“อะไรที่เรียกว่าเื่เหลวไหลไร้มารยาทขอท่านแม่โปรดแจ้งให้ทราบด้วยเ้าค่ะ” กู้เจิงยืดหลังตรงตวัดสายตามองกลับดวงตาเยือกเย็นของเว่ยซื่อความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดไม่ใช่ว่าคิดว่านางจะไปชื่นชอบเหล่าขุนนางเชื้อพระวงศ์แล้วทำเื่ออกนอกลู่นอกทางที่งานล่าสัตว์หรอกหรือ? หากเป็กู้เจิงคนก่อน ความโกรธนี้ก็คงพอทนได้ แต่นางไม่ใช่ดังนั้นคำพูดพวกนี้นางจะไม่ทนรับไว้
“เ้ารู้แจ้งอยู่แก่ใจ”
“ลูกไม่รู้เ้าค่ะ”
กู้เหยาที่กอดแขนเว่ยซื่อเห็นกู้เจิงโต้เถียงมารดาของตนจึงโพล่งออกมาว่า “ท่านเคยทำเื่เช่นนั้นออกมาเองจะทำเป็ไม่รู้ได้อย่างไร? หรือผู้ที่คิดจะทำให้องค์ชายห้าสลบแล้วฉวยโอกาสล่อลวงวันนั้นไม่ใช่ท่านหรือ?”
“เหยาเอ๋อร์” เว่ยซื่อบอกเป็เชิงให้นางไม่ต้องพูดอะไร
“ที่ข้าพูดเป็ความจริงนี่” กู้เหยาทำหน้าบูดบึ้ง
“เ้าลูกสาวคนนี้ที่ว่าล่อลวงคำพูดเช่นนี้ใช่สิ่งที่เ้าควรพูดหรือ?” กู้หงหย่งมองบุตรสาวตัวน้อยเดิมทีคิดอยากจะพูดสอนสักสองสามประโยค ทว่าเห็นท่าทางน่ารักของบุตรสาวตัวน้อย
ย่อมอดไม่ได้ที่จะพูดอีกสักประโยค
ท่าทีที่กู้หงหย่งมองกู้เหยาอย่างเอ็นดูล้วนอยู่ในสายตาของกู้เจิงนางสงสารตัวเองยิ่งนัก จึงกล่าวว่า “เป็ความจริงเ้าค่ะเื่นี้ท่านพ่อได้โบยลูกไปยี่สิบไม้แล้วซึ่งลูกเคยบอกไปแล้วว่าจะไม่เป็อนุของใคร ถ้าท่านพ่อ ท่านแม่และน้องสี่ไม่ให้อภัย ลูกก็ไม่มีอะไรพูดเ้าค่ะ”
“พี่ใหญ่ ท่านอย่าได้คิดมาก”กู้เจิ้งชินที่อยู่ด้านข้างรีบเอ่ยขึ้น “ท่านพ่อ ท่านแม่ไม่ได้หมายความเช่นนั้นน้องสี่ก็ยังเด็ก ท่านอย่าได้ถือสาหาความเลย”
“พอแล้วๆ การล่าสัตว์จะมีในอีกสามวันให้หลังเ้ากลับไปเตรียมตัวเสียเถอะไป” ที่อยากพูดก็พูดแล้วกู้หงหย่งจึงโบกมือให้กู้เจิงออกไป
กู้เจิงลุกขึ้นทว่าไม่ได้จากไป นางหายใจเข้าลึก ๆและมองไปที่คนพวกนั้น ก่อนจะพูดอย่างสงบหนักแน่น “ท่านพ่อ ท่านแม่ น้องสอง น้องสามและน้องสี่ เมื่อก่อนเป็ข้าที่ทำไม่ถูกต้อง ข้าได้ยอมรับผิดแล้ว รับโทษแล้วนับจากนี้ไปข้าจะไม่ทำเื่ดังเช่นเมื่อก่อนอีกและก็หวังว่าพวกท่านจะไม่นำเื่ที่เคยเกิดขึ้นในอดีตมาใส่ร้ายหรือตัดสินข้าอีกเ้าค่ะ”
“ใส่ร้ายเ้า?”ดูเหมือนกู้หงหย่งจะได้ยินเื่น่าขันเสียแล้ว “เ้าบอกว่าพวกข้าใส่ร้ายเ้า?”
“หรือคำพูดเมื่อครู่ ไม่ใช่แบบนั้นเ้าคะ?”
“เ้า?”
“พี่ใหญ่” กู้เหยายืนขึ้นจากด้านข้างเว่ยซื่อกล่าวเสียงดังด้วยความไม่พอใจว่า “ท่านทำเื่เ่าั้เองยังจะไม่ยอมให้พวกเราพูดอย่างนั้นหรือ?”
“ข้าเป็คนทำเื่เช่นนั้นออกมาเองสิ่งเ่าั้ย่อมกลายเป็จุดด่างพร้อยในชีวิตข้า ใครจะพูดก็ได้ตามใจชอบแต่เื่นี้เพื่อเห็นแก่หน้าตาวงศ์ตระกูล ก็มีเพียงในจวนกู้และองค์ชายห้าที่ทราบ”สิ่งที่ทำผิดพลาดไปเป็เื่ที่พัวพันไปถึงชื่อเสียงซึ่งนางไร้หนทางที่จะรักษาไว้แต่ชีวิตใหม่ในอนาคตนางไม่อยากจะได้ยินเื่กลุ้มใจเช่นนี้อีกกู้เจิงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ตราบใดที่พวกท่านไม่พูดถึงอีกก็จะไม่มีใครรู้ข้าแค่หวังว่าพวกท่านจะไม่เอ่ยถึงอีกแม้แต่คำเดียวเ้าค่ะ”
“ท่านอยากให้พวกเราทำเหมือนเื่เ่าั้ไม่เคยเกิดขึ้นอย่างนั้นหรือ?”เป็ครั้งแรกที่กู้อิ๋งพบว่าพี่ใหญ่ของนางเป็คนหน้าด้านไร้ยางอายเช่นนี้พี่ใหญ่อยากจะให้พวกนางปิดบังเื่อื้อฉาวที่ตนทำเองหรือ? ซ้ำยังไม่ยอมให้เอ่ยสักคำเดียว?
กู้เจิงไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนโดยเฉพาะเมื่อได้สบกับสายตาจากทั้งครอบครัวที่หันมองนางนางก็ได้รู้ว่าตนเองไร้ยางอายจนถึงขีดสุดแล้ว แต่นางไม่มีหนทางนี่นา“ในเมื่อท่านพ่อท่านแม่ไม่ได้ป่าวประกาศเื่นี้ออกไปั้แ่แรกกระนั้นหลังจากวันนี้ก็ขออย่าเอ่ยถึงอีกเลยเ้าค่ะ ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากที่โดนลงโทษ ลูกก็ได้ตัดสินใจเปลี่ยนแปลงตัวเองแล้วนับจากนี้ลูกแค่อยากใช้ชีวิตอย่างมีความสุขต่อไปเ้าค่ะ”
“เ้าอยากจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขต่อไป? แล้วในตอนที่ทำเื่เช่นนั้นเ้าเคยคิดถึงความรู้สึกของอิ๋งเอ๋อร์หรือไม่? ถ้าตอนนั้นองค์ชายห้ายกเลิกการแต่งงานจะทำเช่นไร? หลังจากนั้นอิ๋งเอ๋อร์จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?” แววตาที่เว่ยซื่อมองกู้เจิงเต็มไปด้วยความเกลียดชังอย่างสุดซึ้งอิ๋งเอ๋อร์ของนางได้รับความไม่เป็ธรรมเช่นนั้น แต่กู้เจิงก็แค่รับโทษยี่สิบไม้เท่านี้เองและยังมาสั่งให้พวกนางไม่ต้องเอ่ยถึงเื่เ่าั้อีก ช่างกล้านัก“ถึงแม้ข้างนอกจะไม่มีใครรู้เื่นี้แต่ภายในบ้านเ้าก็ยัง้าให้พวกเราทำเป็ลืมเื่เ่าั้อีกหรือ? เ้านี่ช่างกล้านัก”
“ท่านแม่เ้าคะ ยี่สิบไม้นั้นจริงๆ เกือบจะพรากชีวิตของข้าไปแล้วตอนนั้นเกรงว่าท่านพ่อคงมีความคิดที่อยากจะโบยข้าให้ตายนี่ยังไม่ทำให้ท่านคลายความโกรธลงได้อีกหรือเ้าคะ?” กู้เจิงเข้าใจความรู้สึกของเว่ยซื่อแต่ทว่าเื่นี้ไม่ควรพัวพันไม่จบไม่สิ้น แม่ลูกสกุลเว่ยได้รับความไม่เป็ธรรมแต่ร่างนี้ก็ได้ใช้ชีวิตหักล้างไปแล้ว “สำหรับเื่โง่งมเ่าั้ที่ข้าทำถ้าน้องสี่ยังเอาแต่พูดอยู่เรื่อยก็ยากที่จะแก้นิสัยที่อยากจะพูดก็พูดโดยไม่คิดนะเ้าคะ”
“เ้าสิอยากจะพูดอะไรก็พูด แน่นอนว่าข้าย่อมรู้ว่าอะไรเป็อะไร” กู้เหยาฉุนเฉียวที่กู้เจิงด่านาง
กู้เจิงพูดต่อโดยไม่สนใจนาง ว่า “ถ้ามีใครได้ยินคำพูดเหล่านี้เข้าแล้วเอาไปเผยแพร่ต่อจนรู้ไปถึงหูของทางการจะต้องคิดว่าตระกูลกู้ไม่อบรมสั่งสอนบุตรอย่างแน่นอนไม่แน่ว่าอาจจะส่งผลกระทบต่อการหมั้นของน้องสามและองค์ชายห้าก็เป็ได้นะเ้าคะ”
“ตอนนี้พี่ใหญ่รู้จักเป็ห่วงเป็ใยข้าแล้วหรือ?” กู้อิ๋งอดไม่ได้ที่จะเย้ยหยัน เพียงแต่เมื่อคิดอย่างถี่ถ้วนด้วยอุปนิสัยของกู้เหยา ภายใต้ความใจร้อนก็อาจจะพูดอะไรเหลวไหลได้หากเื่ของกู้เจิงแพร่งพรายออกไปแล้ว ไม่เพียงแต่จะกระทบต่อชื่อเสียงของเหยาเอ๋อร์แม้กระทั่งเส้นทางการเป็ขุนนางของพี่รองก็อาจจะได้รับผลกระทบไปด้วย
พอเกี่ยวกับการแต่งงานของลูกสามกู้หงหย่งก็เริ่มจริงจังขึ้นในทันที “ข้าจะควบคุมดูแลน้องสี่ของเ้าเอง เท่านี้พอใจหรือยัง?” ตระกูลกู้มีเื่เสื่อมเสียเช่นนี้ เขาก็ไม่อยากเอ่ยถึงอีกต่อไป
กู้เจิงมองไปยังเว่ยซื่อด้วยความสงบไม่หวาดหวั่นต่อสิ่งใดแต่ก็ยังเจือด้วยความเคารพที่ควรมีต่อนายหญิงช่างน่าขัน วันข้างหน้าซู่เหนียงยังต้องใช้ชีวิตอยู่ที่จวนกู้ นางจะกล้าไม่เคารพต่อเว่ยซื่อได้อย่างไร?
แม้ในใจเว่ยซื่อจะยังขุ่นเคืองอยู่บ้างทว่ายามนี้การหมั้นของลูกสามกับองค์ชายห้าเป็สิ่งสำคัญที่สุดนางจึงกล่าวอย่างเ็าว่า “เื่ที่เ้าเคยทำในอดีตข้าจะสั่งให้คนทั้งจวนกู้ปิดปากไม่ให้เอ่ยแม้เพียงครึ่งคำ แต่เ้าก็ต้องรับปากข้าว่านับจากนี้ไปจะไม่ทำเื่ที่ทำลายชื่อเสียงของเจิ้งชินอิ๋งเอ๋อร์ และเหยาเอ๋อร์อีกโดยเด็ดขาด”