ไม่ได้หมายความเช่นนี้ แล้วหมายความเช่นไร?
เซวียเสี่ยวหรั่นมองเขาอย่างกังขา
"อีกสองวันองครักษ์ของข้าคงจะมาถึงแล้ว การเกล้าผมเยี่ยงสตรีออกเรือนไม่เป็ผลดีต่อชื่อเสียงของเ้า" เหลียนเซวียนอธิบายอย่างเอาจริงเอาจัง
นางไม่อาจเปลี่ยนสถานะไปเป็สตรีออกเรือนแบบขอไปที โดยไม่มีสามหนังสือหกพิธีรวมถึงเกี้ยวแปดคนหาม ตบแต่งตามธรรมเนียมเป็ภรรยา หนีตามกันเป็อนุ จะให้เื่นี้ทำลายชื่อเสียงของนางไม่ได้เป็อันขาด นี่เกี่ยวพันถึงเื่ในภายหน้า จะปล่อยผ่านไปแบบเลอะเลือนไม่ได้
องครักษ์ของเขา? เซวียเสี่ยวหรั่นอุทานอย่างตกตะลึง "ท่านมีองครักษ์ด้วย?"
นี่มันใช่ประเด็นสำคัญหรือ? ประเด็นสำคัญคือชื่อเสียงของนางไหม? เหลียนเซวียนเม้มริมฝีปากอย่างเหนื่อยหน่าย
เซวียเสี่ยวหรั่นยิ้มประหม่า เขาอธิบายมาครานี้ เธอก็เข้าใจความหมายแล้ว
ถ้าองครักษ์ของเขามา แล้วเห็นเ้านายของตนเองเปลี่ยนจากสถานะโสดไปเป็สมรส ก็คงต้องอธิบายกันวุ่นวาย
นอกจากนี้เขายังมีคนในครอบครัวกับสหาย หากไม่ระวังข่าวแพร่ไปถึงครอบครัวเขา ก็จะยิ่งอธิบายได้ไม่ชัดเจน
มิน่า เขาถึงให้เธอเปลี่ยนทรงผม เพียงแค่เปลี่ยนเป็ทรงของสตรีที่ยังไม่ออกเรือน ปัญหาทุกอย่างก็จะคลี่คลายได้
"ได้ ข้าจะไปเปลี่ยนทรงผมเดี๋ยวนี้เลย" เซวียเสี่ยวหรั่นไม่มีข้อแม้ พยักหน้าตอบตกลงทันที
ไม่อาจให้ความเห็นแก่ตัวเล็กน้อยของตนเองทำให้เขาถูกคนในครอบครัวเข้าใจผิด
"แต่หลันฮวากับเสี่ยวเหล่ย... ควรจะบอกพวกเขาอย่างไร" เซวียเสี่ยวหรั่นที่เพิ่งลุกขึ้นก็นึกถึงเื่สำคัญได้
"ไม่มีปัญหา ข้าอธิบายเอง เ้าไปตามอูหลันฮวามาก็พอ" เหลียนเซวียนคิดข้ออ้างเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
"อ้อๆ ได้" มีถ้อยคำจากเขาประโยคนี้ เซวียเสี่ยวหรั่นก็เบาใจไปมาก สาวเท้าก้าวใหญ่ออกไป
หลังจากเรียกอูหลันฮวาซึ่งกำลังตัดเย็บอาภรณ์ไปหาเหลียนเซวียนแล้ว ก็กลับไปห้องของตนเอง เริ่มเปลี่ยนทรงผมไปเป็แบบหญิงสาวที่ยังไม่ออกเรือน
เธอไม่เคยทำแต่ดีชั่วอย่างไรก็มีความรู้ไม่น้อย
สตรีที่ยังไม่ออกเรือนปรกติแล้วก็มักจะเกล้ามวยง่ามคู่ มวยห่วงคู่ มวยก้นหอย มวยสองห่วง มวยรูปอักษรกว้าน (丱) ทรงผมเหล่านี้ค่อนข้างจะเรียบง่าย
นอกจากนี้ยังมีทรงที่ซับซ้อนขึ้นไปอีก เช่นมวยวงระย้า มวยไป่เหอ มวยเซียนเหิน เป็ต้น
คุณหนูลูกผู้ดีมีเงินเช่นเมิ่งหว่านเหนียง ยามออกจากบ้านก็ต้องเกล้าผมที่ประณีตละเอียดอ่อน ปักปิ่นไข่มุกประดับบนมวยผม จะยิ่งช่วยขับเสริมให้ดูสูงศักดิ์มีสง่าราศี
ฝีมือระดับมือพิการอย่างเซวียเสี่ยวหรั่นไม่อาจเกล้ามวยผมที่สลับซับซ้อน และท้าทายความสามารถเ่าั้ได้อยู่แล้ว
แค่ทำทรงห่วงคู่แบบเรียบง่ายได้ ก็นับว่าไม่เลวแล้ว
เริ่มต้นจากปล่อยผมลงมา หลังจากนั้นก็หวีแสกกลางแบ่งเป็สองข้าง หวีให้เป็มวยหรือห่วงสองด้านตรงข้ามกัน ใช้แถบผ้ารัดหรือไม่ก็ปักปิ่นให้อยู่ทรง เป็อันเสร็จเรียบร้อย
จินตนาการเต็มเปี่ยม แต่ของจริงแห้งเหี่ยว
เื่ที่คิดว่าไม่ยาก แต่เธอก็ปลุกปล้ำกับมันจนเหงื่อท่วมศีรษะ
จนกระทั่งอูหลันฮวากลับมา เห็นผมทรงห่วงคู่สูงข้างต่ำข้างของเธอก็แทบไม่อยากเชื่อสายตา
ต้าเหนียงจื่อกับหลางจวินใกล้ชิดกันเพียงนั้น แต่กลับไม่ใช่คู่สามีภรรยา
"ต้าเหนียงจื่อ โอไม่สิ คุณหนู ข้าช่วยท่านเองเ้าค่ะ"
เซวียเสี่ยวหรั่นตะลึงตาค้างกับคำเรียกของนาง "หลันฮวา เหตุใดเ้าเรียกข้าว่าคุณหนู"
คุณหนูไม่ใช่คำที่เรียกกันส่งเดชได้
"หลางจวินบอก โอ ไม่ใช่ คุณชายบอกมาเ้าค่ะ" อูหลันฮวาตอบอย่างสัตย์ซื่อ
หา? แม้แต่คำเรียกของเขาก็ต้องเปลี่ยน
"หลันฮวา เ้าเรียกข้าว่าพี่สาวเถอะ ข้าคืนสัญญาขายตัวให้เ้าแล้ว เ้าเป็น้องสาวของข้าดีหรือไม่" เซวียเสี่ยวหรั่นเริ่มกลุ้ม
เธอกลายเป็คุณหนูได้อย่างไรกันเนี่ย!
"ไม่ได้ มิได้เป็อันขาด หลันฮวาเป็คนที่ต้า... เอ้อ คุณหนูซื้อมา อยู่เป็สาวใช้ของคุณหนู ตายก็เป็สาวใช้ของคุณหนู
อูหลันฮวาสาบานที่จะปกป้องสถานะสาวใช้ของตนเองด้วยความตาย
"..."
์ ได้โปรดปล่อยสายฟ้าลงมาปลุกสติยายทึ่มคนนี้ทีเถอะ
เซวียเสี่ยวหรั่นเห็นใบหน้าดื้อดึงของอูหลันฮวาก็รู้สึกละเหี่ยใจ
"คุณหนู มวยห่วงคู่เบี้ยวแล้วเ้าค่ะ" อูหลันฮวาเห็นทรงผมบูดๆ เบี้ยวๆ บนศีรษะของนางก็รีบเข้ามาช่วยเหลือ
"ข้ารู้" เซวียเสี่ยวหรั่นกลับมานั่งหน้าคันฉ่องอย่างมีแรงใจแต่ไร้กำลัง
ยื่นมือไปแกะมวยผมออก แล้วเริ่มหวีผมใหม่
"เอ้อ... เหลียนเซวียนพูดอย่างไรกับเ้าบ้าง" เซวียเสี่ยวหรั่นอยากรู้เื่นี้
"หลางจวิน เอ๊ย ไม่ใช่ คุณชายบอกว่า คุณหนูกับเขาหลงเข้าไปในป่า เดินวนเวียนอยู่นานก็ออกมาไม่ได้ ต่อมาไปพบกับพวกท่านลุงซี ในที่สุดก็ออกมาสำเร็จ ตอนนั้นคุณชายได้รับาเ็สาหัส คุณหนูเป็สตรีอ่อนแอ พวกท่านต้องพักฟื้นเพื่อรักษาอาการาเ็ในหมู่บ้าน ด้วยเกรงว่าจะเกิดข่าวลือเสียหาย จึงต้องแกล้งหลอกคนภายนอกว่าเป็สามีภรรยากัน"
เพราะต้องระมัดระวังเื่สำเนียงและการออกเสียง คำพูดเพียงท่อนเดียวยังต้องใช้เวลานาน
"ตอนนี้พวกเราออกมาจากขู่หลิ่งถุนแล้ว ต้องออกจากแคว้นหลีมุ่งหน้าสู่แคว้นฉี สถานะมิอาจหมองมัว ดังนั้นคุณชายจึงให้ข้าเปลี่ยนคำเรียกใหม่ และเรียกสือโถวว่านายน้อยให้ติดปาก คุณชายบอกว่าไปแคว้นฉีก็ต้องขานเรียกตามธรรมเนียมตามของแคว้นฉี"
อูหลันฮวาเอ่ยช้าๆ ทีละคำ
เซวียเสี่ยวหรั่นฟังจนมึนหัว แต่โชคดี ข้ออ้างที่เหลียนเซวียนเลือกไม่เลวทีเดียว อย่างน้อยก็เป็คำอธิบายที่มีเหตุผล
ในใจเธอรู้สึกโล่ง แต่มือที่เกล้าผมกลับไม่ค่อยฟังคำสั่ง
"เสี่ยวเหล่ยกลับมาหรือยัง"
"กลับแล้ว อยู่ที่ห้องของคุณชายเ้าค่ะ" อูหลันฮวาลองช่วยนางเกล้ามวยผมอีกข้างหนึ่ง
เซวียเสี่ยวหรั่นพยักหน้า เซวียเสี่ยวเหล่ยเชื่อมั่นและนับถือเหลียนเซวียนมาั้แ่ไหนแต่ไร
ในที่สุดมวยห่วงคู่ของเซวียเสี่ยวหรั่นก็เสร็จเรียบร้อย แต่ก็เป็เื่หลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม
เซวียเสี่ยวหรั่นไปห้องของเซวียเสี่ยวเหล่ย
เขากำลังกะเทาะเปลือกเกาลัดให้อาเหลย เห็นนางเข้ามาก็ยืนขึ้นเรียก "พี่สาว"
"นี่ เสี่ยวเหล่ย เ้าได้ยินที่เหลียนเซวียนบอกแล้วสินะ" เซวียเสี่ยวหรั่นมองสีหน้าเขาอย่างพินิจ
"พี่สาว ข้าทราบแล้วขอรับ พี่เหลียนบอกข้าแล้ว ข้าจะไม่พูดส่งเดช พี่สาววางใจได้" แม้เซวียเสี่ยวเหล่ยยังเป็เด็ก แต่ก็เป็เด็กหัวไว ฉลาดปราดเปรื่อง
"อื้ม เสี่ยวเหล่ยเป็เด็กฉลาดรู้ความ พี่สาวสบายใจมาก" เซวียเสี่ยวหรั่นลูบหัวเขา "รออีกหน่อยเสี่ยวเหล่ยมีอนาคตก้าวไกล พี่สาวจะได้พึ่งพาวาสนาของน้องชายเสียที"
"พี่สาว ข้าจะพยายามสร้างอนาคตที่ดี" เซวียเสี่ยวเหล่ยทำสีหน้าขึงขัง เอ่ยวาจาจริงจัง
"ประเสริฐ พี่สาวเชื่อเ้า" เซวียเสี่ยวหรั่นไม่ได้คาดหวังให้เขามีอนาคตไกลมากมาย เพียงแค่เติบโตอย่างปลอดภัยและมีสุขภาพแข็งแรง เป็เสาหลักค้ำจุนสกุลเซวียในภายภาคหน้า ให้เธอได้มีที่พักพิงอย่างสงบสุขชั่วชีวิตก็พอแล้ว
สองพี่น้องคุยกันครู่หนึ่ง เซวียเสี่ยวหรั่นก็ไปห้องของเหลียนเซวียน
เหลียนเซวียนมองผมทรงห่วงคู่ของนาง ดวงตาทอประกายวับวาว
วันนี้นางสวมเสื้อคลุมปักลายคลื่นวารีสีขาวนวลดั่งจันทร์กระจ่าง เข้ากับกระโปรงร้อยจีบลายบุปผาโปรยปราย อ่อนหวานละมุนละไมไปทั้งตัว ดวงหน้ารูปไข่เล็กเพียงฝ่ามือ ลาดไหล่บาง เอวคอดกิ่วดังกิ่งหลิว แลดูอรชรอ้อนแอ้น
หลังเกล้ามวยห่วงคู่ทำให้นางดูอ่อนเยาว์ลงกว่าเดิม ไม่เหมือนหญิงสาวอายุสิบแปดสิบเก้าแม้แต่น้อย
"เหลียนเซวียน ท่านดูสิ ข้าขลุกอยู่กับมันเป็ครึ่งค่อนวัน ในที่สุดก็สำเร็จ นับว่าเรียบร้อยดีอยู่กระมัง" เซวียเสี่ยวหรั่นนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเขา หันศีรษะให้เขาดูผลงาน
"อื้ม เรียบร้อยใช้ได้" สายตาของเหลียนเซวียนหยุดอยู่บนไรผมด้านหน้าที่ชุ่มเหงื่อเล็กน้อยของนาง