“ท่านแม่ ท่านแม่ของข้า ท่านดีที่สุดแล้ว บุรุษน่ะหากมีธุรกิจแล้ว จะต้องมานั่งกังวลเื่หาเมียไม่ได้ที่ไหนกันเล่า ท่านแม่ของข้า ถึงตอนนั้นธุรกิจของข้าประสบความสำเร็จแล้ว ท่านก็ค่อยๆ นั่งเลือกเมียให้ข้าแล้วกัน ฮ่าๆ...”
เมื่อเห็นว่าครอบครัวนี้ดีขึ้นอีกแล้ว เฉินเนี้ยนหรานก็มีความสุข การที่นางได้มาเจอกับครอบครัวของกวนซูเยวียนนั้นช่างมีความสุขเสียจริง
ถึงแม้ว่าจะมีบิดามารดาแท้ๆ ที่ไม่ค่อยจะดีเท่าไร พอคิดถึงบิดามารดา คิ้วของเฉินเนี้ยนหรานก็ขมวดเข้าหากัน
ได้ยินน้องห้าที่กลับเรือนมาวันนี้เล่าว่า ตอนที่นางจูงม้าไปปล่อยกินหญ้าในตอนเช้า ก็บังเอิญไปเจอเข้ากับหนิงซื่อ
หลังจากเห็นพวกนางจูงม้า ก็ถามออกมาเสียเยอะแยะ
ถึงแม้น้องห้าจะเป็เด็กฉลาด ไม่ได้พูดอะไรออกไปมาก แต่มีหรือที่หนิงซื่อจะเชื่อ?
เื่ของพวกนางพี่น้อง ขอแค่หนิงซื่อไปสอบถามมา เกรงว่าคงจะได้ยินเื่ราวมาบ้าง
พวกนางในวันนี้ความเป็อยู่ดีกว่าแต่ก่อนมากแล้ว จากการกระทำของหนิงซื่อ เกรงว่าคงคิดจะกลับมาหาอีกเป็แน่
“แม่หนู ข้าบอกว่าซุปทำเสร็จแล้ว มา ้าคือเนื้อแผ่นที่ข้าใส่ให้เ้าโดยเฉพาะเลยนะ เป็เนื้อสันในชั้นดีด้วย เ้าชอบเนื้อสันในหมูไม่ใช่หรือ ความจริงแล้วข้าชอบเนื้อหมูติดมันมากกว่า เนื้อแบบนั้นน่ะอร่อย ทั้งไม่อ้วนและไม่เล็กจนเข้าไปติดซอกฟัน เอ๋ แม่หนู ทำไมเ้าถึงเหม่อไปล่ะ?”
ณ ตอนนั้น กวนซูเยวียนถึงได้พบว่าเฉินเนี้ยนหรานเอาแต่เหม่ออยู่ตลอด
เมื่อเห็นสีหน้าเป็กังวลของหลานสาว กวนซูเยวียนก็ใ อารมณ์ดีๆ ที่ได้กินซุปเมี้ยนเกอตาหายไปแล้ว นางรีบวางเครื่องมือทำขนมไหว้พระจันทร์ลง แล้วนั่งข้างเฉินเนี้ยนหราน
“ไม่มีอะไรเ้าค่ะ แค่วันนี้น้องห้าไปเจอท่านแม่มา” เฉินเนี้ยนหรานรีบร้อนรับถ้วยมา
ซุปยังร้อนอยู่ นางจึงเป่าแล้วคนไปก่อน ไม่ได้นำเข้าปากทันที
กวนซูเยวียนกับเฉินจื่อิมองหน้ากัน ต่างเห็นความเอือมระอาปรากฏออกมาจากดวงตาของอีกฝ่าย
“เฮ้อ หนิงต้าหรานนี่นะ ไม่เป็ไร ถึงนางจะมาหาก็ไม่สามารถทำเื่ร้ายกาจได้ แม่หนู เ้าไม่ต้องกลัวนะ อย่างไรพวกเราก็ยืนอยู่ในเส้นทางของความถูกต้อง ต่อให้ฟ้าถล่มลงมาก็ยังมีป้าคอยช่วยเหลือเ้าอยู่นะ”
ถึงแม้เฉินเนี้ยนหรานจะรู้ว่าในบางเื่กวนซูเยวียนก็ไม่สามารถแข็งข้อขึ้นมาได้ อาจจะช่วยอะไรตนไม่ได้ แต่นางรู้สึกสบายใจขึ้นมากเมื่อได้ยินคำพูดพวกนี้
หัวทุยซบไปตรงอกของกวนซูเยวียน “ใช่ ใช่ ใช่เ้าค่ะ ฟ้าถล่มลงมา ก็ยังมีท่านป้าคอยค้ำให้ ฮี่ฮี่ ข้ากินซุปแล้วนะเ้าคะ”
ยกถ้วยขึ้นมา พอได้กลิ่นน้ำมันที่ลอยเข้ามา คิ้วของเฉินเนี้ยนหรานขมวดแน่น
ตอนที่กวนซูเยวียนทำซุป ก็คิดว่าจะหาเงินได้ก้อนโตแล้ว ดังนั้นตอนที่ใส่น้ำมันหมูจึงใส่ลงไปเยอะมาก
แต่ตอนนี้เฉินเนี้ยนหรานได้กลิ่นแล้วรู้สึกมวนท้อง ฝืนกินเข้าไปหนึ่งคำก็ต้านทานกลิ่นน้ำมันไม่ไหวจริงๆ
“อ่อก...”
นางนั่งลงไปด้านข้าง แล้วอาเจียนออกมาไม่หยุด
การอาเจียนในครั้งนี้ทำให้ครอบครัวของกวนซูเยวียนที่ยังนั่งกินอยู่ถึงกับใ
โดยเฉพาะกวนซูเยวียนที่มีสีหน้าย่ำแย่ลง แล้วรีบวิ่งเข้ามาลูบหลังให้
“อั้ยหยา เป็อะไรน่ะ เป็อะไร เมื่อครู่ยังดีๆ อยู่เลย ทำไมจู่ๆ ก็อ้วกออกมาได้ ข้าเห็นเมื่อเช้าเ้ากินอะไรก็อ้วก หากไม่รู้ ยังคิดว่าเ้าแพ้ท้องนะ”
นางบ่นอย่างไม่ใส่ใจแต่กลับทำให้หลายคนต่างตกตะลึงไป
โดยเฉพาะเฉินเนี้ยนหราน ที่ใจนจับมือของกวนซูเยวียนเอาไว้ “แพ้...แพ้ท้อง...”
นางหน้าขาวซีด มองกวนซูเยวียนราวกับเห็นผี บีบมืออีกฝ่ายแน่นมากจนกวนซูเยวียนร้องโวยวายออกมา
“อั้ย อั้ย แม่หนูหราน เ้าบีบเบาๆ หน่อยได้ไหม? มือของข้าทำมาจากเนื้อนะ ไม่ได้ทำจากเหล็ก”
เฉินเนี้ยนหรานปล่อยมืออย่างรู้สึกผิด “ขอโทษเ้าค่ะท่านป้า ข้าได้ยินคำนี้แล้วใจนควบคุมตัวเองไม่ได้”
ต้าหลางที่ยืนอยู่ด้านข้าง ก็มองนางราวกับเห็นผีเช่นกัน สีหน้าน่ากลัวจนเฉินจื่อิที่มองอยู่ใ
สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป ก่อนจะรีบลากต้าหลางออกไปข้างนอก
“เ้า เ้าบอกข้ามาตรงๆ เ้าใช่...เ้าใช่...”
เขาพูดถึงแค่นี้ เฉินจื่อิก็ไม่กล้าถามต่อ ในเรือนมีต้าหลางที่เป็หนุ่ม และมีแค่เขาที่สามารถใกล้ชิดกับเฉินเนี้ยนหรานทั้งวัน
ต้าหลางเห็นท่าทางของบิดาตนก็เข้าใจผิด คิดว่าเขากำลังถามว่าเ้าก็รู้ใช่ไหมว่าแม่หนูท้อง
เขาจึงพยักหน้าอย่างรำคาญใจ ทั้งยังขยุ้มผมด้วย
“เพียะ...” เมื่อครู่เพิ่งจะพยักหน้าไป ต้าหลางก็โดนตบบ้องหู
“เ้า เ้า...ต้าหลางเอ๋ยต้าหลาง เ้าทำเื่ร้ายกาจเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร?”
เฉินจื่อิไม่พอใจที่ลูกชายไม่ได้ดั่งใจ พระเ้า ลูกชายแอบทำเื่เช่นนี้ลับหลังพวกเขา นี่ นี่จะทำเช่นไรดี? พูดกันอย่างรุนแรงแล้ว พวกเขาเป็พี่น้องกันนะ พี่น้องจะไปทำเื่เช่นนี้ออกมาได้อย่างไร? แค่คิดถึงเื่พวกนี้ ความโกรธของเฉินจื่อิก็พวยพุ่ง
“ท่านพ่อ ข้าแค่สงสัยว่าแม่หนูหรานตั้งครรภ์ ท่านตีข้าทำไม?” ต้าหลางน้อยใจแล้ว ถามแกมตำหนิใส่เฉินจื่อิ
“เ้า เ้า...” เฉินจื่อิผู้น่าสงสารตอนนี้พูดอะไรไม่ออก มือที่ชี้ไปทางต้าหลางสั่นไม่หยุด
ต้าหลางเห็นเขาอารมณ์ขึ้นเช่นนี้ ก็ให้อภัยการกระทำห่ามๆ ของบิดา แล้วตบบ่าบิดาตนเองอย่างใจกว้าง “ท่านพ่อ ไม่เป็ไรนะ ตอนที่ข้าสงสัยว่าแม่หนูตั้งครรภ์แรกๆ ก็ใแทบตายเช่นท่านในตอนนี้ สงบใจเถิด สุดท้ายมันก็จะเป็เื่ธรรมดา พวกเราจะต้องดูก่อนถึงจะรู้”
เฉินจื่อิฉุนขาดแล้วสะบัดมือของลูกชายออก สีหน้าเปลี่ยนไปมาอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ถอนหายใจยาว “ช่างเถิด ต้าหลาง เ้าตามข้ามา เื่มันเกิดขึ้นแล้ว พวกเราเข้าไปพูดเื่ราวให้มันชัดเจน อย่างไรก็ต้องจัดการกับเื่นี้ เฮ้อ ลูกไม่รักดี ทำไมข้าถึงได้มีลูกไม่รักดีเช่นเ้านะ”
ต้าหลางอยู่ในสภาวะไม่เข้าใจ ลูบหัวตัวเองอย่างเด็กถูกใส่ร้ายแล้วมองมาที่บิดาของตน “ท่านพ่อ ข้าก็แค่ทายว่าแม่หนูตั้งครรภ์เท่านั้นเอง เื่นี้ก็ถึงกับเป็ลูกไม่รักดีเลยหรือ เฮ้อ ท่านพ่อ...”
ทันใดนั้น ต้าหลางก็เข้าใจขึ้นมาทันใด ตอนที่กำลังจะแก้ต่างให้ตัวเอง กลับถูกเฉินจื่อิลากเข้าไปในเรือน
เฉินเนี้ยนหรานที่อยู่ในเรือนกำลังกินน้ำอยู่ กวนซูเยวียนกำลังมองหน้านางอย่างเป็กังวล
เฉินจื่อิสูดหายใจเข้า ตอนที่กำลังจะเอ่ยปากพูด ต้าหลางที่อยู่ด้านข้างก็รีบดึงเขาเอาไว้ “ท่านพ่อ พวกเราไปด้านนอก ข้ามี ข้ามีเื่สำคัญอยากจะพูดกับท่าน”
“อย่ามาดึงข้า ต้าหลาง ข้าจะต้องสั่งสอนเ้าสักที เป็บุรุษน่ะกล้าทำก็ต้องกล้ารับ” เฉินจื่อิตะคอกเสร็จก็มองสตรีของตนที่มองพวกเขาทั้งสองอย่างมึนงง เขาเดินไปตรงหน้าเฉินเนี้ยนหรานไม่กี่ก้าวด้วยความเ็ป “แม่หนูหราน ขอโทษนะ เป็ข้าเองที่สั่งสอนไม่ดี ต้าหลางถึงได้ทำเื่เช่นนี้”
กวนซูเยวียนที่อยู่ด้านข้างได้ยินใจก็กระตุก มองไปทางต้าหลางด้วยท่าทางเคร่งเครียด กลัวว่าเขาจะสร้างเื่
แล้วหันไปมองสีหน้าของสามีตน พระเ้า ครั้งนี้ต้าหลางไปทำเื่ผิดอะไร ถึงทำให้สีหน้าของเขาย่ำแย่ได้ถึงเพียงนี้! ในใจของกวนซูเยวียนมีแค่ความคิดเดียวเท่านั้น แย่แล้ว แย่แล้ว ต้าหลางจะต้องก่อเื่ใหญ่แน่ๆ
เฉินเนี้ยนหรานเองก็เครียดเช่นกัน นางมองไปทางต้าหลางอย่างเป็กังวล แล้วหันไปปกป้องเขาแทน “ท่านลุง อย่าพูดเช่นนี้เลย ต้าหลางยังเด็ก จึงยากที่จะหลีกเลี่ยงการกระทำผิดโดยวู่วาม พวกเราสามารถจัดการแก้ไขอย่างมีเหตุผลได้นะเ้าคะ”
เฉินจื่อิตบหน้าขาตัวเองฉาดหนึ่ง “ใช่ ควรจะจัดการด้วยเหตุผล แม่หนู เ้าไม่โกรธต้าหลางหรือ?”
ต้าหลางเองก็ทนฟังต่อไปไม่ได้แล้ว ช่างมันเถิด เขาเองก็ไม่สนใจพ่อบ้าบอเลอะเลือนของเขาแล้ว อย่างไรเื่ขายหน้านี้ไม่ใช่เขาทำ เขาจึงนั่งกินซุปต่อไปโดยไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไร
กลับเป็กวนซูเยวียนที่เป็กังวล สามีของนางโกรธถึงขนาดนั้น แต่ลูกชายยังนั่งกินข้าวได้อย่างหน้าตาเฉย อั้ยหยา นางร้อนใจจะตายแล้วนะ
“ท่านลุงพูดมาเถิด ข้าไม่โกรธต้าหลางหรอก”
“ได้ เช่นนั้น พรุ่งนี้ข้าจะไปเชิญหมอมา หากพวกเ้ามีลูกจริงๆ พวกเราจะรีบจัดการปัญหากัน! เฮ้อ ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร ว่าพวกเ้าจะทำเื่ที่มันผิดจารีตเช่นนี้ เลี้ยงลูกไม่ได้สั่งสอน ก็เป็ความผิดของบิดาเช่นข้า เฮ้อ เฮ้อ...” พอพูดถึงเื่แย่เช่นนี้ หน้าของเฉินจื่อิก็แดงเรื่อ เื่เช่นนี้ ให้คนเป็บิดาคนหนึ่งมาพูดกับลูกสะใภ้ที่ยังไม่ได้แต่งเข้าแล้วก็รู้สึกลำบากใจจริงๆ
“เชิญหมอ? มีลูก?” ได้ยินคำพูดพวกนี้ หากเฉินเนี้ยนหรานยังไม่เข้าใจอีกเช่นนั้นก็เป็คนโง่แล้ว
แต่ว่า ทำไมถึงไปเกี่ยวข้องกับต้าหลางได้ล่ะ? นางกับต้าหลางไม่ได้มีเื่อะไรกัน ทั้งสองคนเป็แค่พี่น้องเท่านั้น ท่านลุงกำลังคิดเื่อะไรอยู่น่ะ?
นางจ้องไปที่เฉินจื่อิด้วยความสงสัย “ท่านลุงเข้าใจอะไรผิดหรือไม่เ้าคะ? ข้ากับต้าหลางไม่มีความสัมพันธ์อะไรเลยนะเ้าคะ ท่านกำลังคิดอะไรมั่วซั่วหรือเ้าคะ?”
ตอนนี้กวนซูเยวียนก็ถือว่าฟังออกแล้ว รู้สึกว่าเฉินจื่อิจะเข้าใจผิดว่าเฉินเนี้ยนหรานกับต้าหลางมีความสัมพันธ์กัน
นางแทรกเข้าไป “เอาล่ะ เอาล่ะ เ้ากำลังคิดอะไรน่ะ แม่หนูไม่สบายท้องเท่านั้น ทำไมพวกเ้าถึงได้พูดอะไรมั่วซั่วเช่นนี้ อั้ยหยา ดึกดื่นขนาดนี้ตาแก่เช่นเ้าก็ก่อเื่แล้ว”
ใน่นี้กวนซูเยวียนอยู่กับเฉินเนี้ยนหรานทั้งวัน จะไม่เข้าใจแม่หนูคนนี้ได้อย่างไร หากจะบอกว่านางมีความสัมพันธ์ชายหญิง ต่อให้ตีให้ตายนางก็ไม่เชื่อ
“ใช่เ้าค่ะ พวกเราจะไปมีอะไรกันได้อย่างไร ท่านลุงจะต้องคิดผิดแล้วล่ะเ้าค่ะ เหอะๆ ข้าก็แค่...ท้องไม่ชินกับอาหาร จึงอาเจียนแห้งเท่านั้น”
พอพูดออกมาเช่นนี้ กวนซูเยวียนกับเฉินจื่อิและต้าหลางก็มองนางด้วยสีหน้าทะมึน แต่ละคนต่างมีสีหน้าที่เคร่งขรึม
กวนซูเยวียนยกนิ้วขึ้นมานับกับเฉินจื่อิ “พ่อ แม่หนูออกมาจากจวนสกุลโจวได้กี่เดือนแล้ว?”
เฉินจื่อิเองก็ยกนิ้วขึ้นมานับ “นับไปแล้ว ก็สองเดือนกว่าแล้วล่ะ”
“แม่หนู?” กวนซูเยวียนทำเสียงดังจ้องไปที่นาง “เ้ากับ...ตอนที่เ้าอยู่กับคุณชายห้าคนนั้น พวกเ้าได้...ได้กินยาคุมอะไรพวกนี้หรือไม่?”
ถูกพวกเขาถามออกมาด้วยท่าทางเข้มงวดเช่นนี้ เฉินเนี้ยนหรานเองก็ชะงักค้างไป
นางคิดย้อนกลับไป ส่ายหน้าอย่างไม่แน่ใจ “ท่านป้า ท่านลุง ข้ารู้ว่าพวกท่านเห็นข้าอาเจียนแห้ง ดังนั้นจึงคิดว่าข้าท้อง เื่นี้เป็ไปไม่ได้หรอกเ้าค่ะ ตอนที่อยู่จวนตระกูลโจว แม่นมคนนั้นมักจะยกยาคุมมาให้ข้าทุกวัน ข้าจะไปท้องได้อย่างไร?”
กวนซูเยวียนกับเฉินจื่อิพอได้ยินดังนั้นก็วางใจ แต่พวกเขาก็ยังรู้สึกไม่สบายใจ
กวนซูเยวียนดึงเฉินจื่อิกับต้าหลางออกไป “ออกไป ออกไป รีบกินแล้วก็ไปนอน ข้าขอคุยกับแม่หนูอีกเดี๋ยวก็จะนอนแล้ว” ใน่นี้เพราะว่าต้องทำขนมไหว้พระจันทร์ ดังนั้นพวกเฉินเนี้ยนหรานจึงมานอนอยู่ที่เรือนของกวนซูเยวียน เรือนที่อยู่ในหมู่บ้านก็ไม่สามารถกลับไปได้ แต่ว่า โชคดีที่มีพี่สะใภ้ฟางคอยดูแลเรือนให้ คิดไปแล้วก็คงไม่เกิดเื่อะไร