เหลียนเซวียนเห็นขนมวางอยู่เต็มโต๊ะ พลันรู้สึกปวดหัว
นิสัยแย่ๆ แบบนี้ไม่รู้ว่าถูกปลูกฝังมาั้แ่เมื่อไร
กินของเหล่านี้แล้วยังต้องกินมื้อเย็นหรือไม่
"พรุ่งนี้ก็เป็วันตวนอู่แล้ว พวกเราฉลองกันล่วงหน้า" เซวียยิ้มร่าเริงพลางลอกใบไผ่
"คุณหนู ข้าได้ยินคนในพื้นที่บอกว่าพรุ่งนี้จะมีการจัดงานเฉลิมฉลองใหญ่โต ครึกครื้นมาก" อูหลันฮวาปอกไข่ใบชา
"มีการแสดงเชิดัเชิดสิงโตด้วย" เซวียเสี่ยวเหล่ยเสริมอีกประโยค
"เช่นนั้นพรุ่งนี้พวกเ้าก็ไปชมการแสดงเถอะ ระวังความปลอดภัยด้วยล่ะ" เซวียเสี่ยวหรั่นกลับไม่แสดงท่าทีตื่นเต้น
"คุณหนูไม่ไปหรือ" อูหลันฮวามองเหลียนเซวียน ในใจคิดว่านี่ก็หลายวันแล้ว ไฉนถึงยังไม่ให้คุณหนูออกไปข้างนอกอีก
"ข้าไม่ไปหรอก คนเยอะ เบียดกันแย่ พวกเ้ากลับมาเล่าให้ข้าฟังก็ได้" เซวียเสี่ยวหรั่นลอกเปลือกบ๊ะจ่างเรียบร้อยก็วางใส่ชามของเหลียนเซวียน
เหลียนเซวียนหลุบตามองบ๊ะจ่างรูปสามเหลี่ยมในชามพลางเม้มริมฝีปาก "เ้าอยากไปก็ตามไปเถอะ ไม่ต้องสนใจอย่างอื่น"
"ไม่ล่ะ ถ้ามีแข่งเรือัก็ว่าไปอย่าง เชิดัเชิดสิงโตไม่ได้น่าดูเท่าไรนักหรอก หลันฮวากับเสี่ยวเหล่ยไปดูกันเถอะ"
ทุกครั้งเมื่อถึงเทศกาลปีใหม่หมู่บ้านของเธอจะมีเชิดัเชิดสิงโต ตอนเด็กๆ เธอยังตื่นเต้นอยู่บ้าง หลังจากโตขึ้น เธอยอมนอนเล่นมือถือดีกว่าไปชมความครึกครื้น
"เช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าจะไปกับนายน้อย และดูแลเขาเองเ้าค่ะ" อูหลันฮวาหัวเราะร่า นางอยากไปดูมาก
"ไปเถอะๆ ระวังความปลอดภัยก็พอ" เซวียเสี่ยวหรั่นลอกเปลือกขนมจ่างเสร็จก็วางใส่ชามของเซวียเสี่ยวเหล่ย "ในห่อเป็ขนมจ่างไส้เกาลัดกับขนมจ่างไส้เค็ม เหลียนเซวียน ได้ยินว่าทางเหนือส่วนมากกินขนมจ่างหวาน ท่านลองชิมความแตกต่างของไส้หวานกับไส้เค็มดูสิ"
ไม่ว่าจะขนมจ่างไส้หวานหรือไส้เค็มเขาก็ไม่ชอบทั้งนั้น
เหลียนเซวียนอยากพูดแบบนี้ แต่พอเงยหน้าขึ้นมองสามคนด้านข้าง แต่ละคนล้วนกินกันจนแก้มตุ่ยอย่างมีความสุข
"อร่อยจริงๆ ข้าวเหนียวนึ่งได้นุ่มมาก"
"อือ ใช่เลย อร่อยมากๆ"
"ใส่เกาลัดเยอะๆ แบบนี้ อร่อยที่สุด"
"..."
เหลียนเซวียนจนใจยิ่ง ไม่อยากทำลายความสุขของพวกเขา ฝืนคีบขนมจ่างรูปสามเหลี่ยมขึ้นมากิน
"อร่อยไหม ยังมีอีกหนึ่งชิ้นนะ" เซวียเสี่ยวหรั่นปอกเปลือกต่อ
เหลียนเซวียนรีบสั่นศีรษะทันที ถึงแม้ว่ารสชาติของมันจะกินไม่ยากก็ตาม
"เช่นนั้นท่านจะกินแป้งทอด อ้ายเย่ปาปา หรือไข่ต้มใบชาดีล่ะ?" เซวียเสี่ยวหรั่นชี้ไปที่ของกินสองสามอย่าง
เหลียนเซวียนคีบแป้งทอดขึ้นมาชิ้นหนึ่ง หากเขาไม่เลือก นางคงไม่ยอมจบเป็แน่
เซวียเสี่ยวหรั่นยิ้มก่อนวางขนมจ่างในมือใส่ชามของเซวียเสี่ยวเหล่ย "เสี่ยวเหล่ย กินเยอะหน่อย อย่าเลือกนัก ถ้าเลือกมากเดี๋ยวจะไม่สูง"
เหลียนเซวียนกลอกตาใส่ ด้วยส่วนสูงของเขา นางนึกว่าถ้อยคำเสียดสีเหล่านี้จะใช้ได้ผลหรือ
เซวียเสี่ยวหรั่นหัวเราะคิกคัก ไม่แยแสที่เขากลอกตาใส่
"คุณหนู ทางตะวันตกของเมืองมีร้านลวี่เฝิ่น [1] แบบต้นตำรับ คนในท้องถิ่นส่วนใหญ่ล้วนบอกว่าอร่อย" อูหลันฮวาเล่าเื่ที่ไปสอบถามมาจากตลาดให้ฟัง
"อ้อ จริงหรือ เช่นนั้นเย็นนี้พวกเราไปชิมลวี่เฝิ่นแบบดั้งเดิมของพวกเขากัน" เซวียเสี่ยวหรั่นสนใจขึ้นมาทันที
แม้เซวียเสี่ยวเหล่ยจะไม่พูดอะไร แต่เห็นั์ตาทอประกายวาววับก็มองออกแล้วว่าเขาตื่นเต้นอยู่ในใจ
"..."
ของบนโต๊ะกองใหญ่ยังกินไม่หมด ก็นึกถึงว่าตอนเย็นจะกินอะไรแล้ว สามคนนี้ถ้าไม่ใช่พวกเดียวกันก็คงไม่มาสุมหัวอยู่ที่เดียวกัน
เหลียนเซวียนหนังตากระตุก ใช้ตะเกียบคีบแป้งทอดในชามเงียบๆ ของกินเล่นเหล่านี้ล้วนทำมาจากแป้งข้าวเหนียว ของกินจากแป้งข้าวเหนียวช่างมีมากมายเสียเหลือเกิน
ใกล้พลบค่ำ หมู่เมฆดำทะมึนปกคลุมทั่วท้องนภา ไม่ช้า ฝนก็เทลงมาจั้กๆ อย่างแรง
ทั้งสามคนแหงนหน้าดูฟ้าภายในเรือนหลังเล็ก พลางทอดถอนใจ
เื่กินลวี่เฝิ่นเป็มื้อเย็นคงจะชวดไปเสียแล้ว
เหลียนเซวียนยืนอยู่ข้างหน้าต่างมองพวกเขาพลางลอบหัวเราะเยาะในใจ
ฝนฤดูร้อนจะว่ามาเร็วไปเร็ว ท้องฟ้ายามราตรีมืดมิด แสงดาวพราวพร่างระยิบระยับ
เสียงจักจั่นตามกอหญ้าร้องกันระงม บรรยากาศโรงเตี๊ยมอันผิงเข้าสู่ความเงียบสงบ
ตะเกียงน้ำมันในห้องของเหลียนเซวียนสว่างไสว
"ก๊อกๆๆ" เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ
เหลียนเซวียนซึ่งกำลังพักสายตาลืมตาขึ้น
"เข้ามา"
ประตูเปิดเข้ามา เงาร่างสูงใหญ่ว่องไวราวกับภูตผีเข้ามาคุกเข่าชันขาข้างเดียวที่พื้นเรียบร้อย
"องค์ชาย..."
เสียงกระซิบแ่เจือไปด้วยความตื่นเต้นและสั่นพร่าเล็กน้อย
"เหลยลี่ ลุกขึ้นเถอะ"
หนึ่งปีแล้ว เหลียนเซวียนได้พบหัวหน้าองครักษ์ของตนเองอีกครั้ง เกิดความรู้สึกซับซ้อนอย่างยิ่งในหัวใจ
"องค์ชาย ทรงปลอดภัย ช่างดียิ่งนัก"
เหลยลี่ขอบตาแดงขอบคุณในพระกรุณาก่อนลุกขึ้น บุรุษสูงเจ็ดฉื่อท่วงท่าห้าวหาญ เอ่ยวาจายังไม่ทันจบประโยคก็น้ำตาแทบไหล
หนึ่งปีที่ผ่านมานี้เหลยลี่แทบจะพลิกแผ่นดินแคว้นฉีกับซีฉี เพื่อค้นหาองค์ชายที่หายไปอย่างไร้ร่องรอย แต่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าบุคคลที่ตนเองเพียรตามหาเท่าไรก็หาไม่พบจะมาปรากฏตัวถึงดินแดนห่างไกลอย่างแคว้นหลี
เหลียนเซวียนหัวไหล่ที่ยังคงเปียกชื้นของอีกฝ่าย "พวกเ้ามาถึงตอนเย็นรึ"
"พ่ะย่ะค่ะ พวกข้าน้อยรีบเดินทางมาจากชายแดนยงหนิงก่อนที่ประตูเมืองจะปิด" เหลยลี่เก็บอารมณ์ตื่นเต้นไว้อย่างดี
"เหลิ่งอีล่ะ?" เสียงของเหลียนเซวียนแฝงไปด้วยความเ็า
"ั้แ่พระองค์หายไป ก็ไม่เห็นเหลิ่งอีแม้แต่เงาพ่ะย่ะค่ะ" มือทั้งสองของเหลยลี่ที่วางอยู่ข้างตัวกำเป็หมัดแน่น เขาย่อมรู้ การหายตัวไปขององค์ชาย เหลิ่งอีต้องมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างหนีไม่พ้น
แต่ที่น่าแค้นใจคือเ้าคนถ่อยผู้นั้นกลับเหมือนหายไปในอากาศ ไม่เหลือร่องรอยทิ้งไว้เลย
แววตาของเหลียนเซวียนผุดประกายเย็นะเื
เป็คนผู้นั้นจริงๆ
หากไม่มีหนอนบ่อนไส้ ต่อให้ถูกวางยาพิษ เขาก็คงไม่ถูกคนพาไปโดยง่าย
แผนสูงยิ่งนัก แม้แต่หัวหน้าองครักษ์เงาของเขายังถูกซื้อไปได้
เหลียนเซวียนหลุบสายตาซ่อนแววเ็ากระหายเื
"ตอนนี้ใครดูแลองครักษ์เงา"
"เหลิ่งซานพ่ะย่ะค่ะ แต่ข้าน้อยไม่เผยเบาะแสของพระองค์ให้เขารู้" เหลยลี่รีบให้คำตอบ
เหลียนเซวียนมุ่นคิ้วครุ่นคิด "เอาพิราบสื่อสารมาด้วยหรือไม่"
"ทูลองค์ชาย เอามาสองคู่พ่ะย่ะค่ะ"
"ส่งข่าวถึงเหลิ่งซาน ให้เขาปรับปรุงหน่วยองครักษ์เงาั้แ่ระดับบนถึงระดับล่าง หากมีพวกกินในเกาะนอก [2] อีก ให้เขาหิ้วศีรษะมาพบข้า"
"พ่ะย่ะค่ะ องค์ชาย"
"หงกูเล่า?"
"ทูลฝ่าา การเดินทางค่อนข้างเร่งด่วน ร่างกายของหงกูรับไม่ไหว ประกอบกับ่เย็นเปียกฝน พอลงจากหลังม้าก็ล้มป่วยพ่ะย่ะค่ะ" เหลยลี่รีบอธิบาย "หงกูอายุมากแล้ว หลังได้ข่าวของพระองค์ ก็ดีใจจนนอนไม่หลับหลายคืน ยิ่งถูกเคี่ยวกรำอย่างหนักจากการเดินทาง จึงไม่สบายพ่ะย่ะค่ะ"
"รู้แล้ว ให้นางหายป่วยค่อยมา" เหลียนเซวียนพยักหน้า
เหลยลี่กับหงกูเป็บริวารที่มีความสามารถสูงสุดข้างกายเขา และอยู่ร่วมกันมายาวนาน เหลียนเซวียนจึงไว้เนื้อเชื่อใจสองคนนี้มาก
"องค์ชาย ตอนนั้นผู้ที่ลักพาตัวพระองค์ไปเป็ใครกันแน่"
เหลยลี่มองแผลเป็บางๆ บนใบหน้าของเ้านาย หัวใจพลันหดเกร็ง นั่นคือรอยแส้ ใครที่กินหัวใจหมีดีเสือดาว ถึงกับกล้าหวดแส้บนใบหน้าขององค์ชาย
...
[1] ลวี่เฝิ่นคือก๋วยเตี๋ยวเส้นแป้งขาวลักษณะคล้ายเส้นเล็ก ใส่เครื่องหมูสับ ถั่วลิสงป่น กะหล่ำปลีสับ หัวหอมใหญ่ งาดำป่น เต้าเจี้ยว รสชาติออกหวานหอมกรุบกรอบ
[2] หมายถึงคนทรยศ กินบนเรือนขี้บนหลังคา