บทที่3 ราวกับได้เพชรล้ำค่า...แต่ไม่รู้คืออะไร
พอหมอหวังอี้เฉินเดินคล้อยหลัง เธอเองก็พิงผนังทางเดินและถอนหายใจยาวอย่างหมดแรง ทั้งกายและใจอ่อนล้าอย่างยิ่ง หลังอยู่ในห้องผ่าตัดมามากกว่าสิบชั่วโมงต่อเนื่องอีกครั้ง หลายเดือนมานี้เธอแทบไม่ได้ลาพัก แม้แต่วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ก็ยังรับผ่าตัดพิเศษ ชื่อเสียงของเธอจึงยิ่งโด่งดังขึ้นไม่หยุด
“ไหนบอกตัวเองว่าพอจบเคสนี้จะยอมพักบ้าง…” เธอพูดกับตัวเองแล้วแค่นยิ้ม แม้จะเบื่อที่ต้องทำงานหนักขนาดนี้ แต่หัวใจลึกๆ ก็หยุดไม่ได้อยู่ดี ด้วยความมุ่งมั่นที่จะเป็มืออาชีพที่สุด
หลินต้าเหนิงเธอตัดสินใจว่าจะเลิกงานวันนี้ไวกว่าปกติ เธออยากลองเดินเล่นเปลี่ยนบรรยากาศ ไม่แน่การชมสิ่งสวยงามเก่าแก่ อาจทำให้จิตใจที่เหนื่อยล้าได้เติมพลังได้ เธอสั่งพยาบาล “หากมีเคสฉุกเฉินเร่งด่วน ค่อยโทรมาตามฉันนะ” จากนั้นเธอก็บอกเพื่อนร่วมงาน แล้วก้าวออกจากโรงพยาบาลไป
ย่านรอบ ๆ โรงพยาบาลแห่งนี้ ส่วนใหญ่เป็ตึกทันสมัย ทว่ามีตรอกเก่าแก่สายหนึ่ง ซึ่งเคยเป็แหล่งค้าของเก่า มีร้านหัตถศิลป์และร้านขายโบราณวัตถุมากมาย แม้วันเวลาจะผ่านไป จนหลายร้านทยอยปิดตัว แต่ก็ยังคงเหลือร้านลักษณะคล้ายพิพิธภัณฑ์เล็กๆ บางแห่งแอบซ่อนตัวอยู่ หลินต้าเหนิงเคยได้ยินข่าวว่าตรอกนี้กำลังจะปรับปรุงเป็แหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ แต่ไม่รู้จะแล้วเสร็จเมื่อไร วันนี้จึงถือโอกาสไปเดินดูด้วยตาตนเองสักหน่อย
อากาศ่บ่ายแก่ๆ ใกล้เย็น คล้ายมีฝนบางๆ หลินต้าเหนิงชะลอฝีเท้า มองซ้ายขวาด้วยความสนใจ บ้านเก่าสไตล์สมัยจักรพรรดิ หน้าต่างไม้ฉลุถูกปิดเงียบ บางหลังมีป้าย “ประกาศขาย” เหมือนถูกปล่อยทิ้ง แต่ในความเงียบเหงานั้นเอง เธอก็สะดุดสายตากับร้านเล็กๆ ร้านหนึ่ง มันตกแต่งด้วยโคมไฟกระดาษโบราณ ภายในมีเฟอร์นิเจอร์ไม้สักกองเรียงราย และตรงกระจกใสหน้าร้านมีอักษรสลักว่า “ร้านรวมของเก่าหายาก”
ปกติแล้ว หลินต้าเหนิงชอบสะสมเครื่องไม้แกะสลักเล็กๆ น้อยๆ อยู่แล้ว เธอชื่นชมฝีมือช่างโบราณที่ประณีต จึงเปิดประตูร้านเข้าไป ภายในนั้นค่อนข้างเงียบ มีเพียงแสงไฟสลัวๆ และกลิ่นอับชื้นเจือจาง โถงร้านวางข้าวของละลานตา ทั้งตะเกียงน้ำมัน เครื่องลายคราม หีบไม้เก่า กระทั่งชุดเครื่องเพชรโบราณก็มีให้เห็น
“สวัสดีค่ะ หนูเข้ามาดูของข้างในได้เลยนะไม่ต้องเกรงใจ” คุณป้าคนขายท่าทางใจกว้าง ยืนยิ้มหลังเคาน์เตอร์เล็กๆ เธอสวมเสื้อคอจีน ผมขาวม้วนเกล้าอย่างเรียบร้อย แววตาเปี่ยมไปด้วยประสบการณ์และความเป็มิตร
หลินต้าเหนิงเดินดูไปเรื่อย มีของบางชิ้นสะดุดตา แต่ก็ยังไม่ได้ตัดสินใจซื้อ เธอหยุดสายตาอยู่นานกับกรอบรูปไม้สักแกะสลัก เป็ลายเมฆและั ทว่าเมื่อกวาดตาไปที่มุมด้านในสุดของร้าน เธอก็เหลือบเห็นสิ่งที่ชวนให้ใจเต้นแรงเล็กๆ นั่นคือ “กระจกโบราณ” ที่มีกระจกตรงกลางค่อนข้างขุ่นมัว แต่กรอบไม้นั้นลวดลายละเอียดประณีตอย่างเหลือเชื่อ เป็ลายกิ่งไม้เลื้อยไขว้ไปมาประดับด้วยดอกโบตั๋นเล็กๆ ซึ่งดูเหมือนมีชีวิตชีวาจนแทบจะขยับได้
กระจกใบนั้นชำรุดเล็กน้อย บริเวณมุมบนมีรอยแตกร้าวเหมือนไม่ได้ซ่อมแซม และไม้บางส่วนมีรอยถลอกตามกาลเวลา แต่โดยรวมยังงดงามเกินคำบรรยาย ยิ่งเธอเดินเข้าไปใกล้ยิ่งรู้สึกถึง “แรงดึงดูดบางอย่าง” ไม่ใช่เพียงความสวย แต่คล้ายมีพลังวิเศษสะกิดใจ
“นี่เป็กระจกโบราณจากสมัยไหนหรือคะ” หลินต้าเหนิงเอ่ยถามนาง เธอยืนพินิจรอยสลัก ที่ดูออกแนวจีนผสมยุคจักรพรรดิเก่าแต่ก็แฝงเทคนิคแกะไม้อีกแบบ
“ยากจะบอกอายุแน่ชัดนะ หนูคนสวย” คุณป้ายิ้มนุ่มนวล “ฉันเองก็ได้รับตกทอดมาอีกที เล่ากันว่าเป็กระจกทำมือ่ปลายราชวงศ์หนึ่ง น่าจะหลายร้อยปีได้ สมัยนั้นช่างไม้แกะลายทีละจุดด้วยความตั้งใจ หายากมากในปัจจุบัน แต่กระจกบานนี้ก็มีปริศนาอยู่เสมอ…มีเ้าของหลายราย แต่มักจะเปลี่ยนมือไปไวทุกครั้ง ดูเหมือนพอมาได้สักพักก็มักเจอเื่ไม่คาดฝัน เลยไม่แน่ใจว่าเป็อาถรรพ์หรือเปล่าและทุกครั้งมันก็ขายกลับมาที่ร้านของฉันเหมือนเดิม”
“กลับมาที่เดิมเหรอคะ”
เธอทำท่าฉงนแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจนัก แต่เธอฟังน้ำเสียงของป้าคนขายคล้ายจะขำขันมากกว่าจะเล่าทำนองสยอง หลินต้าเหนิงเลยไม่ได้รู้สึกกลัว แต่อดสงสัยไม่ได้ว่า
“เื่ไม่คาดฝันและกลับมาร้านเธอทุกครั้งมากกว่า” นั้นหมายความว่า ถ้าเป็คนเชื่อโชคลางอาจตีความไปทางอาถรรพ์ แต่เธอเองเป็คนหัววิทยาศาสตร์ ไม่อินกับความเชื่อนั้นเท่าไหร่นัก
“ฉันคิดว่ามันสวยดีนะคะ… ให้ฉันดูใกล้ๆ ได้ไหม”
หญิงสูงวัยพยักหน้ารับทันที “ได้สิ หนูระวังๆ นะ ขาหักไปด้านหนึ่งแล้วน่ะ”
หลินต้าเหนิง ก้าวเข้าไปยกกระจกขึ้นเบา ๆ ััผิวไม้ที่เย็นมากเกินคาด มือของเธอไล่ตามลวดลายบนกรอบ ไม้ตรงมุมแหลมเปราะบางจนแทบจะหลุดเป็เศษเล็กๆ ในวินาทีนั้นเอง ขณะพยายามส่องกระจกเพื่อตรวจรอยแตก เธอดันรู้สึกมือซ้ายลื่นไปเฉียดเศษกระจกบนผิวที่แตกพอดี
“โอ๊ย” เธอเผลออุทานออกมา มือที่จับอยู่หลุดไปข้างหนึ่ง ก่อนจะยกกระจกวางลงบนโต๊ะใกล้ๆ เืสีแดงสดหยดลงมาจากปลายนิ้ว หลินต้าเหนิง ชำนาญเื่แผลผ่าตัด แต่กลับประมาทกับเศษกระจกร้านของเก่าเสียได้
“เป็อะไรมากไหมหนู” ป้าเ้าของร้านทำท่าใ แต่หลินต้าเหนิงรีบส่งยิ้มปลอบว่าไม่เป็ไร แค่โดนบาดเล็กน้อย เธอพยายามกดาแ แต่เืกลับกระเซ็นลงกระจกที่วางอยู่หนึ่งหยด ทำให้เห็นรอยเลอะสีแดงบนผิวกระจกที่มัวหมอง
ทันใดนั้น! ราวกับเกิดเหตุประหลาด แสงสีขาวสว่างวาบพุ่งออกมาจากบริเวณกลางกระจกตรงที่มีเืหยดลง การสว่างนั้นเจิดจ้ากว่าหลอดไฟในร้านเป็สิบเท่า ทำเอาหลินต้าเหนิงและหญิงสูงวัยต้องยกมือขึ้นป้องตาด้วยสัญชาตญาณ
“อะไรกัน…” หลินต้าเหนิงอุทานลั่น ใจเต้นระรัว ภาพในสายตาเหมือนมีประกายแสงสีขาวจ้าเจือสีทองแวบๆ เปล่งวูบจากกระจกโบราณเพียงเสี้ยววินาทีแล้วมอดลงอย่างรวดเร็ว ราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น
พอเธอหรี่ตาได้ ปรากฏว่าหลายสิ่งในร้านยังคงเหมือนเดิม เพียงแต่ไม่มีแสงไฟวูบวาบอีก กระจกบานที่เปรอะเืก็ยังคงวางอยู่ตรงนั้น แต่ความรู้สึกยามที่หลินต้าเหนิงมองมันอีกครั้งกลับไม่เหมือนเดิม เธอคล้ายถูกดูดลึกเข้าไปในเงาสะท้อนมัวๆ นั้น อยู่ ๆ ก็วูบสั่นไหวเบาๆ ชั่วครู่ ก่อนที่มันจะกลับเป็ปกติ
“หนูเห็นแสงประหลาดใช่ไหม… ฉันเคยเห็นครั้งเดียว ตอนเด็กๆ” เธอพูดด้วยสีหน้าทึ่งปนดีใจ เหมือนคนเพิ่งค้นพบเื่ประหลาดที่เล่าต่อใครไม่ค่อยมีใครเชื่อ
“เขาว่ากันว่า ถ้าเืใครตกลงบนกระจกนี้แล้วมันเปล่งแสง นั่นหมายความว่าเป็ ‘คนที่กระจกเลือกแล้ว’ ฉันเองได้ยินเื่นี้จากปู่ย่าเล่ามาอีกที แต่ไม่เคยเข้าใจความหมาย… หรือว่า หนูจะเป็เ้าของที่แท้จริงของมัน” ได้ยินดังนั้น หลินต้าเหนิงนึกในใจว่านี่ฟังดูเหมือนตำนานในนิยายมากกว่า
แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเธอเองก็รู้สึกถึงบางอย่างในวินาทีนั้นจริงๆ กระนั้นความเป็วิทยาศาสตร์ในหัวเธอก็หาเหตุผลอธิบายว่า อาจเป็การหักเหของแสงกับเศษกระจกที่มีรูปร่างแปลกๆ บวกกับตอนเปลี่ยนสายตากะทันหันมากกว่า จึงเห็นเป็แสงจ้า
“ฉันไม่เชื่อเื่อาถรรพ์เท่าไหร่หรอกค่ะ…แต่ก็แปลกดี” เธอพึมพำแล้วลูบนิ้วที่มีาแ
“คุณป้าคะคุณป้าชื่ออะไร ฉันว่าป้าดูเป็คนใจดีจังค่ะ"
"เรียกฉันว่าป้าเฉินก็ได้จ๊ะหนู..."เธอพูดพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น
"ป้าเฉินมีผ้าก๊อซหรือปลาสเตอร์ไหมคะ ฉันลืมหยิบจากกระเป๋าตัวเองมา”
คุณป้าเฉินรีบจัดการหาอุปกรณ์ปฐมพยาบาลเล็กๆ มาให้เธอ หลินต้าเหนิงก็ทำแผลให้ตัวเองอย่างคล่องแคล่ว จากนั้นก็ยืนมองกระจกบานนั้นอีกครั้ง
“คุณป้าเฉินคะ ฉันรู้สึกถูกชะตากับกระจกบานนี้อย่างน่าประหลาด… ป้าจะขายเท่าไหร่คะ”เธอถาม
ราคาอาจสูงหรือไม่ ไม่ใช่ประเด็น หลินต้าเหนิงเธอมีเงินมากพอ อีกทั้งเธอรู้สึกกระจกนี้คงมีประวัติอันยาวนานจึงตัดสินใจซื้อทันที
“ถ้าเป็คนอื่นฉันอาจเรียกราคาหลายหมื่น แต่ดูเหมือนมันเลือกหนูแล้ว ฉันขายให้ในราคาเท่าทุนก็พอ หนูจะได้พามันไปดูแลต่อ” คุณป้าพูดยิ้มๆ พร้อมบอกราคาไม่แพงอย่างที่หลินต้าเหนิงคาดไว้ เธอจ่ายด้วยความเต็มใจโดยไม่ต่อราคามันอีก
หลังการห่อกระจกโบราณอย่างระมัดระวัง เธอก็อุ้มมันออกจากร้านด้วยความรู้สึกแปลกใหม่ ราวกับได้เพชรล้ำค่า แต่ในใจลึกๆ ก็บอกไม่ถูกว่ามันคืออะไร..?!!
คุณป้าเฉิน ร้านขายของเก่า
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้