กวนซูเยวียนที่นั่งอยู่ข้างกายนางเมื่อนึกถึงเงินหนึ่งพันกว่าตำลึงอย่างไรก็รู้สึกตัดใจไม่ได้ จึงดึงแขนเสื้อของนางเบาๆเป็ความหมายว่า…อย่ามีเื่กับคุณชายท่านนี้
เฉินเนี้ยนหรานสะกดความโกรธไว้ในใจก่อนจะยกถ้วยน้ำแกงขึ้นมาดื่ม
ความจริงแล้ว แม้น้ำแกงจะมีกลิ่นยา แต่รสชาติก็ไม่เลวเลยอีกทั้งของสีดำที่เอามาบำรุงก็ยังดีต่อสตรี น้ำแกงนี้ไม่เลวเลยจริงๆ
หากไม่ใช่เพราะรู้สึกไม่พอใจกับการกระทำของโจวอ้าวเสวียนเฉินเนี้ยนหรานจะรู้สึกว่าน้ำแกงนี้อร่อยมาก แต่เพราะถูกเขาบังคับดังนั้นนางจึงรู้สึกเกลียด…น้ำแกงนี้ขึ้นมา
เมื่อฝืนดื่มน้ำแกงถ้วยนี้ลงไปแล้ว โจวอ้าวเสวียนก็ปรบมือ“ข้าว่าแล้วว่าเ้าจะต้องชอบ มา ดื่มอีกถ้วย”
ใบหน้าของเขาตื่นเต้นดีใจ ดวงตาสีดำสนิททั้งสองข้างระยิบระยับอารมณ์เบิกบานขึ้นมา มีท่าทางที่เฉินเนี้ยนหรานไม่เคยเห็นมาก่อน บางทีอาจจะเพราะถูกท่าทางดีใจของเขาล่อลวงรอจนกระทั่งนางรู้สึกตัวว่าบุรุษคนนี้ทำอะไรลงไป อยากจะห้ามก็ช้าไปเสียแล้ว
นางจ้องน้ำแกงสีดำถ้วยใหญ่ตรงนั้น มองอาหารที่วางอยู่เต็มโต๊ะ แล้วมองไปยังบุรุษอารมณ์ดีข้างกายที่คอยจ้องมาที่ตนเองอยู่ตลอด…น้ำแกงนี่จะดื่มหรือไม่ดื่ม? อาหารเต็มโต๊ะเช่นนี้อีกทั้งยังมีอุ้งตีนหมี และห่านฟ้า ยังมีรังนก…มารดาเอ๊ยล้วนแต่เป็ของที่ปกตินางไม่ได้ทาน ของที่ว่ายในน้ำทะเลบินบนฟ้า อย่างไรก็ไม่ใช่สิ่งที่นางอยากได้ที่สุด
จะถูกรังแกแบบนี้ไม่ได้อีก นางจึงหันกลับไปยิ้มสดใสให้โจวอ้าวเสวียนแล้วดันถ้วยน้ำแกงไปด้านข้าง “น้ำแกงนี่…ไม่เลวเลยจริงๆ เ้าค่ะหาได้ยากที่คุณชายห้าใส่ใจสาวใช้ครึ่งวันเช่นข้า ด้วยอารมณ์เบิกบานเช่นนี้ข้าจะทำให้คุณชายรู้สึกไม่ดีได้อย่างไร ดังนั้นน้ำแกงถ้วยนี้ ข้าตัดสินใจแล้วว่าจะห่อกลับไปเป็อาหารยามดึก ส่วนในตอนนี้ ข้าสามารถทานอาหารชนิดอื่นได้หรือไม่?”
นางพูดไปก็เลียริมฝีปากไปด้วยความกระหาย มองอาหารพวกนี้ไม่ละสายตา
ท่าทางอยากทานชัดเจนเช่นนี้ กวนซูเยวียนที่มองอยู่ถึงกับปิดหน้า ์แม่หนูที่รู้จักมารยาทมาตลอดของพวกนางไปที่ใดแล้ว สตรีตรงหน้าที่ท่าทางราวกับไม่เคยกินอาหารมาแปดชาติไม่ใช่แม่หนูของพวกเขาแน่
โจวอ้าวเสวียนถูกพูดดักมาเช่นนั้น ในที่สุดก็ผายมือ เป็ความหมายว่านางสามารถทานได้
กวนซูเยวียนเห็นคุณชายเอาแต่จ้องนางจัดการอาหารจนลืมแม้กระทั่งกินข้าวของตนเอง นางถึงได้กระแอมออกมา
เฉินเนี้ยนหรานที่คีบเนื้อเตรียมตัวจะเอาเข้าปากพอเห็นกวนซูเยวียนกระแอมไอ ก็รีบส่งเนื้อคำนั้นไปที่ถ้วยของป้าแทน “ท่านป้าอร่อยเ้าค่ะ ท่านปวดใจที่จ่ายเงินไปไม่น้อยไม่ใช่หรืออาหารบนโต๊ะนี้จ่ายเงินไปมากกว่าที่ท่านซื้อของในอำเภอครั้งนี้สิบเท่านะเ้าคะดังนั้น ของดีๆ พวกนี้จะสิ้นเปลืองไม่ได้ จะต้องทานให้หมด จึงจะถือว่าประหยัดแล้ว”
คิ้วของกวนซูเยวียนเลิกขึ้น อดไม่ได้ที่จะถามนางออกมาเบาๆ “อาหารนี่…แพงถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?”นางเข้าอำเภอในครั้งนี้ รวมๆ แล้วใช้ไปประมาณสิบตำลึงเงินสิบตำลึงนี้นางใช้ไปก็รู้สึกเ็ปใจ
อาหารบนโต๊ะนี้ หากเป็ไปตามที่แม่หนูพูด เช่นนั้นก็ต้องเป็เงินหนึ่งร้อยตำลึงขึ้นไปน่ะสิ! ์ อาหารทั้งโต๊ะนี้ราคามากกว่าหนึ่งร้อยตำลึงกวนซูเยวียนรู้สึกว่าสมองของตนใกล้จะมึนไปหมดแล้ว
ปากของเฉินเนี้ยนหรานเคี้ยวไม่หยุด ตะเกียบยิ่งไม่หยุด ตอนที่คีบให้ตัวเองขณะเดียวกันก็ไม่ลืมคีบให้เฉินจื่อิและกวนซูเยวียนด้วย
“ท่านป้า ไม่เช่นนั้นข้าจะพูดว่าการมาทานอาหารครั้งนี้จะต้องเป็อาหารเหลาได้อย่างไรเช่นนี้ถึงจะสามารถตอบรับการดูแลของคุณชายห้าที่จ่ายเพื่อพวกท่านนะเ้าคะ เ้านั่นข้าพูดถึงตีนหมีนั่นแล้วกัน คาดเดาแล้ว คงราคาห้าสิบสองตำลึง เ้านี่กินไม่ค่อยชินแล้วยังมีเนื้อห่านฟ้า ราคาพอๆ กัน ส่วนน้ำแกงอู่หลงนี่ คาดว่าราคายี่สิบตำลึงโดยประมาณแล้วก็กับข้าวนี่….”
เฉินเนี้ยนหรานรายงานอาหารทุกชนิด คิ้วของกวนซูเยวียนก็กระตุก
ทุกราคาที่นางพูดออกมา นางจะคีบของไปวางไว้ในถ้วย คำนวณที่กินไป ดูว่าวันนี้ตนสามารถกินเข้าไปได้กี่ตำลึง…
เฉินจื่อิดึงนางไว้ หวังว่าภรรยาของตนเองจะไม่ก่อเื่ตามไปกับหลานสาวแน่นอน กวนซูเยวียนที่ถูกราคาสูงเทียมฟ้าล่อลวงไปแล้ว มีหรือจะสนใจสามีของตนเองตอนนี้นางมีเพียงความคิดเดียว นั่นคือข้ากินเข้าไปเยอะเท่าไร เช่นนั้นถือว่าประหยัดเงินเข้าไปอีกคีบมาหนึ่งคำ ก็มีความเป็ไปได้ว่าจะราคาหลายตำลึงแล้ว หากกิน…แล้วให้ร้านอาหารเก็บกลับไปเช่นนั้นมันคือการสิ้นเปลือง! สิ้นเปลืองเป็ความน่ารังเกียจแน่นอน!!!
เมื่อเห็นว่าโน้มน้าวสตรีทั้งสองไม่ได้แล้ว เฉินจื่อิจึงทำได้เพียงหันไปยิ้มกระอักกระอ่วนให้โจวอ้าวเสวียนอย่างขอโทษขอโพยซึ่งคนถูกส่งยิ้มให้ก็ทำเพียงนั่งมองสองคนนี้ทานอาหารนิ่งๆ
เป็กวนซูเยวียนที่ทานไปได้ครึ่งหนึ่งก็รู้สึกว่าเหตุใดจึงแปลกประหลาดเช่นนี้ก่อนจะพบว่าเฉินเนี้ยนหรานคอยคีบอาหารให้พวกนางสองคน แต่ไม่ได้คีบให้โจวอ้าวเสวียน
จึงยกมือขึ้นไปหยิกหลานสาวที่ยังคีบอาหารอยู่ซึ่งคนถูกหยิกอย่างเฉินเนี้ยนหรานก็เจ็บเงยหน้าขึ้นมามองกลับเห็นกวนซูเยวียนบุ้ยปากไปทางโจวอ้าวเสวียน และใช้สายตากวาดไปยังอาหารบนโต๊ะเ้าเด็กนี่ เ้ามาเอาเงินนะ อย่าพูดว่าข้ากำลังขายเ้าเลยนี่เป็การพูดกับเ้าดีๆ ข้ามองออกแล้วว่าคุณชายห้าถือว่าดีกับเ้าไม่เลวเลยเ้ากล้าทำไม่ดีกับเขา เงินนี่ พวกเราจะเอากลับมาอย่างไร
หลังจากได้รับการสั่งสอนแล้ว เฉินเนี้ยนหรานก็คีบผักกาดเขียวไปวางในถ้วยของโจวอ้าวเสวียนพร้อมกับส่งยิ้มประจบไปให้ “คุณชายเ้าคะ ทานผักสิเ้าคะ”
มองไปยังผัดผักใส่พริก นางก็คีบมาก้อนใหญ่ “คุณชาย กับข้าวนี้ทานเข้าไปเยอะๆสักหน่อยนะเ้าคะ ช่วยขจัดไอเย็นในร่างกายได้ และเ้านี่ ท่านก็ทานเข้าไปเยอะๆหน่อยนะเ้าคะ ข้าเห็นคุณชายตอนนี้ผ่ายผอมนัก หากไม่ทานปลาเข้าไปให้มากเสียหน่อยต่อไปตัวผอมขึ้นมาจะสู้คนเขาได้อย่างไรกันเ้าคะ”
โจวอ้าวเสวียนกวาดตามองนางนิ่งๆ ก่อนจะทานอาหารที่นางคีบมาให้เขาอย่างไม่เร่งร้อน
จนกระทั่งอาหารทั้งถ้วยถูกเขาทานจนหมด ตะเกียบนั้นถึงได้วางลงในตอนนี้อาหารทั้งโต๊ะยังเหลือหนึ่งในสาม กวนซูเยวียนกอดท้องกลมๆ ของตัวเองแล้วมองอาหารที่เหลือหนึ่งในสามก่อนจะถอนหายใจออกมา
“เฮ้อ ยังเหลืออีกประมาณห้าสิบตำลึงแล้ว นี่ก็เป็เงินนะจะสิ้นเปลืองเช่นนี้ได้อย่างไร”
คิ้วของเฉินเนี้ยนหรานเลิกขึ้น มองกวนซูเยวียนที่จะฝืนไปคีบกับข้าวขึ้นมาจึงรีบยกมือขึ้นไปตี “ท่านป้าเ้าคะ พวกเราทานต่อไม่ได้แล้วเ้าค่ะไม่เคยได้ยินหรือว่า มีเด็กคนหนึ่งกลับเรือนไปทานข้าวกับท่านพ่อ คืนนั้นทั้งสองคนทำอาหารมากมายด้วยความที่ทานอิ่มมากเกินไป ทำให้เด็กคนนั้นอิ่มจนตายเสีย อาหารค้างในลำไส้กินอิ่มจนอืดไป ถูกส่งไปที่โรงหมอ ตอนที่ส่งถึงมือหมอ ก็ไม่สามารถช่วยเขากลับมาได้”ไม่ทันได้ระวังนางเกือบพูดว่าโรงพยาบาลแล้ว จะต้องรู้ว่าเื่นี้เป็ตัวอย่างของยุคปัจจุบัน ตอนที่เห็นข่าวนี้ เฉินเนี้ยนหรานใมากคิดไม่ถึงว่ากินอิ่มมากเกินไปจะทำให้คนตายได้จริงๆ
“ไอ๊หยา ทานเยอะทำให้คนตายหรือ เช่นนั้นข้าไม่ทานแล้ว แม้จะสิ้นเปลืองเงินนี้จะทำให้เ็ป แต่เอามาเทียบกับชีวิตไม่ได้ ไอ๊หยา แม่หนู พอเ้าพูดขึ้นมาทำไมท้องของข้าถึงได้รู้สึกปวดขึ้นมาเล็กน้อยเล่า? ไม่ได้ไม่ได้การแล้ว ข้าปวดท้อง”
นางโวยวายขึ้นมาทำเอาเฉินเนี้ยนหรานใไปหมด วันนี้ท่านป้าผู้ตะกละคนนี้ทานเข้าไปไม่น้อยเลยจริงๆหากทานแล้วท้องไม่ดีขึ้นมาจริงๆ เกิดอาการป่วยขึ้นมาจะทำเช่นไร?
นางในตอนแรกก็ทานเข้าไปเยอะ แต่ความจริง หลังจากนั้นนางก็เลือกกินเล่นๆ
“ข้าว่าให้ลุงเฉินพาท่านป้ากลับไปที่โรงเตี๊ยมเถิด ข้ากับนางจะไปตามท่านหมอให้ไปที่โรงเตี๊ยม”
กวนซูเยวียนที่กุมท้องร้องโอดครวญพอได้ยินก็รีบโบกมือ “อย่า อย่าเรียกมาเรียกหมอมาจะต้องใช้เงิน”
“เงินนี้ท่านไม่ต้องออก หากป่วยจริงๆ จะต้องตรวจ อีกอย่าง ที่เรือนยังมีลูกชายอีกหลายคนรอท่านกลับบ้านอยู่นะขอรับ”โจวอ้าวเสวียนพูดโน้มน้าวต่อไปอย่างอ่อนโยน
พอพูดถึงลูกชาย ข้ออ้างมากมายของกวนซูเยวียนก็พูดไม่ออกอีก
เมื่อเป็เช่นนี้ นางก็ฮึดฮัดปล่อยให้เฉินจื่อิพยุงกลับไปทางโรงเตี๊ยม
ก่อนจะออกไป ยังไม่ลืมกำชับสาวใช้ “สาวใช้รบกวนเอาน้ำแกงนั้นส่งไปที่โรงเตี๊ยมเยว่หลายด้วยนะนี่เป็น้ำแกงที่มีค่ายี่สิบตำลึง ข้าเพิ่งจะดื่มไปแค่ถ้วยเดียวเอง!”
เฉินเนี้ยนหรานกุมขมับดูเหมือนว่าการแสดงเป็สตรีจะกละก่อนหน้านี้ของนางนั้น เกรงว่าท่านป้า…เหมือนจะเป็จะกละจริงๆเสียแล้ว
รอจนกระทั่งเฉินจื่อิพยุงกวนซูเยวียนออกไป เฉินเนี้ยนหรานจะตามออกไปด้วยแต่ผู้ใดจะคิดว่าแขนเสื้อกลับถูกโจวอ้าวเสวียนดึงเอาไว้
“เ้าอยู่กับข้าสักประเดี๋ยว” ออกคำสั่งเสียงเข้ม เฉินเนี้ยนหรานได้ยินก็ขมวดคิ้วไม่พอใจ“ท่านป้าของข้าทานจนท้องอืดแล้ว! จะต้องหาหมอ!”
“ข้าจะให้สาวใช้ไปเรียกหมอมา วางใจเถิด ท่านป้าของเ้าไม่มีทางเป็อะไรนางแค่ทานมากไปสักหน่อยเท่านั้น ความจริงแล้วก็ถูกเ้านั่นแหละทำให้ใ” โจวอ้าวเสวียนพูดตัดสินออกมาด้วยท่าทางนิ่งสงบ
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร นางที่เดิมทียังหวาดหวั่นใจหลังจากได้ยินเขาพูดเช่นนี้ หัวใจที่ไม่สงบนั้นก็พลันสงบลง
จ้องมองตาของโจวอ้าวเสวียนนิ่ง จากส่วนลึกในดวงตาของเขาเฉินเนี้ยนหรานอ่านความเ็ปนั้นออก เอ๋ บุรุษคนนี้ ที่ใช้วิธีต่ำช้ามาเลี้ยงข้าวพวกนี้ดูเหมือนแค่อยากจะพูดคุยกับนาง…เพียงลำพัง?
คิ้วขมวดเข้าหากัน เฉินเนี้ยนหรานนั่งตรงข้ามเขาเอาโถข้าวไปวางไว้ด้านข้าง ก่อนจะเริ่มรินชาใหม่อีกครั้ง
ที่มุมห้องมีเตาไฟเล็กๆ อยู่ เพื่อให้ลูกค้าได้ต้มน้ำตรงจุดนี้ถือว่าบริการได้ครบถ้วน
กลิ่นชาหอมๆ ลอยคลุ้งไปทั้งห้อง
ทั้งสองคนไม่พูดอะไร นั่งเงียบกันอยู่เช่นนี้มองเวลาผ่านที่ไปครึ่งก้านธูป เฉินเนี้ยนหรานก็นั่งไม่ติดแล้ว
นางเงยหน้าขึ้นไปมองโจวอ้าวเสวียนนิ่ง “คุณชายห้าหากท่านมีอะไรจะพูดก็พูดมาเสียตอนนี้เถิดวันนี้พวกเรายังอยากจะกลับไปที่เขตปาเจียวอยู่”ข้าไม่มีเวลามามองตาท่านเช่นนี้หรอก
โจวอ้าวเสวียนเงยหน้าขึ้น ดวงตาที่นิ่งเฉยมาตลอดในตอนนี้เต็มไปด้วยความทุกข์ใจ
“เ้าเป็…อย่างไรบ้าง?”
“ทำให้คุณชายห้าต้องลำบากเป็ห่วงเสียแล้ว ข้าสบายดีมากเ้าค่ะ”
“จริงสิ เ้า...เป็สตรีที่ไม่เหมือนผู้ใด คนที่ออกมาจากทางพวกเ้าต่างก็มีชีวิตที่ดีมาก”โจวอ้าวเสวียนยิ้มหัวเราะเยาะตนเอง ประโยคนี้กลับทำให้เฉินเนี้ยนหรานที่ฟังอยู่เลิกคิ้วขึ้นอยากจะถามว่าทางพวกเ้าคืออะไร? แต่นางไม่กล้าถามมาก
เื่บางเื่ พูดให้น้อยเป็ดี