ระดับเทพ! ระดับเทพอีกแล้ว!
เย่ชิงหานเริ่มกลัดกลุ้มขึ้นมาอีก ระดับขอบเขตเทพ์ที่เป็ตำนานเล่าขาน ระดับขอบเขตที่ผู้ฝึกยุทธ์ทั่วทั้งทวีปัเพลิงล้วนปรารถนาแม้ยามหลับฝัน แต่สำหรับท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่และหุนตี้นั้นกลับดุจดั่งเป็เื่ที่ไม่ได้ยากลำบากหรือมีความสลักสำคัญอันใดเลยแม้แต่น้อยเมื่อพูดออกมา ครั้นแล้วเขาจึงเอ่ยปากพูดขึ้นต่อลู่ซีอย่างอับจนปัญญา
“ผู้เฒ่าลู่ ท่านคิดว่าข้าจะสามารถกลายเป็ผู้ฝึกยุทธ์ระดับเทพได้หรือไม่? ภายในระยะเวลาห้าสิบปีข้าจะสามารถบรรลุถึงระดับขอบเขตเทพ์ได้หรือไม่? ฟังจากที่พวกท่านพูดมาแล้วดูเหมือนว่ามันเป็เื่ที่ง่ายดายมากฉันนั้น แต่ระดับเทพสำหรับข้าแล้วดูไม่ต่างจากูเานครแห่งเทพลูกนั้นที่ทำได้แค่เพียงแหงนหน้ามอง! รู้สึกว่า...ยังห่างไกลยิ่งนัก”
“แหะๆ นายน้อย แม้ว่าข้าจะไม่อาจบอกกับเ้าได้อย่างชัดเจนว่าภายในระยะเวลาห้าสิบปีเ้าจะสามารถเหยียบย่างเข้าสู่ระดับเทพได้หรือไม่ แต่ข้าคิดว่าภายในระยะเวลาไม่เกินร้อยปีเ้าเหยียบย่างเข้าสู่ระดับเทพได้แน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย!” ดวงตาที่เล็กเรียวยาวของลู่ซีมองดูเย่ชิงหานอย่างชื่นชมและอิจฉาพร้อมกับพูดขึ้นต่อ
“เ้าสามารถทะลวงผ่านด่านทดสอบูเาสุสานทวยเทพได้ก็แสดงว่าคุณสมบัติทางร่างกาย ทางจิตใจ และสติปัญญาการรับรู้สรรพสิ่งล้วนอยู่ในระดับล้ำเลิศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเ้ายังสามารถเข้าสู่สภาวะในการเข้าใจในสรรพสิ่งได้อย่างไม่เลวเลยทีเดียว หากพูดตามคำของทวีปัเพลิงก็คือสภาวะความสงบทางิญญา...ที่สำคัญที่สุดคือเ้ามีหอเซียวเหยา! ถ้าหากเ้ามีทรัพยากรต่างๆ และของวิเศษมหัศจรรย์ที่เป็ตัวช่วยมากมายถึงเพียงนี้แล้วยังไม่สามารถเหยียบย่างเข้าสู่ระดับขอบเขตเทพ์ได้อีกละก็ ถ้าเป็อย่างนั้นข้าคงต้องขอบอกว่าเ้ามันคือดินโคลนไร้ค่าที่ปั้นให้เป็รูปทรงขึ้นมาไม่ได้เท่านั้นเอง...”
“อ้อ? ที่พูดมาหมายความว่าอย่างไร?” เย่ชิงหานเมื่อได้ฟังตกตะลึงขึ้นในทันทีรีบเอ่ยปากถามขึ้น
“ภายในหอเซียวเหยามีพลังฟ้าดินที่เกิดขึ้นมาจากพลังเทพภายในดินแดนแห่งเทพ หากทำการฝึกฝนอยู่ภายในจะรวดเร็วกว่าการฝึกฝนอยู่ภายนอกทวีปัเพลิงถึงสิบเท่าตัว และที่สำคัญที่สุดคือบนผนังกำแพงภายในห้องฝึกยุทธ์ของหอเซียวเหยามีภาพจิตรกรรมสำหรับใช้ฝึกฝนพลังกฎเกณฑ์ที่นายท่านทิ้งเอาไว้ ขอเพียงฝึกฝนทำความเข้าใจได้สักเพียงเล็กน้อยการจะบรรลุถึงระดับขอบเขตเทพ์นั้นจะกลายเป็เื่ง่ายดายไม่ต่างจากการพลิกฝ่ามือเลยด้วยทีเดียว”
เมื่อลู่ซีพูดถึงภาพจิตรกรรมสำหรับใช้ฝึกฝนพลังกฎเกณฑ์ที่อยู่บนผนังกำแพงห้องฝึกยุทธ์ ใบหน้าของเขาพลันปรากฏความเลื่อมใสเคารพบูชาขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าตัวเขาเองก็ได้รับประโยชน์ไม่น้อยจากการฝึกฝนกับภาพจิตรกรรมที่อยู่บนผนังกำแพงนั้น
ภาพจิตรกรรมสำหรับฝึกฝนพลังกฎเกณฑ์ของหุนตี้?
“มีของเช่นนี้อยู่ด้วยรึ? ผู้เฒ่าลู่รีบพาข้าไปดูหน่อย!” เมื่อได้ฟังเย่ชิงหานรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาในทันที หุนตี้ทิ้งภาพจิตรกรรมสำหรับใช้ฝึกฝนทำความเข้าใจในพลังกฎเกณฑ์เอาไว้ด้วย ของสิ่งนี้มีค่ามากเสียยิ่งกว่าของล้ำค่าชนิดไหนๆ ด้วยเหตุนี้เขาจึงร้องขึ้นด้วยความตื่นเต้นร้อนใจ
“เหอะๆ ไปกันเถอะ จะให้เ้าได้เปิดหูเปิดตาเสียบ้างสักหน่อย!” ลู่ซีหัวเราะแหะๆ เดินนำเย่ชิงหานไป เดินออกจากตำหนักหลักผ่านตำหนักด้านข้างเลี้ยวผ่านระเบียงจนสุดท้ายมาพบเข้ากับประตูหินแห่งหนึ่ง
“นายน้อย ต่อไปถ้าเ้าจะเข้าไปด้านในทำเพียงแค่ปล่อยพลังลมปราณ อืม...ซึ่งก็คือพลังปราณรบนั่นแหละ ปล่อยออกมาภายนอกแล้วอัดใส่ลงไปตรงนี้ก็ได้แล้ว!” ผู้เฒ่าลู่ยื่นมือออกไปััปุ่มที่นูนออกมาบนประตูหินเบาๆ จากนั้นประตูหินสั่นะเือยู่ชั่วครู่ก็เลื่อนหายขึ้นไป้าทันที
“เอ่ออ...ห้องฝึกยุทธ์มีขนาดใหญ่โตเช่นนี้เลย?” เย่ชิงหานเมื่อก้าวเท้าเดินเข้ามารู้สึกเหมือนได้เดินเข้าไปภายในสนามฟุตบอลแห่งหนึ่ง ภายในห้องฝึกฝนนั้นไม่มีสิ่งอื่นใดแม้แต่น้อย จึงทำให้รู้สึกว่ากว้างขวางเป็อย่างมาก
ลู่ซีส่ายหน้าพร้อมกับพูดขึ้น “แหะๆ นี่เรียกว่าใหญ่โตแล้วรึ? ความจริงแล้วห้องนี้จะเรียกว่าห้องฝึกยุทธ์ยังไม่ได้เลยด้วยซ้ำ อย่างมากสุดถือว่าเป็ห้องนั่งบำเพ็ญเพียรพอได้ เ้าลองคิดดูว่านายท่านที่มีพลังเทพกล้าแกร่งมหาศาลในระดับนั้นแค่เพียงปล่อยพลังโจมตีออกมาอย่างไม่จริงจังอะไรมากครั้งเดียวก็สามารถบดทำลายูเาสุสานทวยเทพทั้งลูกให้มลายหายไปได้ในพริบตา ห้องเล็กเท่ารังหนูเช่นนี้นายท่านมีไว้เพียงฝึกฝนกระบวนท่าเพื่อยืดเส้นยืดสายเล่นๆ โดยที่ไม่กล้าใช้พลังเทพร่วมด้วยแม้แต่น้อย เพราะหาไม่แล้วห้องฝึกยุทธ์ห้องนี้คงหายไปนานแล้ว!”
“ร้ายกาจถึงเพียงนั้นเลย?” เย่ชิงหานยักไหล่ขึ้นแต่ภายในใจลอบตื่นตระหนกขึ้นอย่างอดไม่ได้ แต่เมื่อนึกถึงแค่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับขอบเขตเทพ์ก็เก่งกาจมากแล้ว แต่นี่คือระดับขอบเขตจักรพรรดิเทพ์ที่มีระดับที่สูงยิ่งกว่าหลายระดับเช่นนี้ จึงไม่น่าแปลกที่ปุถุชนอย่างเขาจะทำได้แค่เพียงแหงนหน้ามองและคุกเข่าเคารพบูชาเพียงเท่านั้น
“ภาพจิตรกรรมอยู่ที่ใด?” เย่ชิงหานสาดส่องสายตามองไปโดยรอบทั้งสี่ทิศพบว่านอกจากพื้นห้องกว้างใหญ่ที่ทำขึ้นมาจากหินหยกและผนังกำแพงที่เรียบเนียนแวววาวสะอาดหมดจดแล้วอะไรก็ไม่มีสักอย่าง ครั้นแล้วจึงได้เอ่ยถามขึ้นด้วยความแปลกประหลาดใจ
“ที่นี่มีภาพจิตกรรมอยู่ห้าภาพ เ้าโชคดีมากที่หุนตี้เองก็ฝึกฝนพลังกฎเกณฑ์แห่งพื้นที่ได้อย่างลึกซึ้งเช่นเดียวกัน ดังนั้นจึงได้ทิ้งภาพจิตกรรมที่เกี่ยวกับพลังกฎเกณฑ์แห่งพื้นที่ไว้ภาพหนึ่ง ภาพจิตรกรรมก็อยู่บนกำแพงนั่นแหละ ขอเพียงเ้าสามารถทำความเข้าใจในระดับพลังกฎเกณฑ์แห่งพื้นที่ที่อยู่ภายในภาพจิตรกรรมได้สักร้อยละสิบ ข้ารับรองได้ว่าการจะกลายเป็เทพนั้นไม่ต้องกังวลอีกต่อไปเลย!” ลู่ซีชี้นิ้วไปที่ผนังกำแพงทางด้านซ้ายมือที่ดูสะอาดเรียบเนียนแวววาวนั้น ชี้บอกตำแหน่งของภาพจิตรกรรมแก่เขาอย่างชัดเจนว่าอยู่ที่นั่น
“ไหนล่ะ? มีแต่กำแพงเปล่าๆ ไม่เห็นจะมีของอะไรสักอย่างเลย?” เย่ชิงหานเบิกตากว้างขึ้นเพ่งสายตาจ้องมองไปที่ผนังกำแพงอย่างจริงจัง แต่กลับไม่พบว่ามีของสิ่งใดอยู่แม้แต่น้อยจึงอดไม่ได้ที่จะแปลกใจขึ้นมา หรือว่าจะมีกลไกอะไรซ่อนอยู่อีก?
“ต้องใช้ใจดู ต้องตั้งจิตกำหนดลมหายใจ ปล่อยวางความคิดฟุ้งซ่านทั้งหมดแล้วโคจรพลังปราณรบไปที่ดวงตาจากนั้นทำการเพ่งพิจารณาดูให้ดีๆ!” ลู่ซียิ้มขึ้นเล็กน้อยก่อนที่จะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงลึกลับน่าฉงน
“หืม?”
เย่ชิงหานรีบสงบจิตทำสมาธิโคจรพลังปราณรบขึ้น ทันใดนั้นดวงตาทั้งคู่พลันปรากฏแสงสว่างเจิดจ้าขึ้น จากนั้นจึงรีบหันไปทางผนังกำแพงทางด้านซ้ายแล้วทำการเพ่งมองขึ้น
ไม่มี?
ทำการเพ่งมองดูอยู่หลายนาทีเย่ชิงหานก็ยังไม่พบอะไร แต่ลู่ซีพูดว่าบนผนังกำแพงมีก็จะต้องมีอยู่จริงอย่างแน่นอน ครั้นแล้วเย่ชิงหานจึงเริ่มทำจิตใจให้สงบนิ่งลงอย่างมากที่สุดอีกครั้ง ในขณะเดียวกันภายในใจก็เริ่มนึกถึงความรู้สึกที่ััรับรู้ได้ถึงพลังกฎเกณฑ์แห่งพื้นที่ในตอนที่เหยียบย่างเข้าสู่ระดับขอบเขตาาจัดรพรดินั้นขึ้นมา
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ...
เย่ชิงหานพบว่าผนังกำแพงเริ่มจะค่อยๆ ปรากฏแสงสว่างขึ้นมา ส่วนสายตาของเขาที่มองอยู่เริ่มจะเลือนรางขึ้น ภายในหัวเริ่มจะมีภาพบางอย่างปรากฏขึ้นมาอย่างเลือนราง... ภาพที่เห็นนั้นใหญ่โตมาก เป็หาดทรายแห่งหนึ่งที่เบื้องหน้าเป็ทะเลที่ไกลสุดลูกหูลูกตามองออกไปหาขอบเขตสิ้นสุดไม่เจอ ท้องฟ้า้ามีฝนตกลงมาใส่หาดทรายจนเกิดเป็หลุมทรายขึ้นมา...
แม้ว่าเย่ชิงหานจะรู้สึกได้ว่ามีหาดทราย มีทะเล และมีฝนที่ตกลงมา แต่ระดับการมองเห็นก็เลือนรางเป็อย่างมาก รู้สึกได้เพียงคร่าวๆ เพียงเท่านั้นมองเห็นได้ไม่ชัดเจน จนสุดท้ายระดับการมองเห็นเริ่มเลือนรางหนักมากขึ้นทุกทีจนภาพที่เห็นได้อย่างเลือนรางนั้นเลือนหายไปจนหมดสิ้น
เขากลับมามองเห็นผนังกำแพงที่สะอาดเรียบเนียนของห้องฝึกยุทธ์อีกครั้ง จากนั้นพลันรู้สึกวิงเวียนศีรษะขึ้นอย่างรุนแรง ร่างกายเริ่มโอนเอนไปมาเซถลาถอยไปด้านหลังอยู่หลายก้าวก่อนที่จะยืนทรงตัวได้อย่างมั่นคง
“ผู้เฒ่าลู่ มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมข้าถึงได้เวียนหัวเช่นนี้? โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีความรู้สึกเจ็บแปลบเหมือนหัวใจถูกแทงอีกด้วย!” ผ่านไปสักพักเย่ชิงหานถึงได้ฟื้นตัวกลับมา ใช้มือบีบนวดขมับและต้นคอด้านหลังของตนเองเบาๆ พร้อมกับเอ่ยถามขึ้นด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดใจ
“เหอะๆ เ้าเพิ่งจะเหยียบเข้ามาสู่เส้นทางของพลังกฎเกณฑ์แห่งพื้นที่ ภาพจิตรกรรมสายฝนชโลมหาดทรายภาพนี้ถ้าเ้ามองดูรับรองว่าจะต้องสูญเสียพลังิญญาไปอย่างมหาศาลจนต้านทานเอาไว้ไม่ไหวอย่างแน่นอน เดิมทีข้าคิดว่าอย่างมากสุดเ้าก็คงมองได้แค่หนึ่งวินาทีแล้วก็คงสลบหมดสติไป คิดไม่ถึงว่าระดับความแข็งแกร่งของพลังิญญาของเ้าก็ไม่เลวเลยทีเดียว สามารถมองได้นานถึงสองวินาทีและไม่หมดสติล้มลงไปอีกด้วย!” ลู่ซีไม่ได้เข้ามาประคองเย่ชิงหานทำเพียงยืนยิ้มมองดูอยู่เฉยๆ แล้วพูดขึ้น
“ภาพจิตรกรรมสายฝนชโลมหาดทราย! ภาพที่อยู่ภายในแปลกมหัศจรรย์เป็อย่างมากข้ามองเห็นได้ไม่ชัดเจนเลย แล้ว...เช่นนี้จะทำการศึกษาให้เข้าใจถึงพลังที่อยู่ภายในได้อย่างไร?” เย่ชิงหานนวดคลึงผ่อนคลายเส้นประสาทที่ขมับไปมา ไม่ได้ไปคิดถึงภาพที่เพิ่งเห็นเมื่อสักครู่ แต่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงกลัดกลุ้มใจ
“ฮึ! เ้าคิดที่จะมองให้เห็นอย่างชัดเจน? พลังกฎเกณฑ์แห่งพื้นที่ของข้านับว่าฝึกฝนมีความสำเร็จอยู่ไม่น้อย แต่ภาพจิตกรรมนี้ถ้าหากข้ามองนานเกินครึ่งชั่วโมงก็จะรู้สึกเวียนหัวขึ้นมาเช่นกัน ไม่ต้องรีบร้อน...ค่อยเป็ค่อยไป เ้ายังมีเวลาอีกห้าสิบปี! ค่อยๆ ดูไปเรื่อยๆ ยิ่งพลังฝีมือและความเข้าใจในพลังกฎเกณฑ์ของเ้าสูงมากขึ้นเท่าไร เ้าก็จะมองมันได้ชัดมากขึ้นเท่านั้น” ลู่ซีมุมปากยกสูงขึ้นแล้วยิ้มเยาะออกมา เย่ชิงหานเ้าเด็กคนนี้ช่างไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเสียจริงๆ คิดอยากจะใช้การฝึกฝนเพียงแค่ชั่วอึดใจเดียวก็สำเร็จได้เลยในทันที?
“อืม แล้วอีกสี่ภาพที่เหลืออยู่ที่ไหน? แล้วเกี่ยวข้องกับพลังกฎเกณฑ์ประเภทใด?” เย่ชิงหานพยักหน้าและรู้สึกว่าตนเองจะใจร้อนจนเกินไป พลังกฎเกณฑ์พลังฟ้าดินทั้งหลายทั้งล้ำลึกและมหัศจรรย์เป็สิ่งที่เข้าใจได้ยาก ดังนั้นจึงต้องค่อยๆ ศึกษาทำความเข้าใจไป
“ผนังกำแพงอีกทั้งสามด้านมีอยู่ด้านละภาพซึ่งแบ่งออกเป็ พลังกฎเกณฑ์มหาปฐี พลังกฎเกณฑ์แห่งความมืด พลังกฎเกณฑ์แห่งไฟ ส่วนภาพจิตรกรรมที่อยู่เหนือศีรษะ้านั้นน่ากลัวที่สุด ข้าขอเตือนเ้าอย่าไปมองดูเลยจะดีกว่า มิฉะนั้นแล้วอาจจะเป็การหาเื่เจ็บตัวเสียเปล่าๆ แหะๆ...” ลู่ซีแนะนำผนังกำแพงทั้งสามด้านให้เย่ชิงได้ทราบ สุดท้ายเขาชี้นิ้วขึ้นไป้าเหนือศีรษะขึ้นไปโดยที่สายตาไม่แม้แต่จะมองขึ้นไปดูสักเล็กน้อย สีหน้าปรากฏแววของความหวาดหวั่นออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“หืม? ภาพจิตรกรรม้าน่ากลัวที่สุด?” เย่ชิงหานเห็นสีหน้าอาการของลู่ซีเป็เช่นนั้นจึงแหงนหน้ามองขึ้นไปดู เขาใช้เพียงสายตาเปล่าๆ ธรรมดามองดูเพียงเท่านั้นซึ่งไม่ได้โคจรพลังปราณรบมาที่ดวงตาและสงบจิตใจลงแบบเมื่อก่อนหน้า ดังนั้นเขาจึงคิดว่าไม่น่าจะมีอะไร
เพียงแต่...ภาพจิตรกรรมที่อยู่้านั้นตาเนื้อธรรมดาก็สามารถมองเห็นได้ถึงลวดลายสีเงินแปลกประหลาดมากมาย ลวดลายสีเงินแปลกประหลาดเหล่านี้รวมกันเป็รูปภาพที่ดูแปลกประหลาดรูปหนึ่ง
เพียงแต่ว่ายังไม่รอให้เย่ชิงหานมองดูรูปภาพที่ดูแปลกประหลาดรูปนั้นได้ชัดเจน รูปภาพนั้นพลันเริ่มขยับเคลื่อนตัวขึ้นอย่างประหลาด จากนั้นิญญาของเขาพลันสั่นเทิ้มขึ้น ดวงตาทั้งสองข้างเหลือกขึ้นจนเห็นตาขาว สุดท้ายจึงสลบหมดสติล้มลงไปกับพื้น
“แหะๆ ไม่ฟังคำของท่านผู้รู้ที่อาบน้ำร้อนมาก่อนก็จะต้องเจ็บตัวไปอย่างนี้แหละ ภาพนี้แม้แต่ข้าเองมองดูก็ยังแทบหมดสติไปเหมือนกัน อย่างเ้าไม่ต่างจากหาเื่เจ็บตัวชัดๆ” ลู่ซีส่ายหน้ามองดูเย่ชิงหานที่นอนอยู่บนพื้นพร้อมถอนหายใจออกมาอย่างอับจนปัญญา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้