บุรุษทั้งสองคนเองก็รู้ว่ากวนซูเยวียนมีอะไรอยากจะถามเฉินเนี้ยนหราน ดังนั้นจึงรีบจัดการกับซุปตรงหน้าให้เรียบ แล้วรีบออกไป
รอจนกระทั่งไม่มีใครแล้ว กวนซูเยวียนก็รีบเข้ามาจับมือของเฉินเนี้ยนหรานไว้ “แม่หนู เ้ารีบคิดเลยนะ ใน่นี้ประจำเดือนของเ้ามีอะไรผิดปกติหรือไม่? ถ้าหากไม่ผิดปกติ จากประสบการณ์ของข้า อาการของเ้าเกินครึ่งคือท้องแล้ว หากท้องจริงๆ จะทำอย่างไรล่ะ? โจวอ้าวเสวียนจะต้องไม่แต่งเ้าแน่ๆ เื่นี้มันร้ายแรงมากจริงๆ นะ?”
พูดไปกวนซูเยวียนก็ร้อนใจ เฉินเนี้ยนหรานเองก็คิดย้อนกลับไป
พอนึกย้อนไปดีๆ หลังจากออกมาจากเรือนของโจวอ้าวเสวียน ประจำเดือนก็ไม่เคยมาเลยสักครั้งนี่?
ไม่ใช่ว่านางไม่ระวังตัว แต่เมื่อก่อนตอนที่อยู่ในยุคปัจจุบัน ประจำเดือนของนางมาไม่ค่อยจะตรงเท่าไร
สองเดือนมานี้ ทุกวันก็อยู่ในสภาวะกดดันงานยุ่งอยู่ตลอด ทั้งยังมีเื่ต้องออกจากเรือนมาอีก
ทั้งยังต้องหาที่ปักหลักอาศัย แล้วก็มายุ่งอยู่กับการทำหัวบุก ทำของหวานเย็น ทำสวนผัก...
ตอนนี้ก็ยังมาทำขนมไหว้พระจันทร์ พระเ้า นางลืมเื่ที่สตรีอย่างนางจะต้องมีทุกเดือนไปเลย!
“ท่านป้า” เฉินเนี้ยนหรานจู่ๆ ก็เสียงเครือจับกวนซูเยวียนเอาไว้ “ข้า เหมือนประจำเดือนของข้าจะไม่มาตลอดสองเดือนกว่านี้เลย”
กวนซูเยวียนรู้สึกว่าฟ้าพลิกไปแล้ว
นางถลึงตาใส่เฉินเนี้ยนหราน อยากจะหยิกให้ตายเสียจริง
“เ้า เ้า เ้าเด็กคนนี้ เื่เช่นนี้ทำไมถึงได้ไม่ระวัง หา ทำไมเ้าถึงไม่ระวัง พระเ้า เื่ เื่นี้จะทำอย่างไรล่ะ ที่นี่หากมีลูกทั้งๆ ที่ยังไม่แต่งงาน จะถูกโยนทิ้งลงน้ำ ต่อไปจะทำเช่นไรดีล่ะ? แม่หนูจะทำอย่างไรดี? เ้า เ้า เ้าพูดสิ....อั้ยหยา....”
กวนซูเยวียนเดินวนเป็วงกลมอย่างร้อนรน พลางตำหนินางไป แล้วก็กังวลแทนนางไปด้วย
เฉินเนี้ยนหรานเองก็ถึงกับเบลอไป นางมาคิดอย่างละเอียดอีกที หวนนึกไปถึงวันเวลาที่อยู่กับโจวอ้าวเสวียน นางดื่มยาคุมไปแล้วจริงๆ นะ มันเกิดผิดพลาดขึ้นมาได้อย่างไร?
แต่ว่า ประจำเดือนก็ไม่ได้มานานแล้ว เื่นี้จะอธิบายอย่างไร?
ไม่มาสองเดือนกว่า ทั้งยังอาเจียนแห้ง อาการแพ้ท้อง เป็ใครก็จะคิดไปถึงการตั้งครรภ์
พอคิดถึงตรงนี้เฉินเนี้ยนหรานก็ปวดหัว
นางนวดขมับ “ท่านป้า พวกเราอย่าเพิ่งคิดเลย ข้าคิดว่ารอพวกเราจัดการเื่ขนมไหว้พระจันทร์ให้เสร็จก่อนค่อยคิดเถิด เื่นี้ ทำงานหาเงินก่อนเป็หลัก”
กวนซูเยวียนฉุน ชี้หน้านางโดยที่เรี่ยวแรงจะด่าก็ยังไม่มี “เฉินเนี้ยนหราน เ้าเด็กบ้า นี่มันเื่คอขาดบาดตาย เ้ายังคิดเื่หาเงินอีก อั้ยหยา มันน่าโมโหจริงๆ”
เฉินเนี้ยนหรานแบมือออกอย่างช่วยไม่ได้ “ท่านป้า หากท้องจริงๆ เช่นนั้นข้าเองก็ไม่สามารถทำให้มันไม่มีได้ เฮ้อ หลายวันมานี้เื่เยอะเกินไปแล้ว รอจนทำงานเสร็จแล้วค่อยว่ากันเถิด เชื่อข้าเถิด ท่านป้า พวกเรานอนกันก่อนเถิด หากฟ้าจะถล่มลงมา ก็ยังมีข้าคอยรับไว้นะ ฮ่าๆ หากมีจริงๆ ล่ะก็ พวกเราก็คลอดเขาออกมา เด็กเล็กๆ ดีจะตาย”
นางหัวเราะ ถึงแม้กวนซูเยวียนจะกังวลใจ แต่ว่าก็กอดโชคดีเล็กน้อยนี้ไว้ บางทีเฉินเนี้ยนหรานอาจจะท้องไม่ดีถึงได้ทำให้อาเจียนแห้งก็ได้
เฉินเนี้ยนหรานนอนอยู่บนเตียง ไม่ได้ผ่อนคลายอย่างที่อยู่ต่อหน้ากวนซูเยวียน
นางเองก็กังวล หากท้องจริงๆ นางจะทำเช่นไร?
มือวางลงไปที่ท้อง ข้างในนี้มีหนึ่งชีวิตเล็กๆ จริงๆ หรือ? นางไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า นางจะมีลูกกับโจวอ้าวเสวียน
บุรุษคนนั้น มีคุณค่าพอให้นางคลอดลูกจริงๆ หรือ?
“ท่านพี่ นอนกัน!” ในตอนนั้นเอง น้องหกที่นอนอยู่ด้านในพูดออกมา เปลือกตากะพริบปริบๆ จากนั้นก็หลับสนิทไปเลย
“ช่างเถิด ไม่คิดแล้วล่ะ ไม่คิดแล้ว เื่เช่นนี้ คิดไปก็ทำอะไรไม่ได้ หากมีลูกจริงๆ ข้าก็คลอดออกมาจริงๆ ฮ่าๆ...”
วันต่อมา เฉินเนี้ยนหรานตื่นเช้าเป็ปกติ
หนิวซื่อตื่นขึ้นมาทำอาหารเช้าเสร็จนานแล้ว พอเห็นนางตื่นเช้าเช่นนี้ ซึ่งชัดเจนมากว่านอนไม่พอ ทั้งยังหาวออกมาอีก จึงบ่นนางด้วยความเป็ห่วง “นายหญิง ท่านก็จริงๆ เลย ตื่นเช้าขนาดนี้ทำไมเ้าคะ เมื่อคืนก็นอนกันดึกขนาดนั้น ตอนนี้ก็ไปนอนต่ออีกหน่อยเถิด ยังสาวขนาดนี้ แต่จิตใจไม่แจ่มใส เป็เช่นนี้ต่อไปผิวเสียขึ้นมาจะทำเช่นไร?”
หลังจากหนิวซื่อเริ่มคุ้นเคยขึ้นก็ไม่ได้เรียบร้อยสงวนถ้อยคำอีกแล้ว กลับกัน นางยังชอบจับตามองเฉินเนี้ยนหรานกินข้าวเอย เข้านอนเอย
จากที่คนงานหวงพูด หลายปีก่อนหนิวซื่อเคยมีน้องสาวอยู่คนหนึ่ง แถมความสัมพันธ์พี่น้องก็ดี แต่น่าเสียดายที่ต่อมาน้องสาวก็ตายจากไปเพราะโรคร้าย ั้แ่นั้นมาหนิวซื่อก็เงียบลงไปเยอะ
แล้วบังเอิญ อายุของเฉินเนี้ยนหรานกับน้องสาวที่ตายจากไปของหนิวซื่อพอๆ กัน อาจจะเป็เพราะเช่นนี้ ภรรยาของคนงานคนนี้ถึงได้เป็ห่วงเฉินเนี้ยนหรานมาก
“แฮะๆ พี่สะใภ้หวง ข้าไม่เป็อะไรหรอก ไปล้างหน้าข้าก็ตื่นแล้ว ไม่ได้หรอก ข้าจะต้องเลี้ยงครอบครัว ข้าจะต้องหาเงินให้ได้เยอะๆ ถึงจะสามารถเปิดแปลงเกษตรของข้าได้ ไม่พูดแล้ว ข้าไปล้างหน้าก่อน”
โยนเื่ท้องไม่ท้องไปด้านข้าง ก่อนที่พวกเฉินเนี้ยนหรานจะเริ่มงานยุ่งกันอีกครั้ง
เพียงแต่ ทำขนมไหว้พระจันทร์ตอนนี้ไม่ได้มีความสุขดั่งเช่นเมื่อวาน
ทั้งสี่คนตื่นเช้าทำงานกันหน้าดำคร่ำเคร่งอยู่สามวัน ก็ส่งขนมไหว้พระจันทร์หนึ่งพันชิ้นรอบแรกส่งไปที่รถม้าส่งของ
จากคำของต้าหลางที่เล่าให้ฟังหลังกลับมา บอกว่าพอมีป้ายอาญาสิทธิ์ที่โจวอ้าวเสวียนให้มา สินค้าที่คนพวกนั้นขนขึ้นรถม้าล้วนแต่เป็ของรอบแรก เห็นได้ชัดว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับสินค้ารอบแรกของเฉินเนี้ยนหรานแค่ไหน
เื่คิดบัญชีพวกนี้เฉินเนี้ยนหรานไม่กังวล อย่างไรมีโจวอ้าวเสวียนผู้ยิ่งใหญ่อยู่ นางก็ไม่กลัวว่าจะหนีไป
ทั้งสี่คนถอนหายใจ ก่อนจะกลับไปทำงานต่อ
ในวันที่สี่ ทำไปสักพักกวนซูเยวียนก็ถอนหายใจยาว
หลายวันมานี้นางร้อนใจมาตลอด ทั้งๆ ที่เห็นเงินอยู่ แต่กลับไม่สามารถหามาได้หมด นางรู้สึกหงุดหงิดในใจ
สำหรับอารมณ์เช่นนี้ของนาง เฉินเนี้ยนหรานกลับไม่ค่อยได้ใส่ใจเท่าไร แต่ในตอนที่พวกเขาทำได้ถึงครึ่งทาง หนิวซื่อก็นำความมาบอกว่า มีสตรีคนหนึ่งพาเด็กอ้วนๆ อายุประมาณสิบปีมาหาเฉินเนี้ยนหราน
พวกนางได้ยินก็หยุดงานในมือกันทั้งหมด
ซึ่งเฉินเนี้ยนหรานเองพอคิดได้ว่าคนคนนี้คือใคร สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที
กวนซูเยวียนโยนก้อนแป้งในมือ พูดกับเฉินจื่อิเสียงดัง “พ่อ เ้าดูตรงนี้นะ ข้าจะไปจัดการสตรีนางนั้น”
เฉินจื่อิพยักหน้าด้วยสีหน้าลำบากใจ แล้วไม่ลืมที่จะกำชับหนึ่งประโยค “เ้าก็ใจเย็นหน่อย อย่าคุยแล้วฉุนขาดล่ะ เฮ้อ เื่นี้ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็เป็ครอบครัวเดียวกัน”
พาเด็กอ้วนอายุสิบขวบมาหาในตอนนี้ นอกจากแม่ในนามของเฉินเนี้ยนหรานแล้ว ยังจะมีใครได้
พอคิดถึงหนิงซื่อ สีหน้าของเฉินเนี้ยนหรานก็ถมึงทึง
ความจริงแล้วนางเองก็เคยคิดว่าครอบครัวนั้นยากจนจนถึงขั้นหวาดกลัว
ดังนั้นเมื่อมีแหล่งเงินก็ต้องคิดหาวิธีที่จะได้มันมา แต่ว่าแม้พวกนางจะยากจนแค่ไหน ก็ไม่ควรเอาความคิดนี้มาลงที่บรรดาลูกสาวตัวเอง ก่อนหน้านี้ก็พี่สาวคนโต พี่คนรอง ต่อมาก็เป็นาง หากน้องสาวทั้งสองไม่ได้ถูกนางพามาด้วย เกรงว่าตอนนี้คงจะถึงคราวของน้องห้า
พอคิดถึงสีหน้าขาวซีดของน้องห้าตอนที่พูดถึงหนิงซื่อในวันนั้น ความโกรธในใจของเฉินเนี้ยนหรานก็ลุกโชน
คนที่มาหาเป็หนิงต้าหรานจริงๆ
วันนั้นนางมาที่เขตเพื่อเอาไข่ไก่มาแลกเงิน คิดไม่ถึงว่าจะเจอกับพวกน้องห้าที่จูงม้ามากินหญ้า
ตอนที่เห็นม้าลักษณะดี หนิงต้าหรานก็คิดถึงเงิน
ม้าที่มีขนเงางามเช่นนั้นหากเอาไปคิดเป็เงิน จะได้เท่าไรกัน?
ถึงจะไม่เปลี่ยนเป็เงิน จูงม้าตัวนั้นเดินเข้าไปในหมู่บ้านรอบหนึ่งก็ได้หน้าแล้ว จากที่พูดคุย หลังจากที่ได้รู้ว่าม้าตัวนี้เป็เฉินเนี้ยนหรานซื้อมา ในใจของนางก็ตกตะลึงจนไม่สามารถใช้คำไหนมาบรรยายได้
เฉินเนี้ยนหรานพาน้องสาวสองคนออกมาสองเดือนกว่า แต่กลับใช้ชีวิตจนถึงขั้นมีม้า ไม่ต้องพูดเลยว่า จะต้องเป็เงินที่ได้ตอนออกมาจากจวนสกุลโจวเป็แน่
เวลาสองเดือนกว่า นางจะไปเอาเงินจากไหนมาซื้อม้า?
ยิ่งคิดหนิงต้าหรานก็ยิ่งรู้สึกว่ามันไม่ใช่ จึงเค้นถามน้องห้า
น้องห้าเองก็รู้ว่านิสัยของมารดาตนเองเป็เช่นไร หลังจากถูกเค้นถามว่าม้าตัวนี้คือพี่สี่เป็คนซื้อ ในใจของนางก็รู้สึกผิดในใจมากมายนัก พอถูกหนิงต้าหรานเค้นถามอีก จึงไม่ตอบอีก
ตอนนั้นหนิงต้าหรานฉุนขาด ทั้งข่มขู่ทั้งยังทำให้หวาดกลัว และยังพูดว่าจะลากนางไปขาย อย่างไรน้องห้าก็เป็เด็กอายุสิบสามปี ทั้งยังเห็นหนิงซื่อเอาพวกพี่สาวของตนออกไปขายราวกับสินค้าเองกับตา
พอได้ยินนางพูดเช่นนี้ก็ใร้องไห้ลากม้าวิ่งหนีไป
ถึงแม้หนิงต้าหรานจะถามแล้วไม่ได้เื่ที่มีประโยชน์อะไร แต่นางก็ไม่ใช่คนโง่ เห็นสีหน้าของลูกคนนี้ดีกว่าเมื่อสองเดือนก่อนมากแล้ว ทั้งยังมีม้าให้เลี้ยง ก็ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว วันเวลาที่นางอยู่กับเฉินเนี้ยนหรานจะต้องมีชีวิตที่ดีมากแน่
หลังจากนางรีบนำไข่ไปขายในเขตแล้ว ก็คิดหาวิธีไปสอบถามที่ร้านค้าของกวนซูเยวียนว่ามีเื่ของเด็กๆ พวกนี้ไหม
จะว่าไปแล้ว นางก็เป็มารดาที่แปลกจริงๆ ลูกสาวสามคนออกจากเรือนไปเกือบสามเดือนแล้ว นางถึงเพิ่งจะมาสอบถามว่าชีวิตความเป็อยู่ของพวกลูกสาวเป็อย่างไรบ้าง!
จากที่สอบถาม ถึงได้รู้ว่า่นี้หน้าร้านของกวนซูเยวียน มีเด็กสาวมาขายหวานเย็นจริงๆ
แถมธุรกิจนั้นยังโด่งดังมากเสียด้วย
ซึ่งพวกที่มีจิตใจริษยารุนแรงหน่อยก็จะเล่าเื่ให้มันเกินจริงไป จากที่พวกนางคาดเดาด้วยสายตา รายได้ที่สามพี่น้องออกมาขายหวานเย็นวันหนึ่งอย่างน้อยก็ได้หนึ่งถึงสองตำลึง
ทั้งใน่นั้นพวกนางออกมาขายของอยู่หนึ่งเดือนครึ่ง
่เวลานั้นคำนวณออกมาแล้วก็จะมีสี่สิบวัน ถึงจำนวนวันจะน้อยไปหน่อย แต่หนึ่งวันเท่ากับหนึ่งตำลึง จะอย่างไรก็ได้ตั้งสี่สิบกว่าตำลึงเชียวนะ
หนิงต้าหรานคำนวณไปก็ร้อนใจมาก รู้สึกเหมือนเงินสี่สิบกว่าตำลึงที่อยู่ในกระเป๋าที่เอวของตน จู่ๆ ก็ถูกคนอื่นแย่งไปด้วยเหตุผลอื่นอย่างไรอย่างนั้น
นางกลับไปที่เรือน ยิ่งคิดก็ยิ่งงุ่นง่านใจ
เป็นางที่คลอดพวกลูกสาวออกมา และก็เป็นางที่เลี้ยงพวกนาง ในตอนนี้ลูกสาวที่เติบโตขึ้นจนสามารถหาเงินได้แล้ว พวกนางกลับไปหาเงินให้กับกวนซูเยวียน
จากที่นางคิด เงินทั้งหมดเกรงว่าจะถูกครอบครัวของกวนซูเยวียนฮุบไปจนหมด
“ไม่ได้ ข้าจะต้องไปคิดบัญชีกับกวนซูเยวียน นางกล้ามาหลอกเอาเงินของข้าไป ข้ากับนางได้เห็นดีกันแน่ เหอะ กวนซูเยวียนเอ๋ยกวนซูเยวียน เห็นปกติเ้ามักจะทำท่าทางเชื่อฟังเป็มิตรกับผู้คน คิดอยู่นาน ที่แท้ก็หมายหัวครอบครัวของข้า ถุย ข้าหนิงต้าหรานไม่จบกับเ้าแน่"