วิชายุทธ์เนี่ยผานพบได้ไม่บ่อยนัก เรียกได้ว่ามีอยู่น้อยมาก แม้สำนักใหญ่อย่างสำนักิเจี้ยน ก็ยังไม่พบตำราวิชายุทธ์เนี่ยผานนี้เลย
หยวนจุนเลือกฝึกปางมือมรณาเก้าท่า เพราะมีความคุ้นเคยกับตำราวิชายุทธ์นี้เป็อย่างดี
แม้เป็เพียงวิชายุทธ์เนี่ยผานขั้นต้น แต่ถ้าหากฝึกฝนไปจนถึงขีดสุดก็จะเหนือกว่าวิชายุทธ์เนี่ยผานขั้นต้นทั่วไป สามารถเทียบได้กับวิชายุทธ์เจวี๋ยซื่อขั้นสูง
วิชายุทธ์นี้ใช้มือทำท่า โดยมีทั้งหมดเก้าท่าที่ทำให้สิ้นชีพ จึงเรียกว่าปางมือมรณา แล้วลงท้ายด้วยคำว่าเก้าท่า ทุกครั้งที่บรรลุหนึ่งท่า จะสามารถแสดงพลังได้มากกว่าท่าก่อนหน้าถึงสิบเท่า
เก้าท่าปรากฏ กวาดทุกสารทิศ! ที่ใดได้รับผลจากปางมือมรณาเก้าท่า ที่นั่นจะเสียหายหมดสิ้น ทุกสิ่งตาย ไร้ชีวิต!
ในการฝึกวิชายุทธ์นี้ ต้องใช้เวทเก้าอักษร ได้แก่ หลิน[1] ปิง โต้ว เจ่อ เจีย ซู่ จู่ เฉียน และหัง! ซึ่งแต่ละเวทนั้นเป็ตัวกำหนดว่าจะใช้พลังปางมือมรณาได้ถึงขีดสุดหรือไม่!
“ปางมือมรณาท่าที่หนึ่ง ประสานปราณดารา จมสู่พื้นดิน เรียกว่าปางมืออจละ!”
“ปางมือมรณาท่าที่สอง ร่างดั่งลม กายดั่งกระแสไฟ ทะลวงสามชั้นฟ้า เรียกว่าปางมือวัชระ!”
“ปางมือมรณาท่าที่เก้า ครองยึดฟ้าดิน ผสานแปรเปลี่ยน เรียกว่าปางมือเทวาพิโรธ!”
หยวนจุนเลียริมฝีปาก หายใจหอบเหนื่อยเล็กน้อย วิชายุทธ์นี้ถือว่าเป็สมบัติล้ำค่า หลังจากควบคุมปางมือมรณาเก้าท่าได้แล้ว คู่ต่อสู้ที่อยู่ระดับเดียวกันก็จะน้อยลง!
“ถ้าใช้พลังปางมือมรณาท่าที่หนึ่งเต็มที่จะสามารถเทียบได้กับวิชายุทธ์เ้าฮั่วระดับสูง! เช่นนั้นระดับการฝึกคงต้องยากอยู่แล้ว ยังดีที่ข้ามีประสบการณ์การฝึกฝน ตราบใดที่ร่างกายสามารถตอบสนองได้ การฝึกฝนวิชาปางมือขั้นสูงสุดภายในเวลาอันสั้น ก็ไม่ใช่เื่ที่เป็ไปไม่ได้!”
เมื่อคิดได้หยวนจุนจึงทำท่าทาง แววตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
อักษรลับเก้าตะวันลอยวนอย่างรวดเร็ว ร่างกายถูกปกคลุมด้วยชั้นแสงสีเหลืองอ่อน ก่อนที่แสงนั้นจะมารวมกันอยู่ที่มืออย่างต่อเนื่อง และหมุนวนตามท่าที่หนึ่งของปางมือมรณาเก้าท่า
การเพิ่มพลังปางมือไม่ได้ง่ายอย่างที่เขาคิด หลังจากใช้เวลาในการฝึกฝนไปประมาณสามสี่วัน บนฝ่ามือของหยวนจุนก็มีพลังที่น่ากลัวปรากฏขึ้นมา
ฝ่ามือนี้มีปราณดารามหาศาล เปลวไฟลุกโชนตลอดเวลา ทำให้ภายในรัศมีร้อยเมตรมีอุณหภูมิสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
หากสังเกตดูดีๆ จะเห็นเงาเสมือนจริงของอี้เสอ[2] ขดอยู่ภายในเปลวไฟปางมือมรณา
“ปางมือมรณาท่าที่หนึ่ง ปางมืออจละ!”
เมื่อเห็นก้อนหินใหญ่บนเนินเขาตรงหน้า หยวนจุนถ่ายพลังเปลวไฟที่ปางมือ กลายเป็คลื่นเปลวไฟที่ส่งเสียงคำราม เปลวไฟปางมือมรณาขยายใหญ่ขึ้น ชนก้อนหินจนสั่นะเื
“ตูม”
“ครืน”
หินก้อนใหญ่บนเนินเขาเกิดรอยร้าวนับไม่ถ้วน จากนั้นก็ะเิออกเป็เศษหิน
หากเทียบกับวิชาเ้าฮั่วขั้นสูง ปางมือมรณาท่าที่หนึ่งเหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด แต่กระนั้นหยวนจุนก็ยังไม่พอใจกับผลที่ได้
“ปางมือมรณาเก้าท่า ความรุนแรงแตกต่างจากหลักที่ควรจะเป็อย่างสิ้นเชิง ปางมืออจละไม่ใช่การะเิภายนอกเช่นนี้ ยิ่งเกิดการเคลื่อนไหวมากเท่าไร พลังการบ่มเพาะก็ยิ่งน้อยลงเท่านั้น”
หยวนจุนผ่อนคลายกล้ามเนื้อในร่างกาย นั่งขัดสมาธิ นึกย้อนเกี่ยวกับพลังเวทของปางมือมรณาท่าที่หนึ่ง
การแสดงพลังของปางมืออจละนั้นจิตใจต้องมั่นคง ไม่วอกแวก ไม่ว่าคู่ต่อสู้จะมีหรือไม่ จะแข็งแกร่งหรืออ่อนแอ ก็ห้ามให้สิ่งรอบข้างมารบกวนจิตใจ
มีใจยึดมั่น ไม่ตื่นตระหนก ไม่กลัวอันตราย จึงจะสามารถควบคุมเวทของปางมือท่าที่หนึ่งได้
หลิน!
เป็อย่างที่เขาคิด หยวนจุนแสดงปางมืออีกครั้ง กระแสลมแรงพัดให้ผมสีดำยาวของเขาปลิวไสว
ปางมือมรณาท่าที่หนึ่งเลื่องลืออย่างที่เคยได้ยิน แม้เปลวไฟปางมือมีขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ก็ส่งแรงกระแทกออกมาต่อเนื่อง ลุกโชนไม่หยุด ไม่มีท่าทีว่าจะพัดตามลม
“ตุ๋ม”
เสียงหินร่วงลงลำธารระหว่างูเา บนกำแพงหินปรากฏรอยฝ่ามือหนักยาวหลายจั้ง
นอกจากเศษหินเล็กๆ ที่ตกลงมาจากรอยแยกแล้ว หินที่เหลือยังถูกพลังของหยวนจุนทุ่มเข้าใส่อย่างเต็มที่ ทำให้เกิดรอยใหญ่บนกำแพงหิน
เมื่อเห็นการทำลายของปางมือมรณาท่าที่หนึ่ง หยวนจุนก็ยิ้มมุมปากอย่างพอใจ และหัวเราะอย่างสุดเสียง
เขาใช้เวลาห้าวันในการฝึกปางมือมรณาท่าที่หนึ่งจนสำเร็จ! อย่างที่รู้ วิชายุทธ์เนี่ยผานเป็วิชายุทธ์ขั้นสุดยอด เป็เื่ยากที่จะเข้าใจภายในเวลาอันสั้น
และเพราะเขามีประสบการณ์การฝึกฝนในชาติที่แล้ว จึงทำให้เขามีพื้นฐานที่ดี สามารถถ่ายทอดพลังได้อย่างเต็มที่
หยวนจุนรู้สึกว่าปราณดาราภายในถูกใช้จนหมดแล้ว จึงนั่งขัดสมาธิอีกครั้ง เพื่อดูดซับพลังโอสถที่ถูกปลุกขึ้นภายใน
กระแสปราณเปรียบเสมือนแก้วน้ำโปร่งใส เมื่อปราณดาราถูกกลั่นอย่างต่อเนื่อง ไม่นานภายในก็เต็มไปด้วยพลังปราณดังเดิม
“เคร้ง ครืน ครืน”
ทันทีที่เขาลืมตา ก็มีเสียงปะทะกันของโลหะและเสียงะเิ ที่มาจากฝั่งลำธารบนูเาซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก
หลังจากได้ยินเสียงคน ก็ได้ยินเสียงคำรามของสัตว์อสูรตามมาอย่างไม่ขาดสาย แม้จะอยู่ไกล แต่เขาก็รับรู้ได้ถึงแรงสั่นะเืที่ใต้ฝ่าเท้า
“มีพละกำลังขนาดนี้ น่าจะเป็สัตว์อสูรระดับสอง! สำหรับนักยุทธ์ระดับดาราวงแหวนเล็กขั้นสอง ถือเป็คู่ต่อสู้ที่รับมือได้ยาก ข้าเพิ่งบรรลุระดับดาราวงแหวนใหญ่ขั้นหนึ่งได้ไม่นาน ทางที่ดีไม่ควรเข้าไปเสี่ยงจะดีกว่า หาทางออกไปจากที่นี่เป็การดีที่สุด”
หยวนจุนพยักหน้ากับตนเองและวิ่งสุดกำลัง เศษหินเศษดินปลิวกระเด็น แค่พริบตาเขาก็วิ่งไปไกลเกือบยี่สิบเมตรแล้ว
“กรรซ์”
หยวนจุนที่ไม่ได้สนใจสัตว์อสูรเลย จู่ๆ ก็ได้ยินคำรามดุร้ายมาจากด้านหลัง และได้กลิ่นเหม็นสาบจากสิ่งที่กำลังจะพุ่งมาตะครุบตัวเขา
“กึก กึก กึก”
ขณะเดียวกันสามคนที่ถูกสัตว์อสูรตามก็ะโข้ามตัวหยวนจุน แล้วกลิ้งลงไปบนพื้น
“ศิษย์สำนักิเจี้ยน?” เมื่อมองสามคนที่อยู่ในสภาพมอมแมม หยวนจุนก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย พวกเขาสวมเสื้อผ้าเหมือนกัน กระบี่ยาวก็เป็กระบี่ของสำนักิเจี้ยน เห็นได้ชัดว่านี่เป็ศิษย์ฝ่ายนอกที่เพิ่งเข้ามาได้ไม่นาน
ในสามคนนั้น สองคนอยู่ระดับดาราวงแหวนใหญ่ขั้นหนึ่ง ส่วนชายร่างผอมสูงที่อยู่ตรงกลางมีพลังมากกว่า แต่ก็เป็เพียงระดับดาราวงแหวนเล็กขั้นสอง
สัตว์อสูรที่ไล่ตามสามคนนั้นมา ลำตัวกว้างเก้าจั้ง ขนเส้นเล็กแหลมราวกับเข็ม ตาเหมือนกระดิ่ง มีน้ำลายเหม็นหยดลงมาตามเขี้ยวขาว
“สัตว์อสูรระดับสองขั้นสูง หมีหางงู!”
เมื่อเห็นร่างใหญ่นั้นหันหน้าเข้าหาเขา หยวนจุนก็เสียวสันหลังวาบ แม้เป็ระดับดาราวงแหวนเล็กขั้นสองก็ยังหนีจากกรงเล็บของมันไม่ได้เลย คราวนี้ดูท่าจะได้เจอปัญหาใหญ่แล้ว
“ประ...ประ ประมุขน้อย!? เป็ประมุขน้อยจริงๆ ด้วย!” เมื่อทั้งสามคนเห็นหยวนจุน สายตาก็แสดงความใ จากนั้นร่างกายพวกเขาก็ถูกปกคลุมไปด้วยความกลัว
“ทำไม พวกเ้าแปลกใจที่เห็นข้าหรือ? ศิษย์ฝ่ายในจะไม่มาเขาหวงต้วนโดยไร้เหตุผล นอกจากมีภารกิจเท่านั้น แล้วพวกเ้าเป็ศิษย์ฝ่ายนอกด้วยยิ่งไม่ได้ นี่เป็กฎของสำนักิเจี้ยนที่มีมานาน”
“พวกเ้าสามคน สะกดรอยตามข้า!?”
[1] เป็เวทลับที่มาจากลัทธิเต๋า ซึ่งหลิน ปิง โต้ว เจ่อ เจีย ซู่ จู่ เฉียน และหัง หมายถึง พวกที่เผชิญกองทัพเรียงรายเบื้องหน้า เดินหน้าโดยไม่หลีกหนี
[2] ัมีปีกพันธุ์หนึ่ง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้