"เช่นนั้นต่อไปข้าจะทำผมทรงห่วงคู่แบบนี้ก็แล้วกัน" เซวียเสี่ยวหรั่นอารมณ์ดี มุมปากทอยิ้มมีความสุข
เหลียนเซวียนอมยิ้ม เดิมทีนึกว่าจู่ๆ ให้เปลี่ยนสถานะ นางอาจต้องใช้เวลาปรับตัวนาน แต่ไม่นึกว่านางจะร่าเริงเบิกบานเพียงนี้
แต่ก็จริง แต่ไรมานางก็เป็คนเปิดเผย ร่าเริงสดใส เื่นี้สำหรับนางแล้ว นี่อาจจะเล็กน้อยมาก
"เหลียนเซวียน พวกเราต้องเปลี่ยนโรงเตี๊ยมหรือไม่" เซวียเสี่ยวหรั่นนึกถึงเื่นี้ พวกเขาพักที่นี่มาสองสามวัน เถ้าแก่กับคนงานล้วนรู้จักพวกเขากันหมดแล้ว
เหลียนเซวียนใช้ความคิด "ไม่ต้อง รอให้พวกเหลยลี่มาถึงก่อน พวกเราก็ออกเดินทางกันเลย"
เขาให้เซวียเสี่ยวหรั่นเปลี่ยนทรงผม เพราะใคร่ครวญถึงชื่อเสียงของนาง หาได้กลัวว่าพวกเหลยลี่จะรู้
"สองวันนี้ เ้าออกไปข้างนอกให้น้อยลงหน่อยก็พอ" เหลียนเซวียนกำชับ อยู่แต่ในเรือน เปลี่ยนทรงผมก็ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นมากนัก
"อืม ได้ ข้าทราบแล้ว ข้าจะไม่ออกไป" เซวียเสี่ยวหรั่นผงกศีรษะ
เหลียนเซวียนมองมวยผมห่วงคู่ดูคล้ายนกนางแอ่นสีดำกำลังโผผินของนางขยับน้อยๆ คิ้วดาบดกหนาพาดเฉียงเข้าจอนผมก็ผ่อนคลายตามโดยไม่รู้ตัว
"รอไปถึงเมืองหลวงแล้ว เ้าอยากไปไหนล้วนได้ทั้งสิ้น"
"จริงหรือ?" ดวงตาสุกใสของเซวียเสี่ยวหรั่นผุดประกายด้วยความตื่นเต้น
"อื้ม ถึงเวลาข้าจะให้หงกูพาเ้าไปเที่ยวให้ทั่วเมือง" มุมปากของเหลียนเซวียนโค้งขึ้นน้อยๆ
"หงกูคือใคร?" เซวียเสี่ยวหรั่นนึกอยากรู้
"เป็หมัวมัว [2] ผู้ดูแลข้างกายข้าเอง" เหลียนเซวียนมองนางปราดหนึ่ง
"หมัวมัวผู้ดูแล?" เซวียเสี่ยวหรั่นมองเรือนร่างสง่าผ่าเผยตาปริบๆ เขามาจากตระกูลใหญ่จริงๆ สินะ อดใจถามอีกประโยคอย่างอดไม่ได้ "บ้านท่านทำอะไรเนี่ย?"
เหลียนเซวียนท่าทางลังเล เห็นนางทำสีหน้าอยากรู้อยากเห็น ก็ไม่รู้ว่าควรเอ่ยปากอย่างไร
"ตระกูลผู้มีบรรดาศักดิ์ ตระกูลขุนนาง จวนแม่ทัพ ผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น เ้าของที่ดิน?" เซวียเสี่ยวหรั่นคาดเดาความเป็ไปได้เท่าที่นึกออก
"บ้านข้าเป็ตระกูลใหญ่" เหลียนเซวียนไม่อยากให้เซวียเสี่ยวหรั่นใ จึงคิดที่จะค่อยๆ บอกความจริงกับนาง
"ตระกูลใหญ่เหรอ พี่น้องเยอะมากเลยล่ะสิ" เซวียเสี่ยวหรั่นมองเขา นึกถึงตอนแรกที่พบกันปรกติเขามักชอบแสดงสีหน้าเ็าห่างเหิน ก็เริ่มรู้สึกว่าจับจุดสำคัญบางอย่างได้
"อืม ค่อนข้างมาก" พอพูดถึงเื่เหล่านี้ สีหน้าของเหลียนเซวียนก็เ็าขึ้นโดยไม่รู้ตัว
เซวียเสี่ยวหรั่นมองดูแล้วก็ยิ่งแน่ใจในการคาดเดาของตนเอง
"ท่านถูกปองร้ายครานี้ คนที่ทำคือคนในครอบครัว?"
เธอกดเสียงกระซิบถาม
เหลียนเซวียนหันไปมองนาง แววตาประหลาดใจผุดวาบจากเบื้องลึก หญิงสาวผู้นี้บางครั้งก็เฉียบแหลมจนน่าตกตะลึง
ดูจากปฏิกิริยาตอบสนองของเขา เซวียเสี่ยวหรั่นย่อมตระหนักได้ว่าตนเองเดาถูก การดูทีวีอ่านนิยายตลอดหลายปีมานี้ไม่นับว่าสูญเปล่า
เซวียเสี่ยวหรั่นวางท่าภาคภูมิใจ "ท่านเป็คนฉลาดปราดเปรื่อง หากไม่ใช่คนคุ้นเคยหรือญาติสนิท ไหนเลยจะถูกพวกเขาใช้เล่ห์กลล่อลวงง่ายดายเพียงนี้"
เหลียนเซวียนนิ่งงัน เหตุผลนี้แม้แต่นางก็ยังรู้
"ตระกูลใหญ่ภายนอกแลดูสง่างามไร้ขอบเขต แต่ภายใต้ความพราวพร่างปานแพรไหม ส่วนใหญ่ล้วนปากปราศรัยน้ำใจเชือดคอ ต่างฝ่ายต่างหลอกลวงซึ่งกันและกัน เพื่อผลประโยชน์ของตนเอง ชีวิตของพวกท่านไม่ง่ายเลย" เซวียเสี่ยวหรั่นเบ้ปาก
เหลียนเซวียนช้อนตาขึ้นมองนาง ดวงตาล้ำลึกเจือไปด้วยความฝาดเฝื่อนอย่างบอกไม่ถูก
"ท่านกลับไปครานี้ จะไปจัดการคนที่ทำร้ายท่านเ่าั้ใช่หรือไม่" เซวียเสี่ยวหรั่นเอนตัวเข้าไปถามด้วยสีหน้ารู้ทัน
"..."
เหลียนเซวียนรู้สึกคอแห้งผาก ไม่อยากตอบคำถามของนาง
"ข้าจะบอกอะไรให้ ท่านอย่าใจอ่อนเป็อันขาด ตอนแรกท่านถูกพวกเขาทำร้ายขนาดไหน แทบเอาชีวิตไปฝังในป่าแห่งนั้น"
เซวียเสี่ยวหรั่นนึกถึงใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบเืจากการถูกเฆี่ยน ต้องแค้นเคืองกันมากแค่ไหน ถึงขนาดใช้แส้หวดใบหน้าของผู้อื่นเยี่ยงนั้น
"อย่าคาดเดาส่งเดช ฝึกเขียนอักษรของเ้าไปเถอะ" เหลียนเซวียนไม่อยากคุยกับนางถึงด้านมืดเหล่านี้
เสียงของเขาแหบพร่ากว่าปรกติ เซวียเสี่ยวหรั่นเอื้อมมือไปรินน้ำชาใส่ถ้วยให้เขา
"ข้าฝึกแต่เช้าแล้ว ท่านไม่ยินดีพูดก็ช่างเถอะ แต่ต่อไปท่านต้องระวังมากขึ้น อย่าให้ใครวางอุบายได้อีก"
เซวียเสี่ยวหรั่นรู้ว่าเขาไม่อยากพูด งึมงำออกมาสองประโยค ก่อนลุกขึ้นกลับไปห้องของตนเอง
เหลียนเซวียนดื่มชาที่นางรินให้ น้ำชาเย็นเฉียบช่วยชะล้างความเศร้าโศกในหัวใจให้หมดสิ้นไป
คิดจะจัดการพวกเหลี่ยมจัดเ่าั้ไม่ใช่เื่ง่าย แต่ข้าวต้องกินทีละคำ แค้นต้องชำระทีละขั้น รอดูให้ดีเถอะ
สองวันต่อมา เซวียเสี่ยวหรั่นอยู่แต่ในเรือนอย่างสงบเสงี่ยม
แต่ละวันถ้าไม่เขียนอักษรก็ช่วยตัดเสื้อผ้าให้เซวียเสี่ยวเหล่ย
จนกระทั่งชุดฤดูร้อนของเซวียเสี่ยวหรั่นสองชุดเสร็จเรียบร้อย เซวียเสี่ยวหรั่นยืดเอวบิดี้เี แล้วค่อยเอาไปส่งให้เซวียเสี่ยวเหล่ย
"เสี่ยวเหล่ย นี่คือชุดฤดูร้อน อากาศร้อนแล้ว เนื้อผ้าแบบนี้เย็นสบาย"
ชุดหนึ่งสีเทาอ่อน ชุดหนึ่งสีฟ้าอ่อน แม้ฝีเข็มจะไม่แ่ามาก แต่ก็ดูเป็รูปเป็ร่าง"
เซวียเสี่ยวหรั่นค่อนข้างพอใจกับฝีมือของตนเอง
"ขอบคุณขอรับพี่สาว" เซวียเสี่ยวหรั่นรับมาด้วยความเคารพ
"เสี่ยวเหล่ย ไม่ต้องระวังตัวขนาดนั้น แม้พวกเราจะไม่ใช่พี่น้องแท้ๆ แต่ก็ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา ต่อไปยังต้องใช้ชีวิตร่วมกันไปอีกยาวนาน" เซวียเสี่ยวหรั่นยิ้มพลางลูบศีรษะของเขา
เซวียเสี่ยวเหล่ยหน้าแดง "ขอรับ พี่สาว" ยังคงตอบแบบอยู่ในกรอบธรรมเนียม
เซวียเสี่ยวหรั่นจนปัญญา แต่ก็ไม่ฝืนใจ ่เวลาที่เธออยู่ร่วมกับเขายังสั้นนัก ต่อไปต้องค่อยๆ ทำความคุ้นเคย
"คุณหนู พรุ่งนี้เป็วันเทศกาลเดือนห้า [2] ข้างนอกมีขายขนมจ่างเยอะมาก พวกเราจะซื้อมาให้เข้ากับบรรยากาศดีหรือไม่" อูหลันฮวาไปข้างนอกเพิ่งกลับมา
"พรุ่งนี้เป็วันตวนอู่แล้วหรือ" เซวียเสี่ยวหรั่นแหงนหน้ามองท้องฟ้าสว่างไสว "มิน่าอากาศถึงร้อนขึ้นทุกวัน"
"นั่นสิ เช้าตื่นขึ้นมาก็เหงื่อท่วมตัวแล้ว" อูหลันฮวายกมือขึ้นปาดเหงื่อ
"อูหลันฮวา เ้ามีผ้าเช็ดหน้าแล้วมิใช่หรือ" เซวียเสี่ยวหรั่นผลิยิ้ม
"แหะๆ ข้าทำตัวหยาบจนเคยชิน" อูหลันฮวาล้วงผ้าเช็ดหน้าสีขาวจากอกเสื้อ มุมผ้าเช็ดหน้าปักลายดอกหลันฮวาซึ่งไม่ประณีตเท่าไรนัก
เซวียเสี่ยวหรั่นยิ้มกับนาง แท้จริงแล้วตนเองก็ไม่คุ้นเคยกับการใช้ผ้าเช็ดหน้า แต่เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม ไม่ชินก็ต้องฝึกให้ชิน
"นอกจากขนมจ่าง ข้างนอกยังมีขายอะไรอีก"
"มีขนมข้าวเหนียว แป้งทอด อู่หวง [3] ไข่ใบชา อ้ายเย่ปาปา (ขนมโกฐจุฬาลัมภา) เหล้าเหลือง หญ้าน้ำชางผู่ อ้ายเย่ (โกฐจุฬาลัมภา) และอีกมากมาย" อูหลันฮวากางนิ้วขึ้นมานับ "คึกคักมาก เสียดายที่คุณหนูออกไปไม่ได้"
เซวียเสี่ยวหรั่นจินตนาการได้ว่าครึกครื้นแค่ไหน "ไม่เป็ไร เ้าไปซื้อของกินเล่นกลับมาสี่ชุด ขนมจ่างซื้อมาเยอะหน่อยได้"
เธอหยิบเงินให้อูหลันฮวา
"เ้าค่ะ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้" อูหลันฮวาทอยิ้มกว้างเผยให้เห็นฟันขาวทั้งปาก ั้แ่ติดตามคุณหนูออกมาข้างนอก พวกเขาได้กินขนมพิเศษๆ มากมายตลอดการเดินทาง ทำให้อูหลันฮวารู้สึกมีความสุขเปี่ยมล้น
"เดี๋ยวก่อน เรียกเสี่ยวเหล่ยไปด้วย เด็กผู้ชายควรออกไปข้างนอกให้มากหน่อย" เซวียเสี่ยวเหล่ยเรียกนาง ก่อนหันไปะโเรียกทางห้องของเซวียเสี่ยวเหล่ย
"เสี่ยวเหล่ย ตามหลันฮวาไปซื้อของ จำไว้ว่าซื้อผลไม้แห้งมาฝากอาเหลยด้วย ดูเหมือนว่ามันกินเกือบหมดแล้ว หลายวันก่อนเห็นมีเกาลัด นั่นน่ะของโปรดของอาเหลยเลย"
เซวียเสี่ยวเหล่ยออกมาจากห้อง มีอาเหลยเดินตามหลังมาด้วย
เซวียเสี่ยวหรั่นจับอาเหลยไว้ แล้วอุ้มขึ้นไปนั่งบนราวกั้น "อาเหลย เ้ารออยู่ที่บ้านกับพี่สาว"
"เจี๊ยกๆ" อาเหลยรับคำพลางซบกับตัวเธอ
...
[1] คำเรียกของหญิงรับใช้าุโ
[2] เทศกาลเดือนห้า ตรงกับวันที่ห้าเดือนห้าตามปฏิทินจันทรคติ หรืออีกอย่างว่าเทศกาลตวนอู่ หรือเทศกาลไหว้ขนมจ่าง หรือบ๊ะจ่าง (บ๊ะจ่างคือขนมจ่างไส้เนื้อ) มีการแข่งเรือั
[3] อู่หวง (ห้าเหลือง) เป็ชื่ออาหารที่มีคำว่าหวง ได้แก่ หวงกวา (แตงกวา) หวงซ่าน (ปลาไหล) หวงอวี๋ (ปลาเหลือง) เสียนยาต้านหวง (ไข่เป็ดเค็ม) สยงหวงจิ่ว (เหล้าเหลือง)