วันนี้ ลูกหลานในตระกูลหลงแสดงให้ผู้าุโเห็นถึงความกล้าหาญ ทำให้ผู้าุโชื่นมื่น เพราะการขับเคลื่อนของหลงเหยียนจึงทำให้ทุกคนในตระกูลหลงมีแรงต่อสู้
ไม่นานหลงกงฉู่ก็มองไปทางหลงเหยียน มือใหญ่ๆ จับไหล่ของหลงเหยียน
“เหยียนเอ๋อ เข้ามานี่ ข้ามีเื่อยากถาม”
หลงเหยียยเดินตามผู้าุโ หลบทุกคนในตระกูล
หลงกงฉู่ถามหลงเหยียน “เหยียนเอ๋อ เื่เมื่อครู่ที่เ้าพูดมาเป็ความจริงหรือ? ด้วยพลังจิตระดับชีพัขั้นที่เก้าของข้า เกรงว่าเ้าคงไม่มีโอกาสไปถึงตรงหน้าเซียนหอมหมื่นลี้แน่ แล้วเ้าพบมันได้อย่างไร อีกทั้งคนของสำนักมารนั่นด้วย? พละกำลังของพวกเขาไม่ต่ำกว่าข้าหรือ? ทุกอย่างที่พูดมาเป็จริงหรือไม่?”
ตอนนั้นหลงเหยียนไม่ได้เข้าใกล้จริงๆ ทว่าเขาได้ยินมาจากราชสีห์หิรัณย์อีกที อีกทั้งยังมีคำพูดจากปากของตัวแทนของตระกูลอู่ตี้ สองคนนั้นเป็คนจากสำนักมารจริงๆ หลงเหยียนถึงมั่นใจ และเชื่อว่าราชสีห์หิรัณย์ไม่หลอกตน เพราะเื่ในครั้งนี้เกี่ยวเนื่องไปถึงความเป็ความตายของคนในตระกูล เื่สำคัญเช่นนี้ เขาจะโกหกได้อย่างไร
หลงเหยียนพยักหน้า “ท่านปู่ ข้าขอเอาชีวิตตัวเองเป็ประกันเลย เื่ที่พูดมาเป็จริงทุกประการ อีกอย่างหนึ่ง ข้ารู้ดีว่าเื่ไหนสำคัญเพียงใด…”
ขณะที่พูด หลงเหยียนก็โบกมือเรียกราชสีห์หิรัณย์มา
เมื่อผู้าุโแห่งตระกูลเห็นสัตว์อสูรน้อยที่มีรูปร่างประหลาดเข้ามา ระหว่างนั้นเอง ราชสีห์หิรัณย์ก็สะบัดหัว
“นี่ เ้ามองข้าจนข้ารู้สึกทำตัวไม่ถูกแล้ว”
ครั้งนี้ผู้าุโแห่งตระกูลแทบใตาย เขาถอยหลังไปหลายก้าวแล้วมองราชสีห์หิรัณย์ด้วยความกลัว
“เหยียนเอ๋อ นี่มัน นี่มันเื่อะไรกัน? ปีศาจอสูรตัวนี้พูดภาษาคนได้งั้นหรือ?” ครั้งนี้ชายชราอายุแปดสิบปีสะดุ้งจนแทบหยุดหายใจ เมื่อก่อนเขาไม่เคยได้ยินเื่เล่าเกี่ยวกับปีศาจอสูรที่พูดได้เลย
จากนั้นหลงเหยียนก็บอกผู้าุโว่าราชสีห์หิรัณย์เป็คนพบและได้ยินมา ทว่าได้การยืนยันจากเว่ยเวย เขาถึงมั่นใจว่าสองผู้นั้นคือคนจากสำนักมาร
ผู้าุโมองหลานที่ดูลึกลับขึ้นไปทุกที เขาสร้างความประหลาดใจให้ตนอยู่เรื่อย ตอนนี้เขาก็ยอมรับราชสีห์หิรัณย์แล้ว ไม่แปลกใจเลยที่เ้าหมอนี่อัธยาศัยดีเช่นนี้
ผู้าุโเก็บความลับของราชสีห์หิรัณย์ หลงเหยียนไม่กังวลเื่นี้ ในเมื่อมั่นใจว่าเป็จริง ผู้าุโจึงพูด “ดูเหมือนมีบางเื่ที่ข้าต้องลงมือเองเสียแล้ว เหยียนเอ๋อ พละกำลังของเ้ายังไม่ถึงชีพัขั้นที่เก้า การให้เ้าออกไปเสี่ยงนั้นอันตรายมากเกินไปจริงๆ”
“ทว่าท่านปู่…”
หลงกงฉู่ตบบ่าหลงเหยียน “ไม่มี ทว่า ข้าอายุปูนนี้แล้ว เืเปื้อนมือข้ามาตั้งเท่าไร หากข้าตาย ตระกูลหลงคงต้องอาศัยเ้าแล้ว เมื่อถึงตอนนั้น อย่างน้อยข้ากับลุงเ้ายังพอรับมือได้่หนึ่ง จำเอาไว้ เ้าต้องพาเด็กในตระกูลหลงหนีออกจากเมืองัให้ไกล มีเ้าอยู่ นับว่าข้าก็วางใจแล้ว”
รังสีที่น่าเกรงขามของเขาทำให้หลงเหยียนไม่อาจต่อต้าน ไม่ว่าอย่างไรพวกเขายังเหลือเวลาอีกสามวัน หลงเหยียนพยายามฝึกให้มากขึ้น แผนการของพวกเราไม่มีการเปลี่ยนแปลง หลงเหยียนสาบานในใจ เขาต้องหมั่นเพียรฝึกฝน แข็งแกร่งให้มากกว่านี้ ปกป้องทุกคนในตระกูลหลงแล้วกลายเป็ความภาคภูมิใจของบิดากับท่านปู่ให้ได้
ทันใดนั้นหลงกงฉู่ก็คว้าแขนหลงเหยียน ทั้งคู่กลับมายังห้องโถงที่เดิม
รังสีพลังผู้าุโแผ่กระจายไปทั่ว เขาพูดด้วยสีหน้าเคร่มขรึม “ข้าตัดสินใจแล้ว หากล้มล้างตระกูลเซียวสำเร็จ พวกเราจะไปเทือกเขาหยุนหลัวแล้วชิงเซียนหอมหมื่นลี้ เหยียนเอ๋อ พวกเ้าอยู่ในจวน รอฟังสัญญาณจากข้า เมื่อไรที่บนท้องฟ้าปรากฏะเิธนูดังหนึ่งครั้ง เท่ากับเราเป็ฝ่ายชนะ พวกเราจะกลับมา ทว่าหากดังสองครั้งเท่ากับเราพ่ายแพ้ ข้าขอสั่งให้เ้ารีบพาทุกคนออกจากเมืองัโดยเร็วแล้วอย่าได้กลับมาอีก”
“ท่านพ่อ! ท่าน?”
“ท่านปู่… พวกเราไม่ไป เป็ตายต้องอยู่ร่วมกัน”
ผู้าุโคำรามเสียงดัง พลังเสียงทำให้โต๊ะและเก้าอี้ภายในห้องสั่นะเื “หุบปากเสีย ข้าอายุมากแล้ว ส่วนพวกเ้าก็เป็ความหวังสุดท้ายของตระกูล พวกเ้าเป็เืเนื้อเชื้อไขของตระกูลหลง” เมื่อพูดจบ รังสีความน่าเกรงขามก็สยบทุกเสียง
ทันใดนั้น คนจำนวนมากในห้องโถงก็น้ำตาไหลริน สิ่งที่ตระกูลหลงต้องเผชิญต่อจากนี้คืออันตราย ต้องรับมือกับความแข็งแกร่งของตระกูลเซียว ทั้งยังมีบุคคลลึกลับที่ไม่มีใครรู้จักอีกสองคน
“พอได้แล้ว ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว กลับไปพักผ่อนกันเถิด อย่าออกไปไหนเพียงลำพัง วันรุ่งขึ้นเราจะมุ่งหน้าสู่ตระกูลเซียว”
ทุกคนแยกย้ายกันออกไป ทว่าขณะเดินจากไป ทุกคนต่างก็หันกลับมามองผู้าุโแห่งตระกูลหลง พบว่าชายชราที่มีรังสีน่าเกรงขาม เวลานี้ได้แก่ชราลงมากแล้ว
“ท่านปู่ วางใจเถิด ตระกูลหลงของเราต้องผ่านไปได้แน่!”
ราชสีห์หิรัณย์เดินตามหลังหลงเหยียน ไม่นานหลงเหยียนก็กลับไปถึงห้องส่วนตัว ขณะที่กำลังจะนั่งเพื่อหลอมกาย หลงหยุนฉีก็ผลักประตูเข้ามา
ทันใดนั้นก็เข้าโผกอดหลงเหยียน…
ดวงตากลมโตและงดงาม ขนตางอนยาว ส่วนเว้าส่วนโค้งบนร่างกายก็น่าดึงดูดสายตา
“ฮือๆๆๆ พี่เหยียน ข้ากลัว ข้ากลัวเหลือเกิน ท่านปู่สั่งเสียแบบนั้น หรือว่าครั้งนี้ตระกูลหลงของเรากับตระกูลเซียวต้องฆ่ากันให้ตายไปข้างหนึ่งจริงหรือ?”
หลงเหยียนจนปัญญา กอดหลงหยุนฉีไว้กลางอก “เด็กน้อย นี่คือโลกที่มีพลังยุทธ์เป็ใหญ่ ปลาใหญ่กินปลาเล็ก แม้เมืองัไม่ใหญ่นัก ทว่าเสือสองตัวจะอยู่ในถ้ำเดียวกันได้อย่างไร ท่านปู่เองก็ไม่อยากเข่นฆ่ากันหรอก หากเรานั่งรอความตายเฉยๆ สุดท้ายตระกูลหลงของเราอาจต้องตายก่อน”
ไม่แน่ตอนนี้ตระกูลเซียวอาจกำลังวางแผนอะไรอยู่ก็ได้ แต่ไม่ว่าอย่างไร คืนนี้ถูกกำหนดให้เป็ค่ำคืนที่ไม่อาจข่มตาลงได้
…
หลงหยุนฉีพักผ่อนอยู่ปลายเตียงหลงเหยียน มือหนึ่งกอดราชสีห์หิรัณย์ เ้าหมอนั่นใช้ฐานะของสัตว์เดรัจฉานในการฉวยโอกาส หลงเหยียนจ้องด้วยความโมโห ทว่ามันกลับหลับตาแสร้งไม่เห็นหลงเหยียน นอนแนบอกหลงหยุนฉีอย่างสบายใจ ทั้งยังเอาศีรษะไปแนบที่หน้าอกนูนนุ่มของนางเป็พักๆ
หลงเหยียนส่ายหน้า ดูเหมือนนางคงกลัวมากจริงๆ หลงหยียนนั่งมองอยู่ข้างกาย หลับตาลงอย่างช้าๆ เริ่มขับเคลื่อนพลังปราณในร่างกายแล้วไหลเวียนไปทั่วเส้นพลัง
พลังระดับชีพัขั้นที่เจ็ดแข็งแกร่งนัก พลังปราณในจุดรวมปราณเพิ่มขึ้นมาก ระหว่างที่หลงเหยียนลองใช้พลังปราณสมดุลของขั้นพลัง ิญญายุทธ์ััได้ถึงการเปลี่ยนแปลง พลังิญญาแกร่งขึ้นไม่น้อย ไม่นานหลงเหยียนก็ปล่อยพลังจิตออกไป มีพลังขั้นที่เจ็ดนั้นสามารถปล่อยพลังจิตออกไปได้ภายในรัศมีแปดลี้ เป็สองเท่าของพลังขั้นที่หก
ผู้าุโก็อยู่ในรัศมีไม่กี่ลี้นี้ นี่ก็คือการหลอมพลังจิต แตกต่างจากจิติญญาที่แข็งแกร่ง หากหลงเหยียนพบผู้มีพลังระดับชีพัขั้นที่เก้า เขาต้องพบฝ่ายตรงข้ามและหลบก่อนแน่
การพบครั้งนี้ทำให้หลงเหยียนดีใจอย่างถึงที่สุด นี่ก็คือข้อดีของิญญาั ไม่เพียงแค่ััได้ถึงิญญาของผู้ที่มีพลังต่ำกว่า ทว่ายังสามารถดูดพลังิญญาของพวกเขามาเพิ่มความแข็งแกร่งของิญญายุทธ์ตัวเองด้วย
“จริงด้วย ถุงผ้าเฉียนคุน?”
เมื่อนึกถึงถุงผ้าเฉียบคุน ในนั้นยังมีศพของปีศาจอสูรหลายตัวที่เขาสังหารที่เทือกเขาหยุนหลัว พวกมันเป็ปีศาจอสูรที่แข็งแกร่งมาก หลงเหยียนสามารถนำเืพวกมันมาหลอมกลายเป็พลังปราณ เมื่อนึกได้ หลงเหยียนก็ลุกขึ้นยืน เตรียมไปดูดโลหิตของปีศาจอสูรที่สนามฝึกยุทธ์ของตระกูล
ทันใดนั้น แขนของเขาก็ถูกใครบางคนคว้าไว้แล้ว…
--------------------