนน่าสมเพชไม่ไหวเลยเข้ามาช่วยเหลืออย่างกระตือรือร้น
ทำเอาชายชาตรีอย่างชิวอวี่เกือบจะร้องโฮออกมาด้วยความซาบซึ้ง
แต่มีใครบางคนยังคงทำหน้าบึ้งตึงและดูจะแย่ลงเรื่อยๆ
“ละครก็จบไปแล้วก็สมควรออกมาได้แล้วมิใช่หรือ?”
ชิวอวี่ที่มัดเชือกอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะลุกพรวดมองไปทิศเดียวกับสายตาของชิงอี
“เซ่อเจิ้งอ๋อง?!”
แล้วชายสองคนก็เดินออกมาจากป่าด้านหลัง มีบุรุษใบหน้าหล่อเหลาย่างเท้าหนักแน่นมั่นคงส่งแรงกระเพื่อมไปยังเสื้อผ้าให้พลิ้วไหว ภาพตรงหน้างดงามประดุจเทวดายุรยาตรท่ามกลางหิมะในฤดูใบไม้ผลิ
รอยยิ้มเ็าปรากฏบนในหน้าของเขาอยู่ตลอด ทำให้ผู้คนทำได้เพียงมองจากระยะไกลๆ และไม่กล้าแหย็ม
คนเดียวที่กล้าเย้าแหย่ตอนนี้กำลังกลอกตาไปมาพลางเสียดสีอยู่ในใจว่าแสร้งยิ้มได้ทุกเมื่อเชื่อวันเช่นนี้ไม่เบื่อหรือไงกัน?
“ยืนบื้ออยู่ทำไม? เหตุใดถึงยังไม่มาช่วยอีก ต้องให้ข้าไปเชิญเ้าหรือไร?”
ฉู่สือยืนนิ่งอยู่นานกว่าจะรู้ว่าชิงอีเรียกตน
เอาเถอะ
ในเมื่อท่านอ๋องไม่ว่าอะไร ฉู่สือจึงเข้าไปช่วยมัดคนเ่าั้ตามคำสั่ง
“ละครสนุกหรือไม่?” ชิงอีจ้องเซียวเจวี๋ยอย่างเ็า
เขาเพียงขยับยิ้มเล็กน้อย “ไม่เลวเลย องค์หญิงเคลื่อนไหวได้คล่องแคล่วจนเกรงว่าลิงบนูเาลูกนี้คงละอายใจกันหมดแล้วกระมัง”
เ้าหนุ่มน้อยนี่กำลังว่านางะโเหมือนลิงอย่างนั้นหรือ?
“มานานแค่ไหนแล้ว” ชิงอียังคงจ้อง
“ไม่นานหรอก มาตอนที่ท่านกำลังปีนต้นไม้ก็เท่านั้นเอง”
ชิงอีจ้องเขาเขม็งและหดเท้าที่เกือบจะสืบเท้าไปด้านหน้ากลับมาแล้วเตรียมเปลี่ยนไปทิศทางตรงข้าม เพื่อหลีกหนีเขาแทน
ไม่คาดว่าหนุ่มน้อยผู้นี้จะโน้มตัวเข้ามาอย่างไร้ยางอายโดยที่นางยังไม่ทันจะทำตามที่คิด
“องค์หญิงกำลังปิดบังสิ่งใดอยู่?”
เซียวเจวี๋ยขวางนางไว้
ชิงอีถลึงตาใส่ “ไปให้พ้น” ยามนึกถึงพลังที่ถูกเขากลืนกินไปโดยไม่ทราบสาเหตุ นางก็โกรธขึ้นมา
ช่างน่าชังนัก แต่นี่ไม่ใช่เวลามาเผชิญหน้ากับเขา
เซี่ยวเจวี๋ยไม่คิดที่จะปล่อยนางไป เขาสืบเท้าเข้าหาทีละก้าวๆ “ท่านโกรธที่ไม่มีวีรบุรุษมาช่วยหญิงงามหรือ?”
เขาส่งสายตาท้าทายให้ชิงอีที่ยืนนิ่งโดยไม่คิดที่จะถอยหนี ทั้งยังโต้กลับเสียงเย็น “วีรบุรุษ? ยกยอตนเองเสียจริง”
นางอยากจะรู้นักว่าเขาคิดจะทำอะไรถึงได้เข้าหานางขนาดนี้?
หากเขาทำอะไรแปลกๆ ละก็ เฮอะๆ ...
ั์ตาของนางมีรังสีเข่นฆ่าพาดผ่าน
สายลมอุ่นเจือกลิ่นไม้หอมจางๆ พัดเข้าหาดวงหน้าชิงอี แล้วั์ตาสีนิลกับสีน้ำตาลที่เข้าใกล้กันก็เบิกกว้างพร้อมกับแววตาที่เปลี่ยนไป
ทันใดนั้น ชิงอีก็ถูกดึงเข้าอ้อมแขนของเซียวเจวี๋ย โดยมีสายลมเย็นตัดผ่านแผ่นหลัง
และเป็เวลาเดียวกับที่เงาดำทะมึนวิ่งเฉียดหูของนางไป
สายตาสอดประสาน แล้วเซียวเจวี๋ยก็โน้มหน้าเข้าหาชิงอีเพื่อพูดข้างหูนางว่า “ไว้ข้าจะสั่งสอนท่านทีหลัง”
ชิงอีเหยียดยิ้มตอบก่อนจะหันไปปรายตามองดวงตาสีเล็กสีเืคู่หนึ่ง จากนั้นหนูจำนวนมหาศาลก็ปรากฏขึ้นทั่วทิศทางมาล้อมพวกเขาไว้ตรงกลาง
*****************
[1] สองหมัดยากจะสู้สี่มือ เปรียบได้ว่า อย่าเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง