บทที่ 9 ตลาดของเก่าเมืองหลีฮวา
สองแม่ลูกทานอาหารกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว จางหมี่ก็นั่งปรึกษากับแม่ของเธอเื่ที่้าจะไปดูของเก่าที่ตลาดของเก่าเมืองหลีฮวาที่ห่างออกไปจากที่นี่ประมาณ 3 ชั่วโมง จางเจินนั้นเป็ห่วงที่ลูกสาวของเธอเป็เด็กสาวที่จะต้องไปเดินที่ตลาดแห่งนั้นคนเดียวเธอจึงบอกว่าให้รอจนถึงวันเสาร์ที่จะเป็วันหยุดแล้วเธอจะไปด้วย เพราะถึงอย่างไรจางหมี่ก็เพิ่งจะออกจากโรงพยาบาลเธอเป็ห่วงที่จะให้ลูกไปคนเดียว ซึ่งจางหมี่ก็ตกลงที่จะรอแม่ของเธอ
เช้าวันเสาร์มาถึงอย่างรวดเร็วสองแม่ลูกออกเดินทางไปที่ตลาดเก่าเมืองหลีฮวาทันที รอบนี้ทั้งสองคนนั่งรถรับจ้างไปเพราะถึงอย่างไรตอนนี้พวกเธอก็มีเงินเพียงพอที่จะจ่ายได้อย่างสบายอยู่แล้ว เมื่อเดินทางมาถึงตลาดเก่าเมืองหลีฮวา แสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านหลังคาสังกะสีเก่าๆ ของตลาด เผยให้เห็นร่องรอยสนิมเกาะกิน บ่งบอกถึงกาลเวลาที่ผันผ่าน ร้านค้าเรียงรายสองข้างทาง เต็มไปด้วยของเก่ามากมายหลากหลายประเภท กลิ่นอายของอดีตโชยมาแตะจมูก กระตุ้นความทรงจำและจินตนาการ
เสียงพ่อค้าแม่ค้าะโเรียกลูกค้า ดังก้องไปทั่วตลาด เด็กๆ วิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน พ่อค้าแม่ค้าเดินไปมาทักทาย ยิ้มแย้มแจ่มใส ทักทายกันด้วยความคุ้นเคย บรรยากาศอบอุ่น เต็มไปด้วยมิตรไมตรี
สองแม่ลูกเดินผ่านร้านขายของเก่าต่างๆ ของสะสมล้ำค่าเรียงรายบนชั้นวาง มีทั้งเครื่องปั้นดินเผา เหรียญโบราณ โต๊ะ ตู้เก้าอี้ไม้สักเก่า ของเล่นโบราณ ตุ๊กตาหมีเก่าๆ หนังสือเก่าหน้าปกซีดจาง นาฬิกาโบราณที่หยุดเดิน เข็มทิศเก่าบอกทิศทางที่เลือนราง ข้าวของมากมายแต่ละร้านจัดเรียงเอาไว้ให้ลูกค้าที่เข้ามาเพื่อซื้อหาและเสี่ยงโชค
สองแม่ลูกเดินชมตลาดอย่างเพลิดเพลิน หยุดแวะร้านนู้นร้านนี้ เลือกซื้อของเก่าที่ถูกใจ พูดคุยกับพ่อค้าแม่ค้า ถามไถ่เื่ราวต่างๆ ของของเก่าแต่ละชิ้น รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของทั้งคู่ ความสุขเล็กๆ น้อยๆ เกิดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศอบอุ่นของตลาดเก่าเมืองหลีฮวาตลาดเก่าแห่งนี้ก็ยังมีเสน่ห์ดึงดูดผู้คนให้เข้ามาเยือน ด้วยบรรยากาศโบราณที่หาไม่ได้จากที่ไหนเหมือนกับว่าได้ย้อนเวลากลับไปสู่อดีตััวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม
ความสกปรกทรุดโทรมกลับกลายเป็เสน่ห์ สะท้อนให้เห็นถึงกาลเวลาที่ผันผ่าน บ่งบอกถึงเื่ราวในอดีต ชวนให้จินตนาการถึงผู้คนและเหตุการณ์ต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นในสถานที่แห่งนี้ตลาดเก่าเมืองหลีฮวา เปรียบเสมือนเพชรที่รอการเจียระไน แม้จะดูเก่า โทรม และสกปรก แต่ภายในยังแฝงไว้ด้วยคุณค่ามนต์ขลัง และเื่ราวมากมาย รอให้ผู้คนมาค้นหาและัั
จางหมี่เดินจูงมือแม่ของเธอเดินผ่านร้านรวงต่างๆ สายตาของเธอจับจ้องไปที่ของเก่ามากมาย เรียงรายอยู่บนชั้นวาง แสงแดดสาดส่องผ่านหลังคาสังกะสีเก่าๆ สะท้อนให้เห็นถึงความเก่าแก่ของของสะสมเหล่านี้
จางหมี่รู้สึกบรรยากาศที่นี่ช่างแปลกตา เต็มไปด้วยกลิ่นอายของอดีต เสียงพ่อค้าแม่ค้าะโเรียกลูกค้า ดังก้องไปทั่ว ผู้คนแต่งกายกันหลากหลายแม่ค้าบางคนก็ยังใส่ชุดโบราณยืนขายของอยู่หน้าร้าน ยิ้มแย้มแจ่มใสทักทายกันด้วยความคุ้นเคย
จางหมี่และแม่เดินเล่นดูของกันอยู่สักพัก จนมาถึงร้านขนาดใหญ่ที่มีคนยืนออกันหลายคนเมื่อมองเข้าไปข้างในเธอเห็นชายสูงวัยคนหนึ่งกำลังใช้แว่นขยายส่องดูแหวนหยกเก่าวงหนึ่งอย่างตั้งใจ
ชายวัยกลางคน คนนั้นมีใบหน้าที่เคร่งขรึม แววตาของเขาดูจดจ่ออยู่กับแหวนหยกในมือรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าของเขาบ่งบอกถึงประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในอาชีพมาก
จางหมี่รู้สึกอยากรู้ขึ้นมาว่าแหวนหยกวงนั้นเป็ของจริงหรือของปลอม เธอจึงดึงแม่ของเธอเข้าไปใกล้ๆ ร้านเพื่อดูให้ชัดขึ้น
ภายในร้านชายสูงวัยวางแหวนหยกไว้บนผ้ากำมะหยี่สีดำ แสงไฟส่องลงมาทำให้แหวนหยกเปล่งประกายระยิบระยับเขาใช้แว่นขยายส่องดูอย่างละเอียด ตรวจสอบทุกซอกทุกมุม
"แหวนวงนี้เป็ของแท้แน่นอน" ชายสูงวัยพูดขึ้น น้ำเสียงของเขาหนักแน่น เต็มไปด้วยความมั่นใจ
"คุณแน่ใจหรือคะ?" หญิงสาวคนหนึ่งในกลุ่มลูกค้าถามขึ้น
"แน่นอนครับ ผมดูแหวนหยกมานานหลายสิบปีแล้ว ไม่ได้พลาดหรอกครับ" ชายสูงวัยตอบ
"แล้วราคาเท่าไหร่คะ?" เสียงถามออกไปด้วยความตื่นเต้น
"ราคาเท่าที่ผมประเมินได้อาจจะประมาณห้าแสนหยวน" ชายสูงวัยตอบ
"โอ้โห แพงจัง!" หญิงสาวอุทาน
"ของแท้ ราคาก็ย่อมสูงเป็ธรรมดา" ชายสูงวัยพูด
จางหมี่ฟังบทสนทนาของพวกเขาด้วยความสนใจ
เธอรู้สึกทึ่งในความรู้และประสบการณ์ของชายสูงวัยคนนี้ เธออยากรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับแหวนหยกวงนี้ ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไรจางหมี่ตัดสินใจใช้ดวงตาทิพย์เพื่อดูข้อมูลเกี่ยวกับแหวนหยกวงนี้ ในขณะที่เธอใช้ดวงตาทิพย์ หลี่หลินฟง เงยหน้าขึ้นมาสายตาของเขาจับจ้องไปที่จางหมี่ รอยยิ้มเล็กๆ ปรากฏบนมุมปากของเขา จากนั้นเขาก็ก้มหน้าลงเพื่อตรวจดูแหวนหยกในมืออีกครั้งเหมือนไม่ได้ใส่ใจอะไร
จางหมี่นั้นไม่ได้มองดูชายชราคนนั้น เธอกำหนดพลังปราณภายในร่างกายของเธอเริ่มหมุนวนอย่างรวดเร็วจากจุดศูนย์กลางหน้าผาก ไหลผ่านเส้นลมปราณ มุ่งสู่ดวงตา เปลี่ยนดวงตาสีดำขลับให้กลายเป็ดวงตาเทพสดใสเพียงเสี้ยววินาที ก่อนที่จะเปลี่ยนกลับมาเป็ดวงตาสีดำขลับและเส้นแสงสีทองล้อมรอบั์ตาสีดำของเธอ นี่คือการใช้ตาทิพย์
เธอมองดูแหวนอย่างตั้งใจ ทันใดนั้น ภาพแปลกๆ ก็ปรากฏขึ้นในหัวของเธอเธอเห็นภาพผู้หญิงคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดโบราณ ผู้หญิงคนนั้นสวยงามมาก เธอกำลังสวมแหวนหยกวงนี้บนนิ้วของเธอ ผู้หญิงคนนั้นยิ้มตลอดเวลารอยยิ้มของเธอดูอบอุ่นและอ่อนโยนเธอมองดูแหวนหยกในมือด้วยสายตาที่ลุ่มหลง จางหมี่รู้สึกเหมือนถูกดึงดูดเข้าไปในภาพนั้น สักพักภาพนั้นค่อยๆ เลือนหายไป จางหมี่เงยหน้าขึ้นมา มองดูชายสูงวัยคนนั้นเหมือนจะรอให้เธอเงยหน้ามอง เขาไม่พูดอะไร
สิ่งที่จางหมี่เห็นคือ ภาพอดีตเ้าของแหวนคนนี้ ผู้หญิงคนนั้นน่าจะเป็หญิงสาวจากตระกูลขุนนาง เธอรักแหวนวงนี้มาก เธอสวมมันติดตัวเสมอและตอนที่เธอเสียชีวิตเธอยังสวมแหวนวงนี้อยู่ จางหมี่มองดูเหตุการณ์อยู่สักพักหนึ่งก็เดินจูงแม่ของเธอออกมา หลี่หลินฟงมองดูสองแม่ลูกที่เดินออกจากร้านของเขาไป ดวงตาของเปล่งประกายบางอย่างขึ้นมา
“น้องสาวแวะดูชามโบราณที่ร้านผมก่อนสิครับ ผมเพิ่งจะได้มาจากหมู่บ้านโบราณเมื่อวันก่อนเองนะครับ ไม่แน่ว่าโชคนี้อาจจะเป็ของน้องสาวก็ได้”
เสียงเรียกของเถ้าแก่ร้านขายชามโบราณเรียกสองแม่ลูกให้หยุดดูของที่ร้านของเขาเมื่อจางหมี่ได้ยินประโยคนี้ เธอหันไปมองที่ร้านของเถ้าแก่ สมัยนี้คนขายของโบราณจำนวน 10 คนจะมีอยู่ 9 คนบอกว่าเป็ของโบราณจากหมู่บ้านเก่าแก่หรือหมู่บ้านโบราณ ส่วนอีก 1 คนที่เหลือจะบอกว่าเป็มรดกตกทอดมาจากบรรพบุรุษ วงการวัตถุโบราณพวกนี้ห้ามเชื่อลมปากของคนขายของอย่างเด็ดขาดทีเดียว
เสียงของเถ้าแก่ร้านขายชามโบราณ ดึงดูดความสนใจของสองแม่ลูก จางหมี่หันไปมองร้านของเขาด้วยความสงสัย ป้ายผ้าสีซีดเก่าๆ เขียนว่า "ร้านขายของโบราณตระกูลซุน" แขวนอยู่หน้าร้าน ภายในร้านเต็มไปด้วยชามโบราณหลากหลายรูปแบบ วางเรียงรายบนชั้นวางไม้เก่าๆ จางหมี่มองดูชามโบราณเ่าั้ด้วยความสนใจ เธอก็รู้ดีว่าของเก่าบางชิ้นก็เป็ของปลอม หลอกลวงนักสะสมเถ้าแก่ร้านขายชามโบราณเป็ชายวัยกลางคน รูปร่างผอมสูง ใบหน้าของเขาดูจริงจัง เขายิ้มให้สองแม่ลูกและพูดว่า
"เชิญครับ เชิญชมชามโบราณของผม ของพวกนี้ผมเพิ่งได้มาจากหมู่บ้านโบราณเมื่อวันก่อนเองนะครับ ไม่แน่ว่าโชคนี้อาจจะเป็ของน้องสาวก็ได้"
อย่างไรก็ตามเธอและแม่ก็เดินเข้าไปดูในร้านของเถ้าแก่ เธอมองดูชามใบที่เถ้าแก่กำลังนำเสนออยู่ เธอหยิบชามใบเล็กสีน้ำเงินขึ้นมาััดูสักพัก เมื่อเธอลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เถ้าแก่ก็พูดถึงจุดเด่นของชามใบนี้ทันที
“เด็กน้อยตาดีไม่เลวเลยนะ นี่เป็ชามลายครามเขียนลวดลายเป็ดอกเหมยฮวาพันเกลียวแห่งราชวงศ์ต้าชิง เป็ของล้ำค่าที่หาได้ยากมากเลยนะ”
เถ้าแก่พูดด้วยน้ำเสียงที่น่าสนใจเป็อย่างมาก เขาพยายามพูดจุดเด่นของชามใบนีจางหมี่มองดูชามโบราณอย่างพินิจพิเคราะห์ เธอเห็นรอยร้าวและรอยขีดข่วนบนชามบางชิ้น บ่งบอกถึงอายุที่เก่าแก่ แต่เธอก็ไม่แน่ใจว่าชามเหล่านี้เป็ของจริงหรือของปลอม เธอมองดูแม่ของเธอ แม่ของเธอก็ดูสนใจชามโบราณเหล่านี้เช่นกัน แต่เธอก็ลังเลเช่นเดียวกับจางหมี่ เธอตัดสินใจลองใช้ดวงตาทิพย์ดู เธอหลับตาลง สมาธิจดจ่อไปที่ชามโบราณเ่าั้ แต่สิ่งที่เห็นนั้นไม่ใช้ชามโบราณแต่อย่างใด กลับเป็ภาพของโรงงานเก่าๆ ที่กำลังทำชามใบนี้ขึ้นมาซึ่งมันเพิ่งจะถูกทำขึ้นมาเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้เอง จางหมี่เงยหน้ามองเถ้าแก่เ้าของร้านแต่เธอไม่พูดอะไร
ทันใดนั้นสายตาของเธอก็มองทะลุไปด้านหลังของเขาเห็นกองชามเก่าๆ 3-4 ใบกองเกะกะอยู่โดยไม่ได้รับการใส่ใจแต่อย่างใด จางหมี่หลับตาแล้วใช้ตาทิพย์มองอีกครั้ง ภาพแปลกๆ ก็ปรากฏขึ้นในหัวของเธอ เธอเห็นภาพหมู่บ้านโบราณแห่งหนึ่ง ชาวบ้านกำลังทำเครื่องปั้นดินเผา มีทั้งชาม แจกัน และตุ๊กตา พวกเขาต่างก็แต่งกายในชุดโบราณ ทั้งบ้านช่องก็เป็บ้านดินอยู่เลย จางหมี่ใช้สายตามองไปรอบๆ อีกครั้ง เธอเห็นชายชราคนหนึ่งกำลังปั้นชามใบนี้ด้วยความด้วยความตั้งใจ ใบหน้าของเขาดูมีความสุขภาพนั้นค่อยๆ เลือนหายไป จางหมี่เงยหน้าขึ้นมา มองดูชามโบราณ3-4 ใบนั้นอีกครั้ง
เธอก็รู้ว่าชามโบราณเหล่านี้เป็ของจริงแน่แล้ว จางหมี่ละสายตาจากกองชามด้านหลังและหันมาพูดกับเ้าแก่เ้าของร้าน
“ ชามใบนี้ฉันยังไม่สนใจค่ะ แต่ฉันอยากจะดูชามสามสีใบด้านหลังที่กองอยู่ตรงนั้นมากกว่าคะเถ้าแก่”
จางหมี่พูดขึ้นมา พลางชี้นิ้วไปที่กองชามที่วางซุกๆ เอาไว้อยู่ตรงมุมนั้น..
*** ตาดีจังเลย***
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้