หรือซูเฟยซื่อจะมีเจตนาอื่น?
ในใจซางจื่อประหวั่นพรั่นพรึง รีบคุกเข่าลง“บ่าวรับใช้ปรนนิบัติทำงานเพื่อคุณหนู ไม่กล้ารับรางวัลเ้าค่ะ”
“ในเมื่อข้าให้เ้า ก็จงรับไว้ตลอดเวลาที่ผ่านมาข้าคนนี้ให้จะรางวัลหรือจะลงโทษ ล้วนชัดเจน เ้าทำได้ดีมาก ข้าก็มีรางวัล หากทำไม่ดี ย่อมลงโทษการทำผิดด้วยไม่น้อยเป็ธรรมดา” น้ำเสียงของซูเฟยซื่อเฉยเมย
แต่วาจาของนาง ซางจื่อกลับเชื่อสนิทอย่างไม่สงสัยถ้าทำไม่ดีวิธีการของซูเฟยซื่อต้องไม่อ่อนนิ่มแน่ๆ
“ขอบคุณคุณหนูเ้าค่ะ” ซางจื่อเก็บปิ่นมุกบุปผชาติทองไว้ได้รับการอนุญาตจากซูเฟยซื่อแล้วจึงถอยกลับมา
อาจเป็เพราะความสนใจของซูเต๋อเหยียนที่ขัดขวางเอาไว้ ทำให้ไม่สามารถลงมือได้ง่าย หลายวันต่อมาซูเฟยซื่อจึงใช้เวลาอย่างสงบเรียบร้อย
จนกระทั่งถึงพิธีชุมนุมการแข่งม้า
เพื่อหลีกเลี่ยงมิให้ซูเฟยซื่อสร้างความอับอายแก่จวนอัครมหาเสนาบดี จนซูเต๋อเหยียนกล่าวโทษนางได้ แม่ใหญ่แซ่หลี่ได้เตรียมเครื่องแต่งตัวให้ซูเฟยซื่อสำหรับเข้าร่วมพิธีชุมนุมการแข่งม้าไว้ให้เรียบร้อย
แม้ไม่ดีกว่าของซูจิ้งเซียงกับซูจิ้งเถียนแต่ก็ไม่ใช่คุณภาพอย่างปกติที่ซูเฟยซื่อเคยสวมใส่
ซูเฟยซื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ ทำให้ซางจื่ออดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้าง “คุณหนูงามมากจริงๆ เ้าค่ะ”
สวยหรือ? เช่นนั้นก็ดี วันนี้นางก็จะใช้ใบหน้าและเอกลักษณ์ใหม่ทั้งหมดนี้ปรากฏตรงหน้าซ่งหลิงซิว
ไม่รู้ด้วยว่าซ่งหลิงซิวได้เห็นนางจะรู้สึกอย่างไร?
ซูเฟยซื่อหัวเราะเยาะ ส่ายหน้าให้กับตนเองจะมีความรู้สึกอย่างไร? ซ่งหลิงซิวจดจำนางตอนนี้ไม่ได้อย่างสิ้นเชิง
“ไปกันเถอะ เกี้ยวรออยู่หน้าประตูแล้วอย่าให้นางแซ่หลี่มีโอกาสก่อปัญหาได้”
ตลอดทางซูเฟยซื่ออารมณ์กระสับกระส่าย เดิมคิดว่าคนที่ตายไปแล้วครั้งหนึ่ง ไม่มีอะไรที่ปลงไม่ได้ สามารถเผชิญหน้ากับผู้คนและเหตุการณ์ที่ผ่านไปในอดีตอย่างจิตใจเยือกเย็นไม่สะทกสะท้าน
แต่ตอนนี้ถึงเวลาที่นางต้องเผชิญหน้าแล้วจริงๆ จึงพบว่าที่แท้นางไม่เคยปล่อยวางได้มาก่อนเลย
ความแค้นเคืองชิงชังที่มีต่อซ่งหลิงซิวได้กัดกร่อนลึกลงไปในกระดูกแทบอยากจะฆ่าเขาทิ้งเสียตอนนี้
พิธีชุมนุมการแข่งม้าจัดขึ้นที่ทางตะวันออกของพระราชอุทยานนอกจากพิธีชุมนุมการแข่งม้าประจำปีหนึ่งครั้งแล้ว ซ่งหลิงซิวยังชอบฝึกทหารที่นี่ ดังนั้นนางจึงเคยมาหลายครั้ง
ซูเฟยซื่อตามอยู่หลังนางแซ่หลี่กับสองสาวพี่น้องตระกูลซูเพียงได้ยินเสียงะโเสียงหนึ่งดังข้างหู“นายหญิงอัครมหาเสนาบดีพาคุณหนูสามท่านมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
คุณหนูสามท่าน?
ทุกคนเคยเห็นซูจิ้งโหยวซูจิ้งเซียงกับซูจิ้งเถียนเท่านั้นแต่ตอนนี้ซูจิ้งโหยวนั่งอยู่ข้างๆ ซ่งหลิงซิว คุณหนูสามท่านมาจากไหน?
สายตาแปลกใจมองมาจากทั่วสารทิศ แต่ซูเฟยซื่อกลับเพียงก้มศีรษะไว้ไม่ไปสนใจ
“คารวะฝ่าา คารวะพระสนมเพคะ” นางแซ่หลี่นำคุกเข่าลง
ซูจิ้งโหยวมาด้วยหรือ? ซูเฟยซื่อรู้สึกความสั่นจากก้นบึ้งหัวใจ นางเงยศีรษะขึ้นอย่างแรง
ทันเห็นเพียงซูจิ้งโหยวที่กำลังเอียงอาย หน้าอิงแอบในอ้อมอกของซ่งหลิงซิวพอดีเสื้อคลุมยาวขอบจันทราเงินสีชมพูห่อหุ้มร่างนางอย่างประณีตงดงาม บนผมสวยยาวละเอียดประดับห้อยพู่ระย้าสีทับทิมตกแต่งเครื่องประดับอัญมณีทองสีเดียวกันที่หน้าอกพร้อมสรรพทั้งเสน่ห์กับความโอ่อ่า
ทว่าตำแหน่งที่นางนั่งเป็ตำแหน่งที่กู้ชิงเคยนั่งมาก่อนที่นางจะตาย
ศัตรูที่ยึดชิงตำแหน่งนาง ฆ่าลูกและทำลายล้างบางทั้งตระกูลนางตอนนี้อยู่ตรงหน้าเพียงไม่กี่ก้าวก็แก้แค้นได้แล้ว
ซูเฟยซื่อบีบนิ้วทั้งสิบไว้แน่นเป็กำปั้นพยายามระงับการสั่นเทิ้มบนร่างไว้
แต่หน้าอกของนางปวดปานจะะเิเพลิงโกรธแค้นพุ่งทะลักผ่านช่องว่างออกมา เกือบจะเผาผลาญนางทั้งตัวจนเป็เถ้าถ่าน
นางจะฆ่าพวกเขา นางจะฆ่าพวกเขา
ดูเหมือนซูจิ้งโหยวจะสังเกตเห็นแววตาของซูเฟยซื่อแล้ว นางขมวดคิ้วย่นเล็กน้อย ขณะกำลังจะเอ่ยปากกลับถูกขัดจังหวะ“ดูเหมือนนายหญิงของอัครมหาเสนาบดีลืมอะไรไป ต้องให้ข้าอุปราชเตือนท่านหรือไม่?”
เสียงของอวี้เสวียนจีราวกับมาจากอเวจีเย็นะเืเป็น้ำแข็งล่องลอย แต่แฝงไว้ด้วยจิตสังหารกระหายเืเสียจนคนในสนามต่างขนพองสยองเกล้าอย่างไม่อาจควบคุม
นางแซ่หลี่ที่ถูกเรียกยิ่งตระหนกจนแข้งขาอ่อนยวบทันที นางคุกเข่าโครมลงคลานกับพื้น “ท่านอ๋อง เก้า... เก้าพันปี น้อมคารวะท่านอ๋องเก้าพันปีเ้าค่ะ”
ซูจิ้งโหยวเห็นแม่ใหญ่ไม่เอาไหนเช่นนี้ จึงขมวดคิ้วด้วยความขยะแขยง แววตาเบนออกจากบนร่างซูเฟยซื่อแล้ว
ตามเหตุผลแล้ว คุกเข่าคำนับซ่งหลิงซิวกับซูจิ้งโหยวเสร็จก็ย่อมเรียกว่าเรียบร้อยแล้ว แต่ฮ่องเต้องค์ก่อนดันตั้งกฎมากขึ้นข้อหนึ่งก่อนตไว้ เหล่าขุนนางทั้งหมดยังต้องคุกเข่าคารวะอวี้เสวียนจีครั้งหนึ่งหลังจากคุกเข่าคารวะฮ่องเต้เสร็จสิ้น
กฎพินัยกรรมที่ไร้สาระนี้ แสดงให้เห็นว่าฮ่องเต้องค์ก่อนทรงโปรดปรานอวี้เสวียนจีมากเพียงไร
หากอวี้เสวียนจีไม่ได้เป็ขันทีเกรงว่าฮ่องเต้องค์ก่อนคงจะสนับสนุนให้เขาได้ขึ้นนั่งครองบัลลังก์แล้ว
“คุณหนูสาม เ้าไม่เต็มใจคารวะให้ข้าอุปราชหรือ? รู้สึกว่าข้าไม่คู่ควรให้เ้าคารวะหรือ?” ดวงตาหงส์ของอวี้เสวียนจีหรี่ลงน้อยๆ แววเย็นะเืในนั้นแทบจะแช่คนให้แข็งตาย
ร่างซูเฟยซื่อพลันแข็งทื่อ แต่กลับได้สติคุกเข่าลงอย่างแรง“น้อมคารวะท่านอ๋องเก้าพันปีเ้าค่ะ”
นางเงยหน้ามองอวี้เสวียนจีปราดหนึ่งอดปรายตาดูซ่งหลิงซิวกับซูจิ้งโหยวอีกคราหนึ่งไม่ได้
เวลานี้สายตาของพวกเขาสองคนต่างถูกอวี้เสวียนจีดึงดูดไป ไหนเลยจะสังเกตเห็นนาง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการเสียมารยาทของนางเมื่อครู่แล้ว
นี่อวี้เสวียนจีกำลังช่วยนางหรือ?
ช่วยนางดึงความสนใจของทุกคนไปที่เขาทั้งหมดหรือ?
“อุปราชอย่างข้าไร้ประโยชน์ในแคว้นซ่งแล้วใช่หรือไม่?”อวี้เสวียนจีเล่นปลอกนิ้วทองซึ่งได้รับเป็รางวัลบนนิ้วหัวแม่มือเบาๆ กล่าวอย่างเอื่อยเฉื่อย “ขอท่านอ๋องเก้าพันปีโปรดอภัยหม่อมฉันเข้าร่วมพิธีชุมนุมการแข่งม้าครั้งแรก จึงตื่นเต้นจนลืมมารยาทไปแล้วเ้าค่ะ”ซูเฟยซื่อแกล้งฟุบหมอบกับพื้นด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง ทั้งร่างสั่นเทิ้มเล็กน้อย
แบบนี้ต่อให้มีคนเห็นการเสียมารยาทของนางเมื่อครู่ยังสามารถใช้อาการตื่นเต้นมากเกินไปอธิบายจนเอาตัวรอดไปได้
“เศษสวะ” ริมฝีปากสีแดงของอวี้เสวียนจีขยับเบาๆ เหมือนดอกฝิ่นเย้ายวนมีเสน่ห์ แต่กลับด่าไม่ไว้หน้าสักนิด
ซูเฟยซื่อรู้ว่าที่เขาด่าเป็การแสดงของนางเมื่อครู่อดไม่ได้ที่จะยิ่งบีบค้อมตัวให้ลดต่ำลง
“รองเท้าของข้าอุปราชสกปรกแล้ว ได้ยินว่าวันนี้น้ำในสระหลิวอั้นสะอาดไม่เลวเลย เ้าเอาไปล้างให้ข้าที” กล่าวแล้ว อวี้เสวียนจีก็ยกเท้าขวาขึ้นมาอย่างเกียจคร้าน
อวี้เสวียนจีถึงกับให้นางซักล้างรองเท้าให้เขา?นางไม่ได้ฟังผิดไปใช่หรือไม่!
ซูเฟยซื่อตะลึงสักพัก แต่ขัดด้วยสายตาที่จับจ้องมาของทุกคนไม่ได้ นางได้แต่ต้องก้าวไปข้างหน้าอย่างเคารพนบนอบช่วยเขาถอดรองเท้าออก ให้นางกำนัลพาไปสระหลิวอั้น
ผิดกับความครื้นเครงเมื่อสักพักสระหลิวอั้นเงียบจนน่ากลัว กล่าวกันว่าเคยมีนางกำนัลจมน้ำตายที่สระดังกล่าว ั้แ่นั้นมาก็ไม่มีใครสนใจสระหลิวอั้นอีก
“ที่นี่คือสระหลิวอั้น คุณหนูสามเข้าไปข้างในเถิดเ้าค่ะ” นางกำนัลที่นำทางดูแผ่นจารึกของสระหลิวอั้น ก็รีบก้มศีรษะลงด้วยความหวาดกลัว
ซูเฟยซื่อไม่กลัวเทพปีศาจ แต่ถูกโยนไปยังสถานที่เช่นนี้เพื่อซักล้างรองเท้าของขันทีคนหนึ่งอย่างไร้ต้นสายปลายเหตุ?
อวี้เสวียนจีจงใจแกล้งนางแน่แล้ว!
ทว่าต่อให้นางรู้ว่าเขากำลังเล่นตลกกับนางนางยังสามารถทำอะไรได้อีกเล่า?
ซูเฟยซื่อถอนหายใจ เดินเข้าไปเริ่มล้างรองเท้าอย่างยอมจำนน
ทันใดนั้นมือใหญ่ข้างหนึ่งจับท้ายทอยนางไว้ ใช้แรงกดนางลงไปในสระหลิวอั้น ซูเฟยซื่อดิ้นสุดชีวิตแต่พลังจากลำแขนแกร่งกดบีบท้ายทอยของนาง ทำให้นางมิอาจผุดลุกขึ้นมาได้
แต่แรงอัดบีบในหน้าอกของนางยิ่งนานยิ่งปะทุมากขึ้น ราวกับจะถูกะเิทิ้ง
ภาพตรงหน้ายิ่งรางเลือนมากขึ้นความรู้สึกทั้งห้าค่อยๆ อ่อนแอลง
ไม่ได้... ขืนเป็แบบนี้ต่อไป นางต้องตายแน่
ซูเฟยซื่อยกเท้าถีบคนข้างหลังอย่างรุนแรงน่าเสียดายที่การตอบสนองของคนผู้นั้นฉับไว รีบถลันหลบไปอย่างรวดเร็ว
ในใจซูเฟยซื่อกลายเป็ตื่นตระหนก ด้วยความสูงส่งของวิทยายุทธ์ของท่านผู้นี้ นางไม่ใช่เป็คู่ต่อสู้ด้วยอย่างสิ้นเชิง
เป็ใคร ที่แท้เป็ใครจะฆ่านาง?
จะยืนไม่ไหวแล้ว ไม่เพียงแต่หน้าอกกระทั่งสมองต่างจะะเิออกมาหมดแล้ว