เดิมทีผีทั้งสามตั้งท่าจะโต้กลับแต่พอได้ยินเสียงแมวร้อง พวกมันก็รู้สึกว่าร่างิญญาของตนเหมือนถูกฉีกออกจากกันจึงสารภาพทุกอย่างที่รู้ออกมาจนหมดเปลือก
“ท่านปรมาจารย์บอกว่าสิ่งนี้เรียกว่าค่ายิญญาร้อยตน เมื่อใดที่รวบรวมิญญาได้ครบร้อยดวงก็จะสามารถเปิดประตูปรโลกเพื่อเชิญพญามัจจุราชน้องสาวให้ยังโลก” ชุ่ยฮวาพูดเสียงเครือ
โอ๊ะ ไม่ต้องเชิญหรอก ข้าก็มาแล้วนี่ไง
ชิงอียิ้มดูถูก “แล้วไงต่อ? เขาจะเชิญราชินีชิงอีมาทำอะไรงั้นหรือ?”
“แน่นอนว่าเพื่อช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ของประชาชน” เถี่ยหนิวเอ่ย “ท่านปรมาจารย์บอกว่าราชินีชิงอีจะคุ้มครองข้าและผู้ศรัทธาคนอื่นๆ ชีวิตและความตายจะถูกกำหนดใหม่อีกครั้งถึงเวลานั้นิญญาร้อยตนก็จะฟื้นคืนชีพ แล้วทุกคนบนโลกก็จะเป็ะ!”
ชิงอียิ้มพรายขึ้นเรื่อยๆ เฮ้อ นี่คือแรงขับเคลื่อนของเ้าหนูผีนั่นกล้าทะเยอทะยานแบบนั้นสินะ
ไม่เลวทีเดียว ไม่เพียงขโมยเครื่องหอมของนางในโลกมนุษย์ ยังใช้ชื่อนางเรียกผีเร่ร่อนเหล่านี้มาเป็ลูกน้องตัวเองอีก ผีในโลกนี้ก็แบ่งประเภทเช่นกัน ขนาดหนูผีตัวใหญ่นั่นยังแสนรู้เลือกกินิญญาเด็กที่บริสุทธิ์และหายาก
เื่การใช้ิญญาร้อยตนเพื่ออัญเชิญพญามัจจุราชน้องสาวนั่น เกรงว่าสุดท้ายแล้วคงตกไปอยู่ในท้องมันทั้งหมดละสิ?
จากนั้นจะมีแผนการอะไรต่อกันนะ?
หากฮ่องเต้ตไปคิดจะเข้าไปแทนที่งั้นหรือ?
“การสังเวยิญญาร้อยตนสามารถเปิดประตูปรโลกได้ก็จริง แต่พวกเ้าจะมีบาปติดตัวและถูกส่งไปยังนรกทันที โดยไม่มีการไต่สวนอะไรให้มากความ ปรมาจารย์นั่นบอกเื่เหล่านี้กับพวกเ้าหรือไม่”
ผีทั้งสามมองหน้ากันอย่างหวาดกลัว ดูท่าว่านี่คงเป็ครั้งแรกที่พวกเขาได้ยินเื่นี้
ต้าจู้ส่ายหน้ารัวๆ “อย่ามาหลอกซะให้ยาก! ท่านปรมาจารย์เดินทางไปทั่วหล้าตามคำบัญชาของราชินีชิงอีที่ขนาดพญามัจจุราชในปรโลกยังต้องเชื่อฟัง พวกเราพยายามอย่างหนักเพื่อให้นางมาเยือนโลกนี้อีกครั้ง แล้วนางจะลงโทษพวกเราได้อย่างไรกัน!”
เ้าแมวอ้วนกลอกตาพลางคิดทำไมจะเป็ไปไม่ได้ล่ะ? พวกเ้าไม่รู้ถึงความร้ายกาจของนางมารร้ายเสียแล้ว
ตอนนี้นางอยู่ในโลกมนุษย์ แต่รอให้นางกลับไปปรโลกจริงๆ เ้าจะได้รู้เองว่านางคงจะจับพวกเ้าชุบแป้งทอดแล้วค่อยๆ บรรจงเคี้ยวอย่างละเอียดเชียว!
ชิวอวี่ที่ยืนดูชิงอีพูดกับอากาศราวกับพูดกับใครบางคน ทั้งที่เห็นได้ชัดว่าตรงนั้นไม่มีใคร หรือว่า...มีบางอย่างที่เขามองไม่เห็น
“องค์หญิง...ท่านตรัสกับผู้ใดอยู่หรือพ่ะย่ะค่ะ?” ชิวอวี่กลั้นใจถาม
ชิงอีปรายตามองเขาชั่วครู่ โดยลืมไปว่าชิวอวี่มองไม่เห็น
“ชูเ้าแมวอ้วนในมือเ้าไว้เหนือหัว”
ชิวอวี่ยังคงทำตามคำพูดของนางแม้จะไม่เข้าใจก็ตาม เขาชูเ้าแมวขึ้นไป จากนั้น...
เมื่อประสายตากับดวงตาที่ไร้ความปรานีของเ้าปีศาจในมือ ทันใดนั้น สายน้ำร้อนที่มีกลิ่นเหม็นจากตัวมันก็พุ่งตรงมารดลงทั่วหน้าเขาอย่างชุ่มโชก
“โอ๊ย”
ชิวอวี่หลับตาลงด้วยความเ็ปและประคองรักษาสติอันน้อยนิดที่จะไม่ทุ่มเ้าแมวลงไปตายคาพื้น ตาของเขาเกือบจะบอดเพราะฉี่แมวนี่แล้ว!
เหมียว~
เ้าแมวชูคออย่างอวดดีและรีบปีนขึ้นไปนอนบนหัวชิวอวี่ ซึ่งน้ำหนักของมันกดทับลงมาจนกระดูกคอเขาแทบหัก เขารีบเช็ดปัสสาวะออกพลางคิดที่จะสั่งสอนเ้าแมวตัวนี้
ทันทีที่ลืมตาก็เหมือนกับเปิดประตูสู่โลกใหม่
ชิวอวี่ตัวแข็งทื่อเป็เสาไม้ โอ้ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ นี่เขากำลังเห็นอะไร...
“เห็นหรือยังว่าข้ากำลังคุยกับใคร?” ชิงอีบีบจมูกและมองเขาด้วยสายตารังเกียจ
ชิวอวี่พยักหน้าราวกับคนโง่และพยายามฝืนยกริมฝีปากขึ้นแบบทื่อๆ พลางหัวเราะฮ่าฮ่าออกมาแบบแห้งๆ
“สรุปว่าผีมีอยู่จริงสินะ...”
“ทางที่ดีอย่าเป็ลมจะดีกว่า เห็นผีตัวเล็กๆ ตรงนั้นที่จ้องเ้าจนน้ำลายไหลหรือไม่? เมื่อครู่เขาก็ขี่คอเ้าแล้วดูดพลังหยางของเ้าไป” ชิงอีมองเขาอย่างอ่อนโยน “ลองเ้าเป็ลมไป ข้าได้ปล่อยเ้าทิ้งไว้ที่นี่ให้ิญญาเร่ร่อนได้กินอาหารดีๆ สักมื้อ”
ดวงตาของชิวอี่เบิกกว้างพร้อมกับเหงื่อไหลพรากอย่างควบคุมไม่ได้ กล้ามเนื้อทั่วร่างตึงราวกับสายธนู
อยากจะเป็ลมไหม?
อยาก
กล้าเป็ลมงั้นหรือ?!
ไม่กล้า ไม่กล้า!!!
เ้าแมวอ้วนหลุบตามองชายหนุ่มใต้ร่างด้วยความสมเพชและไม่ได้มีความสงสารอยู่ในแววตาคู่นั้น ตอนนี้นางมารร้ายกำลังโกรธจัด ถ้าอยากจะส่งตัวเองไปเป็ของเล่นนางก็เชิญ
การได้ดื่มด่ำกับความยากลำบากของพวกเ้าก็สร้างความรื่นเริงให้กับราชินีแห่งภูตผีแล้ว
เมื่อผีทั้งสามตัวที่เห็นว่าคู่ต่อสู้ช่างโเี้นักก็ยิ่งหวาดกลัวจนท้องไส้ปั่นป่วนขึ้นมาโดยพลัน
ตอนแรกชิวอวี่ขนหัวลุกพลางคิดว่าอย่ากลัวพวกผีเ่าั้เลย ยังไงตัวเขาเืตกยางออกในสมรภูมิรบมาตั้งมากมายจะมาไม่หวาดหวั่นกับเื่พวกนี้ได้เช่นไร
เื่ที่เกิดขึ้นตรงหน้าค่อนข้างพิลึกพิลั่น
คนกลัวผีเป็เื่ปกติ แต่การที่ผีกลัวคน ผีกลัวแมวนี่สิ...
เขาดูผีสามตนแห่งหมู่บ้านผีที่สั่นกลัวอยู่หน้าพระพักตร์องค์หญิง แถมยังมีเ้าแมวบนหัวเขาขู่ฟ่อๆ ใส่เหล่าผีตัวเล็กๆ รอบตัวเขาจนต้องถอยกรูออกไป จู่ๆ ก็รู้สึกว่า...ผีก็ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น
อืม ออกจะน่าสงสารอยู่สักหน่อยหรือไม่นะ?
ดูผีน้อยพวกนั้นสิ กลัวจนแทบจะปล่อยโฮกันแล้ว
เขาที่ยืนฟังเื่ที่ผีเล่ามาพักหนึ่งก็พอจะเข้าใจคร่าวๆ ว่าเกิดเื่อะไรขึ้น ผีทั้งสามตนทำตาละห้อยดูเหมือนว่าพวกมันจะทำกำไรจากของสิ่งนั้นได้มากโขจริงๆ ด้วย!
“องค์หญิง ยังมีหนึ่งเื่ที่กระหม่อมไม่เข้าใจพ่ะย่ะค่ะ” ชิวอวี่ชี้ไปที่ขอทานที่เดินไปมาบนคันนา “พวกเขา...ยังเป็มนุษย์อยู่ใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
หลังจากที่ถูกเ้าแมวเหมียวฉี่ใส่ตา โลกในสายตาของชิวอวี่ก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
เมื่อไล่มองบรรดาขอทานที่ทำงานกลางทุ่งนาแบบไร้ชีวิตชีวาไม่ต่างจากศพเดินได้ทีละคนๆ ก็พบว่ามีพลังงานสีดำปกคลุมทั่วร่าง พวกเขาไปรวมตัวกันใต้ต้นฮว๋ายต้นใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลและก้มลงกราบไหว้บูชา
โดยใต้ต้นฮว๋ายมีรูปปั้นหินที่คล้ายกับพญามัจจุราชน้องสาวในศาลเ้าไม่ผิดเพี้ยน หากแต่ใบหน้าเป็สีเขียวกำลังโชว์เขี้ยวแลดูน่าเกรงขาม
“เป็มนุษย์ แต่ก็ไม่ไกลจากความตาย” ชิงอีหยิบถั่วลิสงจากที่ไหนสักแห่งขึ้นมาหนึ่งกำมือและเคี้ยวมันหน้าตาเฉย “พวกเขาเหลือพลังหยางเพียงน้อยนิด ไหนจะอยู่กับผีมาตลอดทั้งปีอีก ซันหุนซีพั่ว[1]เป็มลทินไปนานแล้วจึงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน”
ชิวอวี่ค่อนข้างขุ่นเคืองใจ “เ้าคนชั่วนั่นหลอกผีน้อยกับผู้คนมากมายถึงเพียงนี้ มันคิดจะทำอะไรกันแน่! ถ้าคนชั่วนั่นบูชาพญามัจจุราชน้องสาวจริงๆ แล้วราชินีของปรโลกไม่คิดจะใส่ใจเื่นี้เลยหรือไร? ถึงได้ปล่อยให้เขาทำชั่วช้าเช่นนี้!”
ผลัวะ!
ชิวอวี่โดนอุ้งเท้าตบเข้าที่หน้าผากอย่างจัง
ชิงอีกัดถั่วลิสงดังกร๊อบพลางยิ้มเยาะเย้ย
เ้าแมวอ้วนขนตั้งชันและรีบะโลงจากตัวชิวอวี่เพราะเกรงว่าจะถูกทำร้ายไปพร้อมกับหมูในอวยตัวนี้ เ้าโง่นี่ยั่วโมโหเก่งไม่น้อย!
ชิวอวี่เริ่มสังเกตว่าผีอยู่รอบๆ ตัวค่อยๆ ล่าถอยไปทีละตัว ผีตัวเล็กที่ชื่อโก่วต้านออกอาการชัดเจนว่าไม่อยากเข้าใกล้เขาเลยสักนิด
“ชีวิตของมนุษย์นั้นไม่เที่ยง แล้วจะให้มองข้ามเื่อยุติธรรมเช่นนี้ไปได้เยี่ยงไร” ชิงอียิ้มตาหยี “ข้ารู้อยู่แล้วว่าดวงชะตาของเ้าย่อมไม่ธรรมดาและน่าจะดวงแข็งพอดู ถึงได้ไม่กลัวตาย”
“เอ่อ องค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ...” ชิวอวี่เริ่มสังหรณ์ใจแปลกๆ
“ไปกันเถอะ ข้าคงต้องมอบภารกิจช่วยมนุษย์ตาดำๆ พวกนั้นให้เ้าแล้ว” ชิงอีตบไหล่เขา “ไปทุบรูปปั้นหินนั่นให้ข้าซะ!”
ชิวอวี่ฝืนใจรับคำบัญชาและเมื่อเดินไปได้สองก้าว พลันก็เกิดคำถามขึ้นมาว่าหากเขาทุบรูปปั้นหินนี้ไปเหล่าขอทานรอบๆ นั้นจะมีปฏิกิริยาอย่างไรกันนะ?
เฮ้อ
เ้าแมวอ้วนมองแผ่นหลังที่ไกลออกไปด้วยความเวทนา เ้าโง่ ดูแลตัวเองเถอะ!
********************
[1] ซันหุนซีพั่ว (三魂七魄) หมายถึง “สามจิต-เจ็ดิญญา” โดย 3 จิต ได้แก่ (1) เทียนหุนหรือิญญาฟ้า (2) ตี้หุนหรือิญญาดิน และ (3) มิ่งหุนหรือิญญาชีวิต ส่วน 7 ิญญา คือ ปีติ โกรธา โศกา กลัว รัก ร้าย และโลภ ซึ่งการจะเป็มนุษย์โดยบริบูรณ์นั้นจะต้องมีสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด หากขาดอันใดอันหนึ่งไปก็จะตายภายในเจ็ดวัน