งานเลี้ยงครอบครัวพวกนี้ปกติจะจัด่กลางคืน แต่ตระกูลจิ่งนั้นค่อนข้างพิเศษ จัดขึ้นยามอี่ คือ่เวลาประมาณสิบโมงเช้า พอทุกคนกินข้าวเสร็จแล้วก็จะพูดคุยกัน แล้วก็จับคู่กันออกไปเดินเล่นไปรอบๆ ถือเป็การเดินย่อยหลังรับประทานอาหาร
ทางด้านนั้น จิ่งฉีถูกจิ่งเคอลากไปแล้ว ส่วนจิ่งเซียงมือหนึ่งดึงอ๋าวหราน อีกมือดึงจิ่งฝาน ท่าทางกลัดกลุ้มไม่มีความสุข อ๋าวหรานเห็นแล้วก็สงสาร คาดว่าเด็กสาวกำลังเสียใจเื่ของเขาอยู่
คิดแล้วก็เอานิ้วดันปลายจมูกของตัวเอง โผล่หน้าไปด้านหน้าของจิ่งเซียง เลียนแบบท่าทางจากละครเื่ “ตือโป้ยก่าย [1] ผู้สว่างสดใส” ทำเสียงเฮิงๆ [2] พูดว่า “มองข้ามองข้า รีบยิ้มเร็วเข้า”
จิ่งเซียงถูกหัวขนาดใหญ่ของอ๋าวหรานทำให้ใ มองท่าทางของเขาทำให้อดขำพรืดออกมาไม่ได้ เอ่ยว่า “อ๋าวหรานทำไมเ้าถึงโง่เช่นนี้ เ้าหมูนี่ ท่านพี่ รีบดูอ๋าวหรานเร็ว ตลกไหม”
อ๋าวหรานให้ความร่วมมืออย่างยิ่งยื่นหัวไปด้านหน้าของจิ่งฝาน ทำเสียงเฮิงๆ พูดต่อว่า “คุณชายยิ้มให้ข้าน้อยทีหนึ่งเถิด~”
พูดจบ ตัวเองกลับหัวเราะฮ่าฮ่าออกมาก่อน โผล่ฟันขาวเรียงเป็แถวและลิ้นสีชมพูอ่อน หยีตาทั้งคู่ดูวิบวับอย่างยิ่ง จนทำให้คนด้านหน้าทั้งสองมองอึ้งไป
อ๋าวหรานกลับเห็นว่าคนทั้งสองไม่ยิ้มแล้ว สงสัยถามว่า “ไม่ตลกหรือ?”
จิ่งเซียงหัวเราะฮ่าฮ่าตอบว่า “ตลก แค่ถูกท่าทางโง่ๆ ของเ้าทำให้ใ ท่านพี่ ท่านว่าจริงไหม?”
อ๋าวหรานโกรธจนอยากจะกลอกตา หากไม่ใช่เพราะเ้า คนสงวนท่าทีเช่นข้าจะทำลายภาพลักษณ์ตนเองเช่นนี้หรือ?
จิ่งเซียงถามจิ่งฝานเสร็จ ผ่านไปสักพักก็ยังไม่ได้รับการตอบกลับจากพี่ชาย นางหันหน้ากลับไปมองเห็นจิ่งฝานทำหน้าอึ้งงัน ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่จึงถามด้วยความเป็ห่วงว่า “ท่านพี่ วันนี้ท่านเป็อะไร ไม่เห็นท่านพูดจาเลย แล้วก็ไม่ยิ้มด้วย เกิดเื่อะไรขึ้นหรือ?”
อ๋าวหรานก็หันศีรษะมองจิ่งฝาน อดย้อนคิดกลับไปไม่ได้ว่า ตัวเอกวันนี้ไม่อยู่ในสภาพปกติจริงด้วย
แต่จิ่งฝานแค่สั่นศีรษะ พูดด้วยสีหน้าแปลกประหลาดว่า “ไม่มีอันใด กำลังคิดเื่บางอย่างอยู่ พวกเ้าสองคนสนุกกันเถิด ข้าจะไปเดินคนเดียว”
จิ่งฝานทิ้งคำพูดไว้แล้วก็หมุนตัวจากไป จิ่งเซียงอึ้ง นางรีบร้อนวิ่งตามไป แต่ยังมิวายหันศีรษะกลับมาพูดกับอ๋าวหรานว่า “อ๋าวหราน ข้าขอไปดูพี่ข้าก่อน!”
อ๋าวหรานสงสัยจริงๆ จิ่งฝานเป็อะไรไป? ในนิยายต้นฉบับ ตอนที่อ๋าวหรานถูกจิ่งเหวินซานบังคับถาม จิ่งฝานช่วยพูดแทนเขาอยู่ตลอด แต่ตอนนี้ ั้แ่ต้นจนจบจิ่งฝานกลับไม่พูดออกมาสักประโยคเดียว ไม่เพียงแค่นั้น อ๋าวหรานยังหวนคิดถึงแววตาที่ทำให้คนตกอกใที่ช่างฉือจายนั่น ประหลาดเกินไปแล้ว
อ๋าวหรานเดินไปคิดไป แต่ก็คิดหาสาเหตุไม่ออก อดไม่ได้ที่จะเรียกหาระบบในสมอง
อ๋าวหราน “อยู่ไหม? คุยกันหน่อย”
ระบบ “เป็อะไรอีก?”
อ๋าวหราน “ทำไมฉันถึงรู้สึกว่านายรำคาญฉันมากๆ กันนะ?”
ระบบ “เปล่า ยุ่งนิดหน่อยครับ”
อ๋าวหรานถามด้วยความสงสัย “นายเป็แค่ระบบยุ่งอะไรทั้งวันทั้งคืน?”
ระบบ “คุณมีเื่อะไร?”
อ๋าวหราน “ไม่บอกก็ช่างเถอะ ฉันอยากถามนายหน่อย ทำไมจิ่งฝานถึงดูแปลกไปนิดหน่อย ฉันรู้สึกว่ามีอยู่หลายครั้งที่เห็นสีหน้าเขาแปลกประหลาด จะพูดอย่างไรดี? แบบว่า... แววตาของเขาเหมือนกับตัวเอกใน่หลัง”
ระบบ “อืม คุณก็คงรู้สึกได้แล้ว นิสัยของตัวละครในนิยายเื่นี้ไม่ได้เหมือนกับที่บรรยายไว้ทุกประการ”
อ๋าวหราน “คนอื่นฉันไม่รู้ ประเด็นคือจิ่งฝานกับจิ่งเซียงค่อนข้างที่จะ...”
ระบบ “เมื่อก่อนเราเคยทำวิจัยครับ ผลปรากฏว่า นี่อาจเป็ผลมาจากการที่นิยายบรรยายตัวละครและเื่ราวเอาไว้ไม่สมบูรณ์นัก นิยายไม่ได้เขียนไว้ครบถ้วนทุกอย่าง ที่ที่ไม่ได้เขียนถึง เพื่อจะให้สามารถดำเนินเื่ไปได้อย่างปกติ โลกนี้ก็จะเติมให้เองโดยอัตโนมัติ ดังนั้นความแปลกประหลาดเหล่านี้อาจจะเกิดจากการแต่งเติมโดยอัตโนมัตินี้ครับ”
อ๋าวหราน “อ้อ... ดังนั้นที่นายยุ่งอยู่ทุกวันนี่ก็เพื่อวิจัยเื่พวกนี้เหรอ?”
ระบบ “จุดสนใจของคุณดูเหมือนจะเบี่ยงออกไปไกลเลยนะ”
อ๋าวหราน “ล้อเล่นน่า ฉันรู้แล้ว นึกว่าจิ่งฝานกลับชาติมาเกิดใหม่เสียอีก”
ระบบ “...”
ได้คุยกับระบบ อ๋าวหรานก็วางใจแล้ว เขาเตรียมตัวเดินกลับไปอย่างสงบนิ่ง วันนี้เขายังมีเื่สำคัญมากๆ อีกหนึ่งเื่ที่ต้องทำ!
แต่ว่าตอนนี้เขาเหมือนจะมีอีกหนึ่งเื่สำคัญที่ต้องทำแล้ว!
เหมือนเขาจะไม่รู้ว่าตัวเองเดินไปถึงไหนแล้ว!
“คุณชายอ๋าว ท่านอยู่ตรงนี้หรือ ข้ากำลังจะไปหาเพื่อคุยกับท่านอยู่พอดี ไม่คิดว่าจะบังเอิญได้เจอกับท่าน!”
อ๋าวหรานหันหลังกลับไปมอง อดค่อนแคะในใจไม่ได้ว่า มารดามันเถอะ ยังไม่ตายใจอีก!
อ๋าวหราน “ที่แท้เป็ผู้นำเซียวนี่เอง!”
เฮอะเฮอะ!
เซียวหยางผิงสีหน้าอ่อนโยน “คุณชายอ๋าวทำไมมาอยู่ตรงนี้คนเดียว? เซียงเซียงไม่อยู่กับท่านหรือ?”
อ๋าวหราน “นางมีเื่ต้องทำ ข้าเลยเดินคนเดียว”
เซียวหยางผิง “เป็เช่นนี้นี่เอง ดีเลย ข้าเดินเป็เพื่อนคุณชายอ๋าว คุณชายอ๋าวอย่ารังเกียจที่ข้าไม่น่ารักเหมือนเซียงเซียงเลยนะ!”
......
อ๋าวหราน “ผู้นำเซียวล้อข้าเล่นแล้ว”
จู่ๆ เซียวหยางผิงก็พูดด้วยสีหน้าเ็ปใจ “วันนี้เกรงว่าจะทำให้คุณชายอ๋าวลำบากแล้ว พูดถึงเื่ทรมาณใจพวกนั้น เฮ้อ คุณชายอ๋าวทำใจให้กว้าง อย่าเสียใจมากเกินไป ระวังจะกระทบกระเทือนร่างกายและจิตใจ”
อ๋าวหราน “ขอบคุณผู้นำเซียวที่เป็ห่วง อ๋าวหรานคิดตกแล้ว”
เซียวหยางผิงพูดด้วยความดีใจว่า “เป็เช่นนั้นได้ก็ดี คุณชายอ๋าวเป็คนตระกูลอ๋าวคนเดียวที่เหลืออยู่ ต้องดูแลตัวเองให้ดี สืบทอดวงศ์ตระกูลอ๋าวต่อไป ทำให้ตระกูลอ๋าวกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง”
อ๋าวหราน “ขอให้เป็ไปตามคำมงคลของผู้นำเซียว”
อ๋าวหรานแสดงสีหน้าสงบนิ่ง แต่ในใจกลับร้อนรนเล็กน้อย เขาไม่อยากรับมือกับคนผู้นี้!
เซียวหยางผิงกลับยิ้มราวกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิ “ขอให้เป็เช่นนั้น ขอให้เป็เช่นนั้น”
พูดจบก็สงสัยว่า “ในช่างฉือจาย คุณชายอ๋าวพูดว่าคนชั่วพวกนั้นอยากจะแย่งชิงคัมภีร์เพลงกระบี่ของตระกูลท่าน พวกเขาจะทำเพื่อคัมภีร์กระบี่แค่เพียงเล่มเดียว ถึงกับไม่เห็นชีวิตคนอยู่ในสายตาถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”
อ๋าวหรานพูดด้วยความโศกเศร้า “คัมภีร์เพลงกระบี่คงเป็แค่สิ่งที่พวกเขาอยากชิงติดมือไปด้วย ข้าคาดว่าพวกนั้นคงทำเพื่อตัดปัญหาเื่ที่ตระกูลอ๋าวเราไปแย่งชิงเหมืองเงินกับพวกเขา แล้วปล่อยข่าวเื่เหมืองเงินออกไป”
เซียวหยางผิง “อ่อ... เป็เป็เช่นนั้นหรือ? แค่เื่แค่นี้เองงั้นหรือ? คุณชายอ๋าวท่านแน่ใจหรือว่าพวกเขา้าชิงคัมภีร์เพลงกระบี่ของตระกูลท่านไป? ท่านเคยคิดไหมว่า... พวกเขา้าแย่งชิงคัมภีร์ลับบางอย่างไปจากตระกูลท่าน?”
อ๋าวหรานทำท่าทางสงสัย “แต่ตระกูลอ๋าวของข้า นอกจากคัมภีร์เพลงกระบี่ที่เป็คัมภีร์ลับที่ค่อนข้างสำคัญแล้ว ยังมีอย่างอื่นอีกงั้นหรือ?”
เซียวอย่างผิงพูดอย่างร้อนรน “ไม่มีอย่างอื่นหรือ? เช่นสูตรลับทำให้เป็ะอะไรพวกนี้?”
อ๋าวหรานทำสีหน้าแปลกประหลาดตอบ “สูตรลับทำให้เป็ะ? มีของแบบนี้ด้วยหรือ? นั่นเป็เื่หลอกลวงเสียมากกว่า ผู้นำเซียว ท่านเชื่อเื่พวกนี้ด้วยหรือ?”
เซียวหยางผิง “ก็แค่ก็แค่ถามดู แค่ถามดู”
อ๋าวหรานแปลกใจ “ทำไมผู้นำเซียวจึงถามเช่นนี้? ไม่ใช่ว่า... พวกนั้นคิดว่าตระกูลอ๋าวของข้ามีคัมภีร์์เช่นนั้น? ถ้าหากตระกูลอ๋าวของข้ามีของเช่นนี้จริง คงฝึกเองไปตั้งนานแล้ว เหตุใดจึงต้องลำบากแอบไว้ให้เป็ภัยแก่ตนเอง อีกทั้งั้แ่รุ่นบรรพบุรุษเป็ต้นมายังมีอายุยืนยาวได้อย่างมากก็ร้อยสิบกว่าปีเท่านั้น! นี่มัน... นี่มันไร้เหตุผลเหลือเกิน! ไร้เหตุผลเกินไป!”
พูดถึงตอนสุดท้าย อ๋าวหรานก็โกรธจนไม่สามารถพูดประโยคนั้นออกมาได้อย่างไม่ติดขัด!
อ๋าวหรานพูดด้วยความโมโหต่อไปว่า “ผู้นำเซียวบอกได้หรือไม่ว่ารู้ข่าวนี้มาได้อย่างไร? ถ้าหากว่าจริง ต่อให้ต้องเอาชีวิตเข้าแลกข้าก็จะต้องสู้กับตระกูลเฉินนั่นดูสักตั้ง!”
เซียวหยางผิงรีบพูดปลอบใจว่า “คุณชายอ๋าวอย่าตระหนกใเกินไป เื่พวกนี้ข้าแค่ฟังมาจากที่โรงน้ำชาและร้านเหล้าเท่านั้น เป็แค่การคาดเดาของคนในยุทธภพ เกรงว่าคงไม่เป็ความจริงเท่าไรนัก”
เมื่อฟังจบ อ๋าวหรานเหมือนจะสงบนิ่งลงเล็กน้อย “ก็จริง ตระกูลเฉินนั้นต่อให้จะโอหังไร้มารยาทเพียงใดก็คงไม่ทำเพื่อของที่แม้แต่เด็กสามขวบยังไม่เชื่อพวกนี้ แล้วมาฆ่าล้างตระกูลอ๋าวของข้าหรอก!”
เซียวหยางผิงยังอดถามอีกไม่ได้ว่า “คุณชายอ๋าวแน่ใจหรือว่าเป็คนตระกูลเฉิน?”
อ๋าวหราน “เหอะ! พวกนั้นปิดหน้า ชุดดำทั้งตัว แท้จริงยากจะตัดสินว่าเป็ใคร แต่ได้ยินคนคุ้มกันตระกูลข้าตอบบิดาข้าว่าน่าจะเป็พวกตระกูลเฉิน เหมือนพวกนั้นจะพูดถึงเื่เหมืองเงิน”
เซียวหยาบผิง “อา... เป็เช่นนี้เอง เฮ้อ... ตระกูลเฉินนี่น่ารังเกียจเสียจริง หากวันหน้าคุณชายอ๋าว้าแก้แค้น ตระกูลเซียวของข้าจะต้องช่วยคุณชายอ๋าวอีกแรงอย่างแน่นอน”
อ๋าวหรานทั้งตกตะลึงทั้งดีใจ “จริงหรือ? ข้า อ๋าวหรานขอบคุณผู้นำเซียว พระคุณนี้ไม่อาจบรรยายออกมาเป็คำพูดได้!”
เซียวหยางผิง “ฮ่าฮ่าฮ่า คุณชายอ๋าวไม่ต้องเกรงใจ”
อ๋าวหรานมองดูเซียวหยางผิงที่พยายามคงรอยยิ้มไว้บนใบหน้าอย่างยากลำบาก พูดในใจว่า อา... สงสัยเซียวหยางผิงคงไม่คิดว่าเขาจะไม่เกรงใจถึงขนาดนี้สินะ
จิ่งเซียง “พี่ เื่ของท่านคิดตกหรือยัง?”
จิ่งเซียง “อา? ท่านพี่ นั่นดูเหมือนว่าจะเป็อ๋าวหรานกับอาเขยเล็กนะ พวกเขากำลังพูดอะไรกันอยู่ ยิ้มมีความสุขปานนั้น ท่านพี่ ข้าไม่ค่อยชอบอาเขยเล็กเลย”
จิ่งเซียง “ท่านพี่?”
จิ่งเซียงแปลกใจว่าทำไมจิ่งฝานถึงไม่พูดเลยจึงหันศีรษะไปมอง กลับมองเห็นพี่ชายที่ปกตินุ่มนวลอ่อนโยนดังหยกตอนนี้ั์ตาลึกล้ำมืดมิดราวราตรีกาล ทั้งร่างแผ่บรรยากาศน่าใ เย็นเฉียบเหมือนบ่อน้ำเย็น จิ่งเซียงอดตะลึงไม่ได้ เสียงสั่นถามว่า “ท่านพี่... ท่านเป็อะไร? ท่านอย่าทำให้ข้าใสิ!”
จิ่งฝานมองจิ่งเซียง เก็บจิตสังหารที่แผ่มารอบตัว “ไม่เป็ไร ่นี้พี่มีเื่ให้วุ่นวายใจ ไม่ต้องกลัว ไม่เป็อันใดแล้ว!”
จิ่งเซียงกลับคิดว่า ‘ไม่เป็อันใดแล้ว’ สองคำนั้นเหมือนมีดคมกริบสองเล่ม
ไม่เป็อันใดแล้วจริงหรือ?
เชิงอรรถ
[1] ตือโป๊ยก่าย มีอีกชื่อหนึ่งคือ “ตือหงอเหนง” ตัวละครจากวรรณกรรมเื่ไซอิ๋ว เป็ศิษย์คนที่สองของพระถังซัมจั๋งต่อจากซุนหงอคง มีรูปร่างและหน้าตาเป็หมู
[2] เฮิงๆ เลียนแบบเสียงร้องของหมู