ซูเฟยซื่อที่เมื่อครู่ดิ้นรนสุดชีวิตจู่ๆ ก็ไม่ขยับ จมลงในน้ำเงียบๆ แบบนี้ ราวกับตายไปแล้วปานนั้น
แต่คนข้างหลังนางขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาปล่อยมือคิดก้าวเข้าไปดูว่านางตายแล้วจริงๆ หรือไม่
ใน่เวลานั้น ซูเฟยซื่อที่ไม่ไหวติงจู่ๆก็ะโขึ้นมาจากน้ำ ยื่นมือควักดวงตาของอีกฝ่าย
แววแปลกใจแกมใแวบผ่านดวงตาของคนผู้นั้นรีบถอยหนีไปข้างหลังอย่างดุดัน จึงหลบพ้นจากการโจมตีของซูเฟยซื่อไปได้
ได้รับความปลอดภัยชั่วขณะ ซูเฟยซื่อรีบอ้าปากหอบหายใจ ความรู้สึกที่หน้าอกที่แทบจะะเิค่อยๆ โล่งขึ้น นางเงยหน้าดูให้ชัดเจนว่าที่แท้เป็ใครพยายามจะสังหารนาง
เมื่อนางเงยหน้าขึ้น ซูเฟยซื่อพลันอึ้งงัน
“เป็เ้า? ทำไมเ้าจะสังหารข้า?” นางเคยคิดว่ามือสังหารตั้งมากมาย แต่ไม่ได้คาดว่าคนคนนี้จะเป็อวี้เสวียนจี
ถ้าอวี้เสวียนจี้าสังหารนาง ก็ส่งคนของเขาลงมือโดยตรงก็ยังได้ ไฉนต้องลงมือด้วยตัวเองเล่า
นางเดาอวี้เสวียนจีคนนี้ไม่ออกแม้แต่น้อย
“ในเมื่อเ้ารนหาที่ตายเอง ถ้าเช่นนั้นข้าอุปราชก็จะใจดีพอที่จะส่งเ้าสักระยะหนึ่ง” น้ำเสียงของอวี้เสวียนจีจืดชืดแต่แววตากลับคมกริบมืดครึ้มชั่วร้าย
“เ้ากำลังโทษการแสดงของข้าเมื่อครู่?ก็ต่อให้เป็เช่นนี้ เ้าไม่ต้องกดข้าลงไปในน้ำด้วยน่ะ ถ้าไม่ใช่ข้าแกล้งทำเป็ตายตีโต้คืนกลัวว่าตอนนี้ข้าเป็ิญญาคับข้องใจกระแสหนึ่งที่ลอยล่องอยู่ในสระหลิวอั้นแล้ว” ซูเฟยซื่อะโด้วยความโกรธเคือง
นางรู้ถึงอันตรายที่จะร่วมวางแผนกับเสือแต่อวี้เสวียนจีที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายไม่อยู่กับร่องกับรอยนี้ เดี๋ยวก็ช่วยนางเดี๋ยวก็สังหารนาง นี่มันอันตรายเกินไปแล้ว
“ถ้าเมื่อสักพักไม่ใช่ข้า เปลี่ยนเป็มือสังหารคนอื่นแล้วจะเป็อย่างไรอีก?” อวี้เสวียนจีเหลือบมองซูเฟยซื่อแวบหนึ่ง เหมือนกำลังรอคำตอบจากนาง
ซูเฟยซื่อสะท้านใฉับพลัน ถ้าเมื่อครู่ไม่ได้เป็อวี้เสวียนจี ทว่าเป็มือสังหารคนอื่น นางก็คงตายไปตั้งนานแล้วหรือไม่?
เป็นางที่ประมาทเกินไป คิดว่าไม่มีใครรู้จักฐานะตัวตนใหม่นี้ก็ผ่อนคลายความระมัดระวัง
กล่าวไปเช่นนี้ อวี้เสวียนจีกำลังใช้วิธีนี้เพื่อเตือนนางนอกจากนี้ที่เขาให้นางมาสระหลิวอั้นไม่ได้เป็ความสนุกชั่วขณะ ทว่าเขาจงใจจัดเตรียม?
ทั้งนี้ความคิดของชายผู้นี้มีความรัดกุมระวังมากเพียงใด
“ข้าไม่ทราบว่าทำไมเ้าถึงชิงชัง ไม่คิดจะรู้ด้วย แต่ถ้าเ้ายังคิดแก้แค้นก็ช่วยเก็บงำความชิงชังในก้นบึ้งสายตาให้ข้าดีๆแล้ว อย่าเป็ว่าร้องเป็ฮวาตั้นนางเอกงิ้วจีนไม่ได้ ต้องฝืนร้องเป็โฉวเจี่ยวตัวตลกแล้วจำไว้ว่ามีเพียงผู้แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะอยู่รอด ถ้ามีคราวหน้าอีกข้าจะส่งเ้าลงนรกโดยตรง” อวี้เสวียนจีทิ้งคำพูดเ็าไว้ ก่อนจากไปโดยไม่หันกลับมา
คิดแก้แค้นก็ต้องเก็บงำความแค้นเคืองเกลียดชังในก้นบึ้งดวงตา มีเพียงผู้แกร่งกล้าเท่านั้นจึงสามารถอยู่รอดได้
ซูเฟยซื่อสูดหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง ตบหน้าตนเองอย่างรุนแรงสองครา
ด้วยสภาพของนางตอนนี้เป็ไปไม่ได้ที่จะแก้แค้น นางต้องตื่นตัว แล้วยิ่งตื่นตัวมากขึ้น
เสื้อผ้าทั้งร่างของซูเฟยซื่อล้วนเปียกปอน ถึงอย่างนั้นต่อให้กลับไปยังสนามแข่งม้า ก็ไม่มีใครสงสัย เพราะทุกคนต่างคิดว่านางทำผิดล่วงเกินต่ออวี้เสวียนจีแล้ว
ถูกอวี้เสวียนจีลงโทษแล้ว
“ท่านอ๋องเก้าพันปี รองเท้าของท่านหม่อมฉันล้างเสร็จเรียบร้อยแล้วเ้าค่ะ” ซูเฟยซื่อคุกเข่าต่อหน้าอวี้เสวียนจีด้วยความเคารพสองมือประคองรองเท้าขึ้น
ตอนนี้ไม่มีความแค้นเคืองเกลียดชังในสายตาของนางมีแต่ความนิ่งสงบ
อวี้เสวียนจีเลิกคิ้วด้วยความพึงพอใจมือยกขึ้นเบาๆ มีขันทีก้าวมาข้างหน้ารับรองเท้าในมือของซูเฟยซื่อไว้ทันที
“คุณหนูสามก็ช่างไม่ระวังจริงๆ เพียงซักรองเท้าเท่านั้น ทำไมทำเอาเปียกปอนไปทั้งร่างเล่า คนที่ไม่รู้ยังคิดว่าข้ารังแกเ้าที่สระหลิวอั้นแล้ว ทหาร เอาชุดขี่ม้ามาชุดหนึ่ง” อวี้เสวียนจีเอ่ยประโยคหนึ่งเบาๆ ก็ให้เหตุผลที่เหมาะสมข้อหนึ่งสำหรับการเปลี่ยนเสื้อผ้าแก่ซูเฟยซื่อแล้ว
ขันทีเร่งนำชุดขี่ม้าสีแดงชุดหนึ่งมาให้ ซูเฟยซื่อรับมา “ขอบคุณท่านเก้าพันปีเ้าค่ะ”
อวี้เสวียนจีโบกมือเบาๆ ส่งสัญญาณให้นางถอยไปเปลี่ยนเสื้อผ้าได้
ซูเฟยซื่อที่เปลี่ยนชุดเสร็จได้ปรากฏตัวอีกครั้งก็ดึงดูดความสนใจของทุกคนทันที
เพียงเห็นนางใส่ชุดขี่ม้าสีแดงขนาดใหญ่ทั้งร่างปกเสื้อแขนเสื้อปักด้วยดิ้นทองลายนกอินทรีโฉบเมฆไหล ข้อมือใช้เชือกสีแดงมัดไว้แน่นใต้ฝ่าเท้าเหยียบรองเท้าบูตสั้นสีเดียวกัน มวยผมใช้ปิ่นทองอย่างดีรวบมัด กลางมวยผมประดับด้วยทับทิมสีแดง ทั้งคนดูราวกับกลุ่มเปลวเพลิงที่ลุกโชน สง่างามกล้าหาญ ทำเอาคนที่มองมิอาจเบนสายตาไปได้อีก
ในดวงตาหงส์เรียวยาวของอวี้เสวียนจีเกิดประกายคมปราดหนึ่งแวบผ่านไป ก้นบึ้งหัวใจสั่นระริก นางสวมชุดขี่ม้านี้ดูดีจริงๆ เหมือนสหายเก่ากำลังมาเช่นนั้น
แววตาของซ่งหลิงซิวกับซูจิ้งโหยวเกือบจะมุ่งตกลงไปในเวลาเดียวกันแววหนึ่งเป็การมองตรวจสอบ อีกแววหนึ่งเป็ไม่พอใจ ดูเหมือนเป็กำลังต่อว่าซูเฟยซื่อชิงความโดดเด่นของนางไปแล้ว
“โหยวเอ๋อร์ คนนี้ก็เป็น้องสามของเ้า?ทำไมข้าไม่เคยเห็นมาก่อน” ซ่งหลิงซิวเอ่ยปากก่อน
ซูจิ้งโหยวแข็งทื่อทันที ไม่คิดว่าซูเฟยซื่อถึงกับดึงดูดความสนใจของซ่งหลิงซิวขึ้นมาแล้วรีบเผยรอยยิ้มออกมารอยหนึ่งทันที “น้องสามไม่ค่อยออกจากจวนฮ่องเต้ไม่พบมาก่อนเป็เื่ปกติด้วยเพคะ”
กล่าวพลาง โบกมือให้ซูเฟยซื่ออีกครั้ง“มา มาที่พี่ใหญ่ตรงนี้”
ในเมื่อซ่งหลิงซิวได้สังเกตเห็นนางหมดแล้วถ้าเช่นนั้นก็ไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ เรียกซูเฟยซื่อมาให้เห็นชัดๆ เสียเลย
น้องสาม? ทำไมนางจำไม่ได้ว่าในจวนอัครมหาเสนาบดีมีบุคคลราวกับปีศาจแบบนี้
สวมชุดขี่ม้าทั้งร่างนี้แทบบดบังความโดดเด่นของนางไปแล้วหลายส่วน
ซูเฟยซื่อแกล้งหวาดกลัวก้มศีรษะลง แล้วเดินช้าๆ ไปหาซูจิ้งโหยว“เฟยซื่อน้อมคารวะพระสนมเพคะ”
เฟยซื่อ? ซูเฟยซื่อ? ซูจิ้งโหยวคิดอย่างถี่ถ้วนแล้วดูเหมือนนางยังมีน้องสาวคนหนึ่งแบบนี้จริงๆ ได้แต่แกล้งทำเป็อ่อนโยนตบๆ มือของซูเฟยซื่อ “ไม่พบกันนาน น้องสามยิ่งหน้าตางดงามไร้ที่ติจริงๆกระทั่งข้าเองดูแล้วยังอดหวั่นไหวไม่ได้”
“พระสนมทรงชมเกินไปแล้ว เฟยซื่อท่วงท่าดุจใบหลิวบอบบางแบบนี้ไหนเลยเทียบได้กับความงามของพระสนมเพคะ” ได้รับการชี้แนะจากอวี้เสวียนจีเมื่อครู่แล้วตอนนี้ต่อให้เจรจากับซูจิ้งโหยวใกล้ชิดเช่นนี้ ในใจซูเฟยซื่อยังสงบดุจวารี
นางเข้าใจว่าจะแก้แค้นต้องปล่อยวางความแค้นเคืองเกลียดชังลงก่อน
คาดไม่ถึงว่าได้เห็นซูจิ้งโหยวสนทนากับซูเฟยซื่ออย่างออกรสชาติซูจิ้งเซียงอดไม่ได้ที่จะกังวลแล้ว
ซูจิ้งโหยวไม่เพียงเป็บุตรสาวแท้ๆ ของนางแซ่หลี่ยิ่งเป็พระสนมแห่งแคว้นซ่ง วาจาที่นางกล่าวแม้แต่ซูเต๋อเหยียนต้องฟังสามส่วน บัดนี้ซูเฟยซื่อประสบความสำเร็จในการดึงดูดความสนใจของซูจิ้งโหยวแล้วถ้าซูจิ้งโหยวไม่สนับสนุนนาง เปลี่ยนเป็หนุนซูเฟยซื่อ ถ้าเช่นนั้นในวันข้างหน้าไยมิใช่นางต้องดูสีหน้าของซูเฟยซื่อแล้ว?
ทุกคนต่างเป็บุตรสาวอนุ นางทำงานหนักมาเป็เวลาหลายปีแบบนั้นมิอาจให้ซูเฟยซื่อชิงเอาส่วนที่ดีไปได้
คิดถึงตรงนี้ ซูจิ้งเซียงเอ่ยปากพูดทันที“พี่ใหญ่ลำเอียงจริงๆ ที่ดึงเอาน้องสามคนเดียวไปคุย ไม่สนใจเราด้วย”
ซูเฟยซื่อที่กำลังคิดจะสลัดซูจิ้งโหยวทิ้งอย่างไรซูจิ้งเซียงพูดได้ถูกเวลาจริงๆ
ซูจิ้งโหยวยิ้มเบาๆ แต่ความเกลียดชังในก้นบึ้งสายตาของนางทำให้ซูเฟยซื่อเห็นชัดเจน“โอ้ พี่น้องบ้านตนเองยังหึงหวงขึ้นมาแล้ว เซียงเอ๋อร์มา ข้าไม่ได้พบเ้ามานานแล้ว”
“ถ้าเช่นนั้นเฟยซื่อก็ขอถอยไปก่อนเพคะ”ซูเฟยซื่อถวายคำนับแล้วกลับไปยังที่นั่ง
ซูจิ้งเซียงก็ถลาเข้าไปตรงหน้าซูจิ้งโหยวทันทีแต่ไม่ลืมส่งสายตาแฝงความเอียงอายให้ซ่งหลิงซิวคราหนึ่ง “เซียงเอ๋อร์น้อมคารวะฮ่องเต้เพคะ”
ที่แท้ซูจิ้งเซียงคิดเล่นความคิดนี้ในใจซูเฟยซื่อหัวเราะเยือกเย็น เล่นอุบายแบบนี้ตรงหน้าซูจิ้งโหยว ซูจิ้งเซียงไม่กลัวว่าในอนาคตกระทั่งตายอย่างไรยังไม่รู้ด้วย