“คุณชาย ข้าน้อยมีเื่ด่วน ขอออกไปจัดการธุระสักครู่จะกลับมาขอรับ”เมื่อเห็นคุณชายไม่ได้รั้งตนเองเอาไว้ เ้าของร้านจินก็รีบออกไปทันที
“อืม” โจวอ้าวเสวียนรับคำนิ่งๆ แล้วลุกขึ้นตอนรับเฉินจื่อิกับภรรยา “หลานขอทำความเคารพลุงเฉิน ป้าเฉิน”
“อืม อืม เด็กคนนี้หน้าตาหล่อเหลาจริงๆ” หลังจากกวนซูเยวียนเอ่ยปากชมออกมาก็รู้สึกว่าไม่ถูกต้อง จะชมคุณชายห้าเช่นนี้ได้อย่างไรนางทำราวกับว่าตนเองกลายเป็ผู้หลักผู้ใหญ่จริงๆ ไปแล้วดังนั้นนางจึงเขย่ามือด้วยความว้าวุ่น “ข้ามิอาจเป็ ข้ามิอาจ คุณชายห้าเป็คนสูงศักดิ์เกินไป”
เฉินจื่อิที่ยืนอยู่ด้านข้างแอบถอนหายใจยังดีที่ภรรยาของเขาไม่ถือว่าไร้สติมากนักหากมาปรากฏตัวต่อหน้าโจวอ้าวเสวียนด้วยฐานะผู้ใหญ่จริง เขาจะรู้สึกไม่ปลอดภัยมาก
“ท่านป้าไม่ต้องเกรงใจ ชาหลงจิ่งของท่าน หลานได้เตรียมเอาไว้ให้แล้วท่านลุงเฉินก็มาชิมด้วยกันเถิดขอรับ”
เมื่อเอ่ยถึงชาหลงจิ่งของซีหู กวนซูเยวียนก็หน้าแดง นางอ้าปากอยากอธิบายด้วยความรู้สึกผิดแต่เมื่อปรายตามองเฉินเนี้ยนหรานที่นั่งลง ใบหน้านิ่ง จึงไม่กล้าเอ่ยอะไรออกไปอีกเพียงแค่หัวเราะแหะๆ แล้วนั่งลงตรงตำแหน่งทางด้านซ้าย
ั้แ่ต้นจนถึงตอนนี้โจวอ้าวเสวียนทำราวกับไม่เห็นเฉินเนี้ยนหราน ท่าทางเช่นนี้ทำให้ใจของกวนซูเยวียนรู้สึกไม่สงบ
เมื่อเทียบกันแล้ว เฉินเนี้ยนหรานนิ่งมากหลังจากทำความเคารพโจวอ้าวเสวียนอย่างมีมารยาทอย่างที่ควรจะเป็นางก็นั่งลงอย่างใจกว้าง ก่อนรับกาน้ำชาตรงหน้ามาชง ล้างใบชา และรินน้ำชาให้เต็มถ้วยอีกครั้ง
โชคดีที่ชาติก่อนนางมีผู้ใหญ่ที่ชอบดื่มชามาช่วยไว้ตอนนี้พอมาทำเื่พวกนี้ขึ้นมา จึงทำได้ชำนาญมือมาก
หลังจากรินน้ำชาจนเต็มถ้วยแล้ว เฉินเนี้ยนหรานยิ้มแล้วยกถ้วยชาส่งไปตรงหน้าโจวอ้าวเสวียน“คุณชายห้า ที่ข้าพ่ายแพ้การร่ายรำในครั้งก่อน โดยรับปากว่าจะเป็สาวใช้รินชาให้ในตอนนั้นยังทำไม่สำเร็จวันนี้ข้ามาทำตามสิ่งที่ได้พูดไว้ พร้อมทั้งดูแลคุณชายห้าทานอาหารมื้อนี้ด้วยตอนนี้เชิญคุณชายดื่มชาก่อนเ้าค่ะ!”
พอได้ยินคำพูดนี้ของนาง กวนซูเยวียนจึงเข้าใจขึ้นมาทันที ดูเหมือนว่าแม่หนูแพ้แล้วจะมาเป็แค่สาวใช้คอยดูแลคุณชายห้าครึ่งวันเท่านั้น ยังดี ก็ยังดีพวกนางจะได้ไม่ต้องกังวลเื่หักเงินหนึ่งพันกว่าตำลึงไป
โจวอ้าวเสวียนเหลือบตาขึ้น ั์ตาเ็าสีดำสนิทมองไปยังใบหน้าของนางราวกับจะมองลึกเข้าไปในดวงตาของนาง
มือของเขาไม่ขยับและมองนางนิ่งๆ เช่นนั้นทำเอาความคิดที่นิ่งสงบของเฉินเนี้ยนหรานเริ่มสั่นไหว บุรุษคนนี้ คงไม่ใช่ไม่อยากจะปล่อยนางไปเช่นนี้หรอกนะ
นางเป็คนเริ่มคิดกลยุทธ์เข้าหาก่อนเพื่อถอยออกมาโดยการทำตัวเป็สาวใช้เป็ทาส เป้าหมายคือบีบให้คุณชายท่านนี้ให้อภัยอย่ารังแกนางมากเกินไป และนางแค่ดูแลเขาทานข้าวในมื้อนี้ก็พอ
เพียงแต่ บุรุษผู้นี้ไม่ยอมแสดงอะไรออกมาเลย นางไม่มั่นใจจริงๆว่าเขาจะปล่อยนางไปเพียงเท่านี้หรือไม่
ถ้วยชาสั่นเล็กน้อย
เฉินเนี้ยนหรานพยายามรักษารอยยิ้มบนใบหน้าดวงตาที่ดูอ่อนโยนมองไปทางโจวอ้าวเสวียน ในความเป็จริงถ้วยชาที่สั่นน้อยๆนี้ได้เผยความรู้สึกในใจของนางออกไปนานแล้ว
ขณะที่นางกำลังคิดว่าจะทำอย่างไรให้เขารับการรุกก่อนหน้านี้โดยที่ไม่ถูกโจวอ้าวเสวียนจูงจมูกเดิน ในที่สุดโจวอ้าวเสวียนก็ขยับเขายกมือที่ราวกับหยกขาวขึ้นมารับถ้วยชาไปดื่ม “รสชาติไม่เลว”
เมื่อเห็นเขารับถ้วยชาไปแล้ว หัวใจของเฉินเนี้ยนหรานจึงสงบลง บุรุษคนนี้ไม่ตำหนินาง แต่กลับทำให้นางใไปพอสมควร
ขี้งก เ้าหมอนี่เป็คนขี้งก
“ขอบคุณสำหรับคำชมของคุณชายนะเ้าคะ นี่เป็เพราะใบชาและน้ำที่ไม่เลวเ้าค่ะ”เฉินเนี้ยนหรานพูดไปก็จะลุกขึ้นไปอยู่ด้านหลังของเขานางจะทำตัวเป็สาวใช้ข้างกายของเขาครึ่งวัน
นางเพิ่งจะลุกขึ้น โจวอ้าวเสวียนก็ยกมือขึ้นชี้ไปทางเบาะนั่งกลมๆที่อยู่ไม่ไกล นั่นคือเบาะนั่งที่เตรียมไว้สำหรับสาวใช้ข้างกายซึ่งจะวางอยู่ในห้องหรูโดยเฉพาะ
เฉินเนี้ยนหรานเดินไปหยิบเบาะนั่งตามที่เขาชี้ คิดไปพร้อมกับหยิบเบาะมาวางด้านหลังของเขาความจริงการวางเช่นนี้ไม่ค่อยถูกต้องเท่าใดนัก เพราะโดยปกติแล้วเพื่อที่สาวใช้จะดูแลเ้านายได้สะดวกมักจะวางเบาะรองนั่งอยู่ข้างกายเ้านาย แน่นอนว่าตำแหน่งจะเยื้องไปด้านหลังเล็กน้อยอย่างไรเ้านายกับทาสก็มีความแตกต่าง นอกจากเ้านายจะให้สาวใช้นั่งอยู่ข้างกายซึ่งนั่นก็เป็อีกเื่
“ท่านป้า ชานี่ท่านลองชิมก่อน ยังมีขนมเปี๊ยะหลงเหยียนได้ยินมาว่าเป็ขนมที่ส่งมาจากเมืองหลวงขอรับ”โจวอ้าวเสวียนพูดกับกวนซูเยวียนด้วยรอยยิ้ม อีกมือหนึ่งก็ชี้มาที่ข้างกายตนเอง
เฉินเนี้ยนหรานที่เพิ่งจะเตรียมตัวลงไปนั่ง หลังจากเห็นมือของเขาจึงจำต้องลุกขึ้นแล้วเอาเบาะนั่งไปด้านหน้า
ตำแหน่งนี้ คือขยับเข้าไปด้านหน้า แต่ยังห่างจากโจวอ้าวเสวียนสองก้าว
มือของโจวอ้าวเสวียนยังคงชี้ไปที่ข้างกายตนเองอย่างดื้อรั้นความหมายชัดเจนมากว่า ข้าให้เ้ามานั่งข้างกายข้า!
เฉินเนี้ยนหรานโกรธจนกัดฟันกรอด แต่ในตอนนี้นอกจากเชื่อฟังแล้ว ดูเหมือนว่านางจะไม่มีเหตุผลพอที่จะต่อต้าน
ดังนั้นนางจึงเอาเบาะรองนั่งไปวางข้างกายของโจวอ้าวเสวียนอย่างจำใจ
กวนซูเยวียนถูกโจวอ้าวเสวียนทัก จึงไม่ได้สนใจสถานการณ์ของนางตอนนี้ ทำได้เพียงพยักหน้าพูดอย่างเกรงใจ“คุณชายห้าเกรงใจเกินไปแล้ว ข้าจะลองชิม ชิมตอนนี้...”ชีวิตนี้ของนางไม่เคยได้อยู่กับชนชั้นสูงมาก่อน คนอย่างคุณชายห้าในเขตของปาเจียวแล้ว เป็บุคคลที่อยู่ระดับหนึ่งถึงสอง
ไม่ว่าจะเป็ชาติตระกูลของเขา แม้แต่ท่าทีสูงศักดิ์ของเขาในยามปกติคนธรรมดามากมาย หากสามารถพูดคุยกับเขาหนึ่งหรือสองประโยค ่เวลานั้นก็ถือว่ามีเื่ที่เอาไปอวดได้แล้วอย่างเช่นวันนี้ที่ถูกคุณชายห้าเรียกอย่างเกรงใจ กวนซูเยวียนจึงพยักหน้าดีใจจนมึนไปหมด
สายตาที่มองไปยังโจวอ้าวเสวียนก็เปลี่ยนไปเป็เหมือนผู้ใหญ่ที่มองหลานเขยจริงๆ
กลับเป็เฉินจื่อิที่นั่งอยู่ด้านข้างเงียบๆมองการกระทำของทั้งสองคนเอาไว้ในสายตา คิ้วของเขาค่อยๆ ขมวดเข้าหากันแน่น
เขาที่เป็ผู้ใหญ่ ไม่สามารถพูดอะไรเกี่ยวกับเฉินเนี้ยนหรานได้เขาแค่กังวลว่าโจวอ้าวเสวียนจะไม่ยอมปล่อยแม่หนูหรานไป แม้คุณชายห้าดูเหมือนกำลัง้าของพนันเมื่อวันนั้นแน่นอนว่า หากคุณชายไม่ได้รู้สึกอันใดกับแม่หนูหราน เขาจะรั้นเอาสิทธิ์การดูแลครึ่งวันเช่นนี้หรือ?
คำตอบชัดเจนแล้วว่าเป็ไปไม่ได้ เขาที่เป็ผู้ใหญ่ ไม่มีทางพูดส่งเดชแน่คิดไปแล้ว โจวอ้าวเสวียนคงมั่นใจว่าพวกเขาสองสามีภรรยาไม่มีทางออกไปพูดอะไรด้านนอกถึงได้ให้เฉินเนี้ยนหรานมาดูแลเขาครึ่งวันเช่นนี้อย่างเปิดเผย
แต่พวกเขาสองคนเกี่ยวพันกันอย่างนี้ ต่อไปจะทำเช่นไร?
อย่างที่ภรรยาตนเคยพูด โจวอ้าวเสวียนในหลายปีนี้ เกรงว่าจะต้องแต่งสตรีสกุลหลัวมาเป็ภรรยาไม่ว่าคุณชายห้าจะมีท่าทีเช่นไรกับคนสกุลหลัว แต่อย่างน้อยเขาก็ต้องแต่งมาเป็ภรรยา แม่หนูหรานจะเข้าสกุลของพวกเขาไม่ได้!
หงุดหงิด หากคุณชายห้ามีความรู้สึกลึกซึ้งกับแม่หนูหรานถึงตอนนั้นอยากจะรับนางและเลี้ยงดูอยู่นอกเรือน จะนับเป็เื่ดีได้อย่างไร?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เฉินจื่อิพลันรู้สึกว่าภาพตรงหน้าจะมองอย่างไรก็ช่างทิ่มแทงสายตา
อาหารใกล้จะเอามาขึ้นโต๊ะแล้ว
เฉินเนี้ยนหรานมองเงียบๆ คิดไม่ถึงว่าจะมีอุ้งตีนหมีและห่านฟ้าจริงๆ
ทั้งยังมีน้ำแกงอู่หลงหนึ่งโถ
“น้ำแกงอู่หลงคืออะไร?” พอได้ยินสาวใช้รายงานชื่อน้ำแกงอู่หลงที่ให้ความรู้สึกดีออกมาเฉินเนี้ยนหรานอดที่จะถามออกมาด้วยความประหลาดใจไม่ได้
แม้แต่เฉินจื่อิสองภรรยาก็ไม่เคยได้ยินชื่อน้ำแกงอู่หลงมาก่อน
ตอนที่เฉินเนี้ยนหรานถามออกมา สายตาของโจวอ้าวเสวียนก็มองไปที่นาง มีความว้าวุ่นอย่างประหลาด
ความรู้สึกแปลกประหลาดนี้ ทำให้เฉินเนี้ยนหรานรู้สึกตัวชานางรู้สึกว่าตัวเองอาจจะไม่ควรถามคำถามนี้และโจวอ้าวเสวียนก็เหมือนกับรอให้นางเอ่ยถามชื่อน้ำแกงนี้มาั้แ่ต้น
“ขออนุญาตตอบแม่นางท่านนี้นะเ้าคะ น้ำแกงอู่หลงความจริงแล้วเป็ชื่อยาจีนเ้าค่ะ เอาไว้รักษาไต หยินบกพร่อง เืลมของสตรีไม่ดีซึ่งทำให้เกิดอาการกระสับกระส่ายอยู่ไม่สงบ จะมีผลมากที่สุดกับอวัยวะสตรีที่ชื้นมากที่สุดดื่มเยอะๆ จะช่วยปรับสรรพภาพร่างกาย บำรุงม้าม บำรุงหยิน เพิ่ม…” ประโยคหลังหน้าของสาวใช้แดง ไม่กล้าพูดต่อไป แต่หลีกเื่หนักมาหาเบาแทนโดยการอธิบายที่มาของน้ำแกงชนิดนี้“แน่นอน อาหารของพวกเราชนิดนี้ ถึงแม้จะมาพร้อมน้ำแกงอู่หลง แต่กลับเติมนกดำ ไก่ดำงูดำ ปลาช่อน ถั่วดำพวกนี้ รสชาติบริสุทธิ์ คนทั่วไปไม่มีทางได้กินเ้าค่ะ”
สำหรับคำพูดของสาวใช้ที่ค่อนข้างไปทางวิชาการกวนซูเยวียนไม่ค่อยจะเข้าใจมากเท่าไรนัก แต่นางกลับเข้าใจแล้วว่าน้ำแกงนี้มีประโยชน์ต่อสตรี
“น้ำแกงนี้ ลำบากคุณชายห้าแล้ว” นางจึงคิดว่าคุณชายห้าเตรียมไว้เพื่อนางเป็อาหารบำรุงม้าม บำรุงหยิน ที่สั่งมาเพื่อนางโดยเฉพาะแต่เฉินเนี้ยนหรานไม่คิดเช่นนั้น ในสมองของนางมีแต่คำว่า “อยู่ไม่สงบ!”
มารดาเอ๊ย บุรุษคนนี้หมายความว่าอย่างไร? เขากำลังย้ำเตือนนางว่าเป็สตรีจะต้องอยู่บ้านให้สงบ ไม่ต้องเปิดเผยตัว ดูแลแต่เื่ในเรือนไปก็พอ!
ผู้ชายน่ารังเกียจคนนี้ ในหัวสมองของเขากำลังคิดสิ่งใดอยู่?
นางกับเขาไม่มีความสัมพันธ์อะไรเกี่ยวข้องกันแม้แต่น้อย แล้วยังต้องให้เขามาย้ำเตือนว่าให้อยู่บ้านสงบๆ! ถุย ถุย อีกเดี๋ยวจะฝืนไม่กินน้ำแกงอู่หลงนี่!! ช่างมารดามันสิ ผู้ชายน่ารังเกียจคนนี้ หลังจากนางกลับเรือนไปแล้วจะออกไปหาเพื่อนบ้านไม่หยุดเลย
“ท่านป้าอย่าได้เกรงใจ หากชอบก็ทานเยอะๆ ต่อไปหากสะดวก หลานจะเลี้ยงท่านป้าให้ได้ทานอาหารพวกนี้บ่อยๆ”
โจวอ้าวเสวียนพูดไปก็ตักน้ำแกงอู่หลงใส่ถ้วยแล้วส่งไปตรงหน้ากวนซูเยวียนทำเอาสตรีวัยกลางคนที่แสนซื่อว้าวุ่น ยกขึ้นมาดื่ม
หลังจากโจวอ้าวเสวียนยกมือ คำพูดทุกอย่างของนางก็ถูกหยุดไว้
ต่อมาโจวอ้าวเสวียนก็ตักน้ำแกงอีกถ้วยหนึ่งแล้วยิ้มตาหยีส่งมาตรงหน้าเฉินเนี้ยนหราน “ดื่มสิ”
เฉินเนี้ยนหรานถลึงตามองน้ำแกงอู่หลงถ้วยนั้น ในถ้วยมีหัวไก่ใหญ่ๆ นอนอยู่ยังมีหัวเต่า หางงู จนถึงขั้นมีหางปลาอีกหนึ่งชิ้น
นี่หมายความว่าอย่างไร ให้นางกินหัวกับหางนี่ให้ความรู้สึกเหมือนนางเป็สาวใช้ที่ต้องมากินของเหลือพวกนี้!
นางรับถ้วยมาวางไว้ด้านข้าง ขณะคิดจะไปหยิบอาหารอย่างอื่น นึกได้ว่าวันนี้ตนเองมาเป็สาวใช้ของโจวอ้าวเสวียนเดิมทีนางจะต้องตักอาหารใส่จานให้เขาจึงเอื้อมไปคีบเนื้อตีนหมีขึ้นมาแล้วส่งไปยังถ้วยของโจวอ้าวเสวียน“เชิญคุณชายห้าเ้าค่ะ!”
ริมฝีปากของโจวอ้าวเสวียนยกยิ้มขึ้นแล้วใช้ตะเกียบคีบกับข้าวเข้าปากอย่างไม่เกรงใจ
แล้วไปคีบเนื้อตีนหมีมาให้นาง “เอ๋ เหตุใดจึงไม่ดื่มน้ำแกงเล่า?”
ตอนที่คีบของมาวางที่ถ้วยของนาง เขาถามออกไปอย่างประหลาดใจ
เมื่อเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความตำหนิ คิ้วเรียวจึงเลิกขึ้นดูเหมือนว่าบุรุษคนนี้กำลังจะแผลงฤทธิ์เสียแล้ว