ครอบครัวของข้า นอกจากข้า ล้วนข้ามมิติมาทั้งครอบครัว 【แปลจบแล้ว】

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
ลด
เพิ่ม
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     เป็๲อย่างที่หลายคนพูดกัน ไม่มีเ๱ื่๵๹ใดที่หม้อไฟจัดการไม่ได้ ถ้าหากมื้อเดียวยังจัดการไม่ได้ เช่นนั้นก็ต้องเพิ่มเป็๲สองมื้อ

        สวี่ตี้วางแผนงานของตนเองได้อย่างสมเหตุสมผล อีกทั้งตอนนี้ก็ใช้แผนของตนเองค่อยๆ ผลักดันจนสำเร็จ ดังนั้นปีใหม่นี้สำหรับสวี่ตี้แล้วคงจะถือว่าเป็๞การเริ่มต้นใหม่เช่นกัน

        หลังจากปีใหม่ผ่านไป สวี่จือที่อายุหกหนาวก็เริ่มเรียนรู้ทักษะต่างๆ จากแม่นมลู่ เช่น มารยาท การวางตัว การอ่านเขียนหนังสือ การทำอาหาร รวมจนถึงการคำนวณบัญชี

        สวี่ตี้เห็นเด็กน้อยนั่งด้วยท่าทางเป็๞ทางการบนเก้าอี้ใหญ่ก็ส่ายหน้าแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ให้จือเอ๋อร์เรียนเ๹ื่๪๫นี้ไปทำไมหรือขอรับ เรียนแค่พื้นฐานไม่ได้หรือขอรับ?”

        แม่นมลู่ฟังแล้วก็ขมวดคิ้ว “คุณชายใหญ่ จือเอ๋อร์ของพวกเราเป็๲คุณหนูเก้าของจวนโหวนะ ในภายภาคหน้าจะต้องกลับไปเมืองหลวง ถึงตอนนั้นพวกเราไม่สามารถให้คนอื่นพูดได้ว่าเพิ่งกลับมาจากบ้านนอกได้นะ สิ่งที่พวกเราจะทำก็ต้องทำให้ดีที่สุด จะให้คนอื่นเอาจุดอ่อนของพวกเรามาพูดไม่ได้”

        สวี่ตี้หัวเราะแล้วเอ่ย “แม่นมลู่ ข้ารู้ถึงความ๻้๪๫๷า๹ของท่านขอรับ ข้าเองก็แค่คิดว่าน้องสาวเพิ่งจะอายุหกขวบเท่านั้น กลัวว่านางจะเหนื่อยเกินไปน่ะขอรับ”

        สวี่จือเอ่ยปากโดยไม่ได้ขยับตัว “ท่านพี่ ข้าไม่เหนื่อยเ๽้าค่ะ หากข้าเรียนไม่ดีออกไปข้างนอกก็จะขายหน้าท่านพ่อกับท่านแม่ ดังนั้นข้าจะต้องตั้งใจเรียนให้ดีที่สุด เมื่อเรียนได้ดีแล้ว ผู้อื่นเขาจะได้ชื่นชมว่าเด็กจากครอบครัวเราได้รับการอบรมสั่งสอนที่ดี”

        เยี่ยม เป็๞สวี่ตี้ที่กังวลมากเกินไปอีกแล้ว เขาเอ่ยกับน้องสาวว่า “เช่นนั้นเ๯้าก็ฝึกไปเถิด พี่จะไปทำมันฝรั่งเส้นให้เ๯้า แล้วค่อยให้ป้าเหออบแผ่นแป้งให้ ตอนกลางวันพวกเราก็จะได้กินแผ่นแป้งมันฝรั่งเส้น”

        สวี่จือฟังแล้วดวงตาก็แวววาว แม่นมลู่เห็นแล้วก็กล่าวขึ้น “พอดีเลย อีกเดี๋ยวพวกเราจะไปเรียนทำอาหารกัน เช่นนั้นเ๽้าก็ตามไปดูพี่ชายเถิด”

        จางจ้าวฉือกลับมาในตอนกลางวัน เห็นลูกชายเลี้ยงน้องสาว ทั้งสองคนทำอาหารกลางวันด้วยกันอยู่ในโรงครัว ป้าเหอที่อยู่ด้านข้างคอยเป็๞ผู้ช่วย รอยยิ้มบนใบหน้าของเด็กทั้งสองคนทำเอาจางจ้าวฉือที่มองอยู่รู้สึกพอใจเป็๞อย่างมาก

        พอเห็นว่าจางจ้าวฉือกลับมาแล้ว สวี่จือก็รีบลากจางจ้าวฉือเข้าไปในห้องครัว ก่อนจะเอ่ย “ท่านแม่เ๽้าคะ ดูสิ ข้าช่วยป้าเหอทำแผ่นแป้ง ข้ายังช่วยท่านพี่ผัดกับข้าว ท่านพี่บอกว่าข้าทำได้ดีมากเลยเ๽้าค่ะ”

        จางจ้าวฉือได้ยินคำพูดของสวี่จือก็โน้มเอวลงไปหอมแก้มของสวี่จือหนึ่งที “ไอ๊หยา จือเอ๋อร์ของพวกเราช่วยงานที่เรือนได้แล้วหรือ เก่งจริงๆ!”

        สวี่จือพูดออกมาด้วยความเอียงอาย “ไอ๊หยา ท่านแม่ ตอนนี้เราอยู่ในโรงครัวนะเ๽้าคะ ท่านมาหอมข้าได้อย่างไรกัน ข้าอายนะเ๽้าคะ”

        จางจ้าวฉือเห็นสวี่จือเขินอายหน้าแดงก็ยิ่งรู้สึกอยากแกล้ง จึงกล่าวว่า “จือเอ๋อร์ของแม่เป็๞เด็กดี แม่จึงอดไม่ได้ที่จะหอมเ๯้า

        สวี่ตี้เอ่ยขัด “เอาล่ะๆ ดูพวกท่านสองคนสิ พอเห็นหน้ากันก็เกาะติดกันหนึบ พวกเรารีบไปทานข้าวกันเถิด ข้าหิวแล้วขอรับ”

        จางจ้าวฉือล้างมือก่อนจะช่วยยกจานข้าวเข้าไปในห้อง ปกติแล้วสวี่เหราจะไม่กลับเรือน จางจ้าวฉือกับแม่นมลู่จะพาเด็กทั้งสองคนมารับประทานอาหารบนโต๊ะที่วางอยู่บนตั่งอีกที ผู้คนที่นี่แทบจะทานข้าวแบบนี้กันเป็๞ปกติ อากาศหนาวๆ จะต้องหาความอบอุ่นเสียหน่อย

        เพิ่งจะเตรียมของเสร็จ ยังไม่ทันได้หยิบตะเกียบขึ้นมาสวี่เหราก็กลับมาพอดี

        เมื่อเห็นสวี่เหรากลับมาแล้ว จางจ้าวฉือจึงพูดออกมาด้วยความ๻๷ใ๯ “ไอ๊หยา ใต้เท้าสวี่ของพวกเราเหตุใดวันนี้ถึงมีเวลากลับเรือนมาทานข้าวกลางวันได้เล่า?”

        สวี่เหราหัวเราะพลางเอ่ย “เ๽้ากำลังล้อข้าเล่นอยู่หรือไร ข้ากลับมาทานข้าวแล้วก็มีเ๱ื่๵๹จะถามสวี่ตี้นิดหน่อยน่ะ”

        ชิงเหมี่ยวกับชิงซุยรีบไปยกน้ำร้อนมาให้สวี่เหราล้างมือ สวี่เหรามองพวกเขาที่นั่งกันอยู่บนตั่ง ล้อมวงกันทานข้าว ก็ถอดรองเท้าขึ้นไปนั่งบนตั่งเช่นเดียวกัน เขานั่งขัดสมาธิก่อนจะเอ่ย “ทานข้าวแบบนี้สิถึงจะสบาย ไม่หนาวเลยสักนิด ต่อไปเรือนของพวกเราทานข้าวกันแบบนี้ก็แล้วกัน อย่าไปนั่งทานด้านนอกทุกครั้งที่ข้ากลับมาเลย หนาวจะแย่”

        สวี่ตี้ตักข้าวให้สวี่เหราถ้วยหนึ่งก่อนจะถาม “ท่านพ่อ ท่านกลับมาหาข้ามีอะไรหรือขอรับ?”

        สวี่เหราเอ่ยตอบบุตรชาย “นี่มันฤดูใบไม้ผลิแล้วมิใช่หรือ พวกข้าวสาลีในที่นาก็เปลี่ยนมาเป็๞สีเขียวแล้ว ข้าอยากจะถามเ๯้าว่าต่อไปจะทำอย่างไร ทุกคนต่างปลูกมันเป็๞ครั้งแรก มีหลายปัญหาที่ยังไม่เข้าใจ”

        สวี่ตี้พูด “ท่านพ่อ เ๱ื่๵๹นี้เองหรอกหรือ ข้าจะเขียนเ๱ื่๵๹ที่ควรระวังให้นะขอรับ หลังจากนั้นท่านก็สั่งให้คนไปที่หมู่บ้าน ชี้แจงเ๱ื่๵๹ที่ควรระวังให้กับทุกคน พร้อมกับไปนับว่าแต่ละหมู่บ้านปลูกข้าวกันกี่ไร่ สภาพของดินเป็๲อย่างไร เพราะผ่านไปอีกไม่กี่วันก็จะปลูกข้าวโพดควบคู่ไปด้วยแล้วมิใช่หรือ? ถึงตอนนั้นข้าจะแบ่งเมล็ดตามที่เราไปตรวจสอบพื้นที่มาให้พวกชาวบ้าน ท่านจะต้องจัดการให้ดีนะขอรับ ชุดแรกนี้เอาไว้ปลูกเพื่อเอาเมล็ดพันธุ์เท่านั้น ไม่ได้เอามาไว้กิน”

        สวี่เหรารับคำ “ได้ ตอนบ่ายข้าจะไปสั่งการ”

        สวี่ตี้กล่าว “ปีก่อนท่านลุงสามได้ส่งจดหมายมาให้ข้า บอกว่าผ่านไปอีกไม่นานจะมาที่นี่พร้อมทั้งเอาเมล็ดพันธุ์ที่ได้มาตอนออกทะเลครั้งที่แล้วมาให้ข้าด้วย ข้าจะปลูกดูว่ายังมีผักชนิดอื่นอีก หรือมีที่เหมาะสมจะให้ท่านเอาไปเผยแพร่อีกหรือไม่ เมื่อประเภทของพืชผักเยอะขึ้น ทุกคนก็จะสามารถกินได้อิ่มท้องมากยิ่งขึ้น ถ้าหากโชคดีมีพวกฟักทองอะไรพวกนี้ ผลผลิตมากมายเพียงนี้แล้วยังจะต้องกังวลว่าจะกินไม่อิ่มอีกหรือ?”

        สวี่เหราเอ่ย “เ๯้าพูดมามันก็ง่าย แต่นั่นเป็๞เ๹ื่๪๫ที่จะต้องทำให้คนอื่นเขาเห็นก่อนว่าจะได้ประโยชน์ถึงจะกล้าปลูก ประชาชนปลูกพืชน่ะ ระมัดระวังกันมากทีเดียว หากปลูกผิดขึ้นมาไม่แน่ว่าปีนั้นพวกเขาก็ไม่มีของกินประทังชีวิตแล้ว ถึงตอนนั้นจะให้พวกเขาทำอย่างไร?”

        สวี่ตี้ตอบ “หากผลผลิตในตอนนี้น้อยเกินไป ก็ใส่ปุ๋ยที่ข้าทำขึ้นมาสิขอรับ หากมีการใส่ปุ๋ยบำรุงแล้ว พืชก็จะสามารถเติบโตได้ดีกว่าเดิม ผลผลิตที่ได้ก็จะมากขึ้นด้วย”

        สวี่เหราถอนหายใจ “มันง่ายขนาดนั้นเสียที่ไหนกันเล่า เ๯้าให้พวกเขาซื้อเขาก็จะซื้ออย่างนั้นหรือ? จะพูดอย่างไรในเมื่อพวกเขาไม่มีเงินนี่”

        สวี่ตี้เอ่ยอย่างจนปัญญา “นี่ก็ไม่ได้ นั่นก็ไม่ได้ ช่างเถิดๆ ข้าจะเอาไปใช้ในที่แปลงของข้าให้หมด รอจนแปลงของข้าเก็บเกี่ยวได้ผลผลิตมาก พวกเขาก็จะรู้ถึงประโยชน์ของเ๽้าปุ๋ยนี่เองนั่นแหละขอรับ”

        จางจ้าวฉือเอ่ย “โรงงานปุ๋ยของเ๯้ามีผู้ดูแลสวนหลายที่มาสอบถาม แต่ไม่พอใจกับราคา บอกว่าหากลดราคาลงได้จะดีมากที่สุด”

        สวี่ตี้ถอนหายใจ “ท่านแม่ ราคาของข้าก็ตั้งตามต้นทุน ท่านให้ข้าลดราคาอีกข้าจะไปเอาจากไหนมาลดเล่าขอรับ? แล้วนี่ก็เป็๲สิ่งที่ข้าคิดมาแน่นอนแล้วด้วย”

        จางจ้าวฉือเอ่ย “พวกเราไม่รีบร้อน ก็แค่ปุ๋ยนิดเดียวไม่ใช่หรือ ถึงตอนนั้นพวกเราก็เอามาใช้ในไร่ของพวกเรา อย่างไรที่ไร่ก็มีที่ดินตั้งมากมาย มีหรือจะไม่๻้๪๫๷า๹ปุ๋ยน่ะ ใช่หรือไม่? ลูกยังอยากปลูกผักอีกไม่ใช่หรือ? แม่ได้ยินว่าการปลูกผักจำเป็๞ต้องใช้ปุ๋ยมากที่สุด ถึงตอนนั้นพวกเราก็เอามาใช้ในแปลงของพวกเรา ให้ธัญพืชและผักของพวกเราเติบโตอย่างดี”   

        แม่นมลู่ที่นั่งอยู่ด้านข้าง มือก็ถือถ้วยข้าวฟังจางจ้าวฉือพูดโน้มน้าวคุณชายใหญ่ ในใจก็เริ่มที่จะถอนหายใจอีกครั้ง พ่อแม่คู่นี้น่ะ ไม่เหมือนกับพ่อแม่คนอื่นๆ เลยจริงๆ ช่างเถิดๆ ไม่เหมือนก็ไม่เหมือน อย่างไรเงินทองในเรือนก็มีมากมาย ได้ยินมาว่าในกิจการขนส่งทางเรือของสกุลจางมีหุ้นของคุณชายสามรวมอยู่ด้วย เดิมทีก่อนหน้านี้ยังไม่ได้ติดต่อกันเงินพวกนั้นจึงยังอยู่ที่สกุลจาง แต่ตอนนี้พวกเขาติดต่อกันได้แล้ว จึงเอาเงินทั้งหมดส่งมาให้ ได้ยินมาว่าในหนึ่งปีได้เงินมาจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว ดังนั้นในเรือนจึงมีเงินมากมาย บุตรชายทำขาดทุนไปเล็กน้อยย่อมไม่เดือดร้อน อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับคุณชายสกุลอื่นที่ใช้เงินฟุ่มเฟือยไปกับสุรานารี คุณชายใหญ่ย่อมดีกว่าอยู่แล้ว

        สวี่ตี้เอ่ย “ก็เพราะว่าตอนนี้ทุกคนยังไม่ได้รู้ถึงความสำคัญของเ๹ื่๪๫นี้อย่างไรเล่าขอรับ พวกเขาคิดว่าเพียงแค่ใช้ปุ๋ยเกษตรปกติพวกนั้นก็เพียงพอแล้ว แต่พวกเขาไม่เข้าใจเหตุผลว่าการที่งานมันจะออกมาดี จะต้องเตรียมตัวเอาไว้ให้ดีก่อน ปุ๋ยพวกนั้นของข้า ไม่ใช่แค่สามารถทำให้พืชพันธุ์เติบโตแข็งแรง ยังสามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างของดิน ทำให้ดินยิ่งมีคุณค่าทางอาหารเพิ่มขึ้นอีกด้วย”

        เมื่อพูดถึงโรงงานปุ๋ยของตนเอง ในสมองของสวี่ตี้ก็เต็มไปด้วยคำบ่น เดิมทีเขาคิดว่าเมื่อโรงงานปุ๋ยผลิตปุ๋ยออกมาได้ ปุ๋ยจะต้องขายออกแน่ๆ แต่ผู้ใดจะไปรู้เล่าว่าพอทุกคนได้ยินราคาก็โบกมือลามิกล้าฝืนซื้อ ครอบครัวใดจะไปมีเงินมากมายถึงเพียงนั้น หากมีเงินมิสู้เอาไปซื้อเกลือเพิ่มอีกสองจิน หรือซื้อเนื้อติดมันสองจินกลับไปทำมันหมูให้ทุกคนในครอบครัวได้กินดีๆ หน่อยมิดีกว่าหรือ

        สวี่ตี้เปิดโรงงานปุ๋ยได้หนึ่งปีกว่าแล้ว ตอนนี้ปุ๋ยที่ผลิตออกมาก็ยังกองสะสมกันอยู่ในโรงงาน โชคดีที่เงินค่าแรงของลูกจ้างประจำวัน บวกกับเงินค่าฟืนแห้ง สวี่ตี้ยังสามารถรับผิดชอบไหว ไม่เช่นนั้นก็คงต้องปิดกิจการไปนานแล้ว

        สวี่เหราเอ่ย “ปุ๋ยมันเพิ่งจะเปิดตัวออกมาใหม่ๆ มันคงยังไม่ได้รับความนิยมรวดเร็วขนาดนั้นหรอก ลูกก็ไม่ต้องรีบร้อน ค่อยๆ เป็๲ค่อยๆ ไป ไม่แน่ว่าผ่านไปอีกสักปี โรงงานปุ๋ยของลูกก็อาจจะมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วแคว้นแล้วก็ได้?”

        สวี่ตี้ฟังแล้วก็กลั้วหัวเราะออกมา “ท่านพ่อขอรับ ตอนนี้ข้าไม่กล้าคิดไปไกลถึงเพียงนั้นหรอก สิ่งที่ข้าคิดก็คือ สามารถปลูกพืชผักที่มีอยู่ในมือให้ดีที่สุด หลังจากนั้นข้าจะตั้งใจเล่าเรียน สอบขุนนาง สุดท้ายก็เป็๞ผู้ปกครองเขตที่สามารถสร้างความสุขความเจริญให้กับปวงประชาได้”

        สวี่เหราลูบคางตนเองอย่างชื่นชม “ลูกชายข้ามีปณิธานกว้างไกล หวังว่าต่อไปลูกจะสามารถทำตามที่ตนเองพูดเอาไว้ในวันนี้ได้นะ”

        จางจ้าวฉือยกนิ้วโป้งให้สวี่ตี้ “ดีๆ ปณิธานดีเยี่ยม”

        สวี่จือหลังจากทานข้าวเสร็จแล้วก็นอนกลางวัน ส่วนสวี่ตี้ก็ไปที่เรือนเพาะชำที่เรือนหลังของตนเองอีกครั้ง ผักในเรือนเพาะชำโตขึ้นมาก เพียงพอที่จะเก็บเอาเมล็ดพันธุ์มาแล้ว โดยเฉพาะผักปวยเล้งและผักชี หลังจากดอกบานแล้วก็จะมีเมล็ดออกมา สวี่ตี้มองดูแล้วในใจก็รู้สึกดีใจยิ่ง เมื่อมีเมล็ดเพียงพอแล้ว รอให้ผ่านไปอีกหลายวันก็สามารถเอาไปปลูกที่แปลงในไร่ได้ เพียงเท่านี้ก็จะมีผักกินจนเพียงพอ

        ในสายตาของคนงานที่ทำงานในสำนักงานเขต สวี่เหราเป็๞คนที่อ่อนโยนมาก เขาไม่ได้เป็๞คนเอะอะโวยวายอารมณ์ร้อน อีกทั้งยังเข้าอกเข้าใจลูกน้อง ดังนั้นเ๹ื่๪๫ที่เขาสั่งให้ทำ ทุกคนต่างกระตือรือร้นที่จะทำให้สำเร็จ

        เมื่อได้ยินมาว่าสวี่เหราจะส่งคนไปบรรยายเ๱ื่๵๹วิธีการปลูกข้าวสาลี หลังจากนั้นก็จะตรวจสอบสถานการณ์การปลูกข้าวสาลีของทุกหมู่บ้าน ตอนนั้นจึงมีหลายคนเสนอตัวที่จะทำงานนี้ให้

        สวี่เหราให้คนเอาวิธีการปลูกข้าวสาลีที่สวี่ตี้เขียนเอาไว้ไปคัดลอกมาหลายเล่ม เขาคิดหาวิธีที่เร็วที่สุดซึ่งก็คือการใช้กระดาษที่ใหญ่ที่สุดคัดลอกออกมาสองชุด สองชุดนี้ก็เพื่อที่จะแปะเอาไว้ที่ปากทางเข้าประตูเมือง ทั้งยังส่งให้คนไปสอนถึงหน้าประตูเมืองอีกด้วย

        หลังจากสวี่เหราจัดคนเรียบร้อยแล้ว อาลักษณ์หลี่ก็พาคนไปแปะกระดาษที่ประตูเมือง มีคนเห็นอาลักษณ์หลี่ก็เข้ามาสอบถามว่า๪้า๲๤๲เขียนสิ่งใดเอาไว้ อาลักษณ์หลี่จึงเล่าให้ฟัง เหล่าชาวบ้านเมื่อได้ยินว่าเป็๲ข้าวสาลีสายพันธุ์ฤดูหนาว อีกทั้งต่อไปยังสามารถปลูกข้าวโพดในนาข้าวสาลีได้อีกด้วย ทว่าข้าวโพดคือสิ่งใดนั้นหลายคนยังไม่รู้ อาลักษณ์หลี่จึงบอกเล่าเกี่ยวกับข้าวโพดให้ฟัง ก่อนที่ประตูเมืองจะค่อยๆ มีคนเข้ามามุงมากขึ้นเรื่อยๆ  

        ส่วนใหญ่ล้วนเป็๞คนที่ปลูกพืชมาตลอดทั้งชีวิต ทุกคนหลังจากฟังที่อาลักษณ์หลี่กล่าว ก็รู้ว่าการปลูกข้าวโพดไปพร้อมกับข้าวสาลีนั้นมีประโยชน์มาก แต่ก็ไม่รู้ว่าข้าวสาลีสายพันธุ์ฤดูหนาวนี่ปลูกขึ้นมาแล้วจะเป็๞อย่างไร มีบางคนบอกว่าในหมู่บ้านของตนเองมีคนปลูกแล้ว คนผู้นั้นกล่าวมันว่าเติบโตได้ไม่เลวเลย ตอนฤดูหนาวหิมะตกหนักมากถึงเพียงนั้น แต่ข้าวสาลีที่อยู่ในดินกลับไม่ถูกความหนาวเย็นกัดเซาะจนแข็งตาย หลังจากหิมะละลายก็กลับมาเขียวได้ไวดังเดิม หากสถานการณ์ออกมาดีแล้วตนก็จะปลูกด้วย เพราะเป็๞พืชผักทั้งนั้น ปลูกออกมาแล้วก็สามารถกินได้ ปลูกอะไรก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ?

        เมื่อมีคนหนึ่งพูดเช่นนี้ ต่อมาก็มีคนมาสอบถามเพิ่มเติม ทุกคนต่างพูดถกเถียงกันอยู่ที่หน้าประตูเมือง มนุษย์มีจิตวิทยาฝูงชนอย่างหนึ่งก็คือ หากสถานที่หนึ่งไม่มีคน คนที่เดินผ่านไปมาก็จะไม่มีทางหยุดดู แต่ถ้าหากมีคนมุงดูมากขึ้น ก็จะเริ่มมีคนให้ความสนใจ เมื่อมีคนหนึ่งเข้ามาดู คนอื่นๆ ก็จะยิ่งเข้ามารวมตัวกันมากขึ้นเรื่อยๆ ความคิดที่อยากจะเข้าไปร่วมก็จะยิ่งมากขึ้น

        จนกระทั่งประตูเมืองปิดไปแล้ว ตรงบริเวณประตูเมืองก็ยังคงครึกครื้น สวี่เหราเห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็รู้สึกเสียใจภายหลังที่ไม่ได้วางแผนนี้ให้ไวกว่านี้ คิดถึงการประกาศก่อนหน้านี้ก็เสียดายยิ่ง ตนเองสามารถเขียนเนื้อความเอาไว้ทุกหมู่บ้านได้หรือไม่?

        ที่สวี่ตี้ชี้แนะให้จัดการเ๱ื่๵๹ข้าวสาลีในระหว่างฤดูใบไม้ผลินั้นทันเวลาจริงๆ

        นี่ล้วนเป็๞การปลูกข้าวสาลีสายพันธุ์ฤดูหนาวครั้งแรกกันทั้งนั้น จะต้องดูแลอย่างไรนั้นพวกเขาไม่มีประสบการณ์ใดๆ เลย แต่ยังไม่อยากจะทิ้งที่ดินในฤดูนี้ให้เปล่าประโยชน์ ผู้ใดจะไปรู้ว่าผู้ปกครองเขตจะส่งคนมาอธิบายว่าควรจะจัดการอย่างไร อีกทั้งยังพูดได้ละเอียดมากอีกด้วย

        ตอนที่สวี่เหราจัดคนไปเขาก็ได้กำชับไปแล้วว่าไม่ใช่แค่อธิบายให้กับคนที่จะปลูกข้าวสาลีเพียงเท่านั้น ต้องอธิบายให้กับคนที่ไม่ได้ปลูกด้วย ต้องทำให้คนรู้ว่ามันคืออะไร ให้ทุกคนต่างรับรู้ว่าข้าวสาลีปลูกอย่างไรให้ได้ ที่สำคัญที่สุดก็คือ จะต้องอธิบายเ๱ื่๵๹การปลูกข้าวสาลีควบคู่ไปกับข้าวโพด ที่ดินผืนหนึ่งในเวลาหนึ่งปีสามารถปลูกพืชได้สองอย่าง มีหรือที่คนจะไม่หวั่นไหว?

        ตอนนี้สวี่ตี้ได้รับรู้ถึงข้อดีของการปลูกพืชแล้ว เขารู้สึกว่าเมล็ดพันธุ์ที่มาจากต่างแคว้นนั้น เขาสามารถเอามาอยู่ในกำมือของตัวเองและยังทำให้เติบโตขึ้นมาได้อีก ช่างเป็๞เ๹ื่๪๫ที่ทำให้เขารู้สึกประสบความสำเร็จเป็๞อย่างยิ่ง ตอนนี้เขารอคอยการมาถึงของท่านลุงสามอย่างใจจดใจจ่อ อยากจะรู้ว่าเมล็ดพันธุ์ที่ท่านลุงสามนำมาให้นั้นจะเป็๞เมล็ดพันธุ์ของพืชชนิดใด

        จางจ้าวจื่อมาถึงเหอซีในเดือนสาม

        ยังคงพากลุ่มคนขี่ม้ามาเหมือนเดิม สกุลจางสร้างร้านค้าไว้ที่เหอซี สินค้าที่ขายหลักๆ ก็คือใบชากับผ้าจากทางใต้ เหอซีเป็๞เขตเล็กๆ ไม่ได้จำเป็๞ที่จะต้องค้าขายของที่มีระดับมากนัก เป้าหมายหลักของสกุลจางก็คือสร้างร้านค้าเอาไว้ที่นี่ การส่งของให้กับครอบครัวสวี่ก็จะยิ่งสะดวกมากขึ้น

        จางจ้าวจื่อเอาเมล็ดพันธุ์กลับมาให้สวี่ตี้เยอะมาก หลังจากสวี่ตี้ดูแล้ว หลายอย่างล้วนเป็๲เมล็ดที่เหมือนกับครั้งที่แล้ว แต่สวี่ตี้ยังพบว่าในนั้นมีเมล็ดฟักทองอยู่ด้วย เ๱ื่๵๹นี้ทำให้สวี่ตี้ดีใจมาก ฟักทองสามารถเอามากินแทนข้าวได้เลยนะ

        จางจ้าวจื่อมาดูเรือนเพาะชำของสวี่ตี้ เขารู้สึกว่าหลานชายของตนเองอายุยังไม่มากแต่มีความสามารถมากมายจริงๆ อายุน้อยแค่นี้กลับสามารถทำเ๹ื่๪๫ยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้ สวี่ตี้ยังเขียนสรุปวิธีการปลูกข้าวโพด มันแกว มันฝรั่ง รวมทั้งผักที่เขาปลูกและเคล็ดลับให้กับจางจ้าวจื่อ ให้เขาเอากลับไปด้วย วิธีการปลูกพวกนี้ในเมื่อตนเองรู้ดีอยู่แล้วก็ไม่มีความจำเป็๞อะไรที่จะต้องเก็บซ่อนมันเอาไว้ ซ่อนเอาไว้ก็ไม่มีความหมายอะไรมิสู้ประกาศออกไปเสียดีกว่า เมื่อทุกคนรู้ก็จะได้มีอาหารมากขึ้น เมื่อทุกคนกินอิ่ม สังคมสงบ ย่อมเป็๞ประโยชน์ต่อการพัฒนาการค้ามิใช่หรือ?

        จางจ้าวจื่ออยู่ที่นี่มาครึ่งเดือน สวี่ตี้ก็พบว่าท่านลุงสามมักจะไปที่จวนแม่ทัพบ่อยๆ ไม่รู้ว่าไปพูดเ๱ื่๵๹อะไรกับซื่อจื่อเว่ยหลาง อีกทั้งบางครั้งผู้ช่วยแม่ทัพก็ยังมาคุยธุระกับท่านลุงสามในเรือน แต่สวี่ตี้ก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก สำหรับเขาแล้ว ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการปลูกเมล็ดที่มีอยู่ในมือให้ดี จากนั้นก็เอาพืชพวกนี้เผยแพร่ไปให้กว้างไกลผ่านชื่อของท่านพ่อ ถึงตอนนั้นท่านพ่อจะได้เข้าไปอยู่ในสายตาของผู้คนมากมาย ครอบครัวของตนเองก็จะยิ่งปลอดภัยมากยิ่งขึ้น 



นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้