“กรี๊ด...กรี๊ด...ช่วยด้วย...” มู่ชิงหว่านร้องโหยหวนด้วยความเ็ป นางไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะตอบโต้
แควก—
หน้าอกของนางถูกตะปบเป็รอยเืหนึ่งแผล!
ฉั่บ—
กระดูกหัวไหล่ของนางถูกกัดจนแหลกละเอียด!
ทั้งเืและเนื้อปนเปกันดูไม่ออก!
ภาพตรงหน้าเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเื
ด้านนอกประตู องครักษ์และสาวใช้กำลังออกแรงพังประตู
ด้านในประตู เฟิ่งเฉี่ยนออกแรงดันต้านประตูที่ขัดเอาไว้ นางมองมู่ชิงหว่านที่ดิ้นรนสู้กับความเ็ปที่เกิดจากคมเขี้ยวของต้าฮุย คิดถึงตนเองเมื่อสักครู่ที่เกือบจะตายคาคมเขี้ยวของสุนัข นางมีความเคียดแค้นเต็มท้อง ต่อให้นางนั่งดูมู่ชิงหว่านถูกสุนัขกัดตายทั้งเป็นางก็ไม่มีความรู้สึกเห็นอกเห็นใจอันใด นี่เรียกว่าทำร้ายผู้อื่นสุดท้ายกลายเป็ทำร้ายตนเอง แต่เมื่อคิดถึงเงาร่างของบุรุษผู้สุภาพอ่อนโยนแล้ว คิ้วของนางขมวดมุ่นเล็กน้อย หากเขาต้องสูญเสียน้องสาว เขาคงจะเสียใจอย่างมากกระมัง ในเมื่อเขาปฏิบัติต่อนางด้วยความจริงใจมาโดยตลอด เป็คนแรกที่ช่วยเหลือนางอย่างไร้เงื่อนไขั้แ่นางมาถึงโลกใบนี้ คนเยี่ยงนี้ นางจะให้เขาเป็ทุกข์ได้อย่างไร
แค้นต้องชำระ บุญคุณต้องตอบแทนเช่นกัน!
ในนาทีเป็ตาย นางหลบออกไปทางประตูหลัง
องครักษ์และสาวใช้รีบพุ่งเข้ามา เมื่อเห็นภาพในห้อง พวกเขาได้แต่ตกตะลึง!
“คุณ คุณหนู--”
“ยังตะลึงอะไรอยู่อีก รีบไปช่วยคนสิ!”
คนทั้งหมดล้อมสุนัขเพียงตัวเดียว
รอเมื่อทุกอย่างสงบลง ต้าฮุยตายคาคมกระบี่ มู่ชิงหว่านหมดสติ เมื่อทุกคนย้อนกลับไปตามหาเฟิ่งเฉี่ยนจึงพบว่านางหายตัวไปแล้ว
“เร็ว! รีบไปรายงานฮูหยิน! คนหนีไปแล้ว--”
เมื่อมู่ฮูหยินทราบเื่ ทันทีที่นางมาถึงเห็นสภาพของบุตรสาว สีหน้านางเปลี่ยนไปทันที!
“หว่านเอ๋อร์ หว่านเอ๋อร์ เ้าเป็อย่างไรบ้าง”
มู่ชิงหว่านเข้าสู่สภาวะหมดสติ ไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบใดๆ
มู่ฮูหยินจับชีพจรของนางพบว่าเป็เพียงการหมดสติ จึงพรูลมหายใจโล่งอก สายตาของนางกวาดไปเห็นต้าฮุยที่จมกองเือยู่ คิ้วของนางขมวดแน่น
“เกิดอะไรขึ้น เป็ใครกันที่ปล่อยต้าฮุยเข้าไปในอุโมงค์น้ำแข็งนี้”
องครักษ์แต่ละคนได้แต่ก้มหน้าลงต่ำเมื่อเผชิญหน้ากับคำถามของนาง ไม่มีใครกล้าตอบคำถาม
มู่ฮูหยินเป็คนฉลาดปานใดกัน เมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ย่อมต้องกระจ่างแจ้งถึงอะไรบ้าง “ยังไม่รีบรายงานเื่ที่เกิดขึ้นอย่างละเอียดอีก”
ดังนั้นองครักษ์จึงเล่าเื่ที่เกิดขึ้นอย่างละเอียดรอบหนึ่ง มู่ฮูหยินฟังแล้วคิ้วขมวดกลายเป็ตัวอักษรแม่น้ำ พลันใช้ฝ่ามือซัดลงบนประตู “โง่เขลา! หากนางถูกสุนัขกัดตายจริงๆ จะหายาถอนพิษมาจากผู้ใดกัน ตอนนี้ดียิ่ง คนไม่ได้ถูกกัดาเ็ แต่กลับทำให้ตัวเองถูกกัดาเ็! โง่ โง่เขลาที่สุด!”
สาวใช้พูดเสียงสั่น “ฮู ฮูหยิน ต้าฮุยเป็สุนัขที่คุณหนูเลี้ยงมาเองกับมือ ตามเหตุผลแล้วย่อมไม่กัดเ้าของ จะต้องเป็หญิงผู้นั้นทำคุณไสยใส่ต้าฮุยแน่นอนเ้าค่ะ นาง...นางน่ากลัวเกินไปแล้ว! จะต้องจับตัวนางกลับมาให้ได้ ให้นางชดใช้ชีวิตให้คุณหนู!”
มู่ฮูหยินได้ยินเช่นนั้นในใจพลันตกตะลึง ใช่สิ ต้าฮุยเป็สุนัขเลี้ยงของหว่านเอ๋อร์ เหตุใดจึงหันกลับมากัดเ้าของ
แม่นางเฟิงผู้นี้น่ากลัวเกินไปแล้ว!
“เด็กๆ! ส่งคนในจวนสกุลทั้งหมดออกไป จะต้องตามจับคนกลับมาให้ข้าให้ได้!”
“ขอรับ ฮูหยิน!” องครักษ์รับคำสั่งแล้วออกไปทันที
“ช้าก่อน!” มู่ฮูหยินพลันยกมือขึ้นยับยั้งพวกเขา
มู่ฮูหยินสูดจมูกลึกๆ สีหน้าปรากฏให้เห็นความคาดไม่ถึง “พวกเ้าได้กลิ่นอะไรหรือไม่”
คนทั้งหมดพยายามสูดดมกลิ่นแล้วหันมามองหน้ากัน
“ฮูหยิน ดูเหมือนจะเป็กลิ่นหอมจากข้าวสวยขอรับ”
“ไม่ใช่กลิ่นหอมจากข้าวสวยธรรมดา แต่เหมือนข้าวผัดไข่...”
ั์ตาของมู่ฮูหยินทอประกาย นางรีบพุ่งออกไป
เมื่อนางไปถึงหน้าประตูห้องครัวก็เห็นเฟิ่งเฉี่ยนที่ยืนอยู่ข้างหน้าเตา นางยืนอยู่ที่นั่นอย่างเป็ธรรมชาติ ผัดข้าวผัดไข่ด้วยท่าทีชำนิชำนาญ สายตาของนางตั้งอกตั้งใจ ราวกับรอบข้างไร้ผู้คน ไหนเลยจะเหมือนนักโทษที่กำลังหลบหนี
มู่ฮูหยินโบกมือขึ้นห้ามไม่ให้องครักษ์ที่กำลังจะบุกเข้าไปจับคน
ในใจกระจ่างแจ้งดีว่าด้วยความสามารถของเฟิ่งเฉี่ยน หากนางคิดจะหนี นางหนีไปนานแล้ว ในเมื่อนางไม่ได้หนี ก็ไม่คิดจะหนีอีก
การวิเคราะห์ของนางถูกต้อง เฟิ่งเฉี่ยนไม่ได้คิดจะหนี นางไม่ได้วางยาพิษ ดังนั้นหม้อดำใบนี้นางไม่แบกแน่นอน! อย่างน้อยๆ ก่อนหน้าที่เซวียนหยวนเช่อจะกลับมา นางไม่คิดจะไปจากจวนสกุลมู่!
“ฮูหยิน รับข้าวผัดไข่สักจานหรือไม่” เฟิ่งเฉี่ยนหันหน้ากลับมายิ้มให้มู่ฮูหยิน
มู่ฮูหยินมีสีหน้าเ็าสุดขีด “เ้าช่างขวัญกล้านัก! ทำร้ายบิดาสามีข้า ตอนนี้ทำร้ายบุตรสาวข้าอีก เป็ใครกันที่ทำให้เ้าขวัญกล้าเช่นนี้”
เฟิ่งเฉี่ยนไม่ลนลาน นางมีสีหน้าปกติยิ่ง “ลำดับแรก ข้าไม่ได้ทำร้ายมู่ไท่ฟู่! ข้าเป็คนที่ฝ่าาส่งมา หากข้าเป็คนวางยาพิษจริงๆ นั่นย่อมต้องได้รับการอนุญาตจากฝ่าาเสียก่อน ท่านคิดว่าฝ่าาจะวางยาพิษอาจารย์ผู้มีพระคุณหรือไม่”
มู่ฮูหยินตกตะลึง ที่จริงนางก็เคยใคร่ครวญถึงปัญหานี้ ฝ่าาไม่มีทางทำร้ายบิดาสามีแน่นอน เื่นี้นางเชื่อ
แต่หลายวันมานี้ นางเฝ้าดูแลบิดาสามีไม่ห่างแม้แต่ก้าวเดียว คิดไม่ออกจริงๆว่า ยังมีใครที่จะมีโอกาสวางยาพิษบิดาสามี ความเป็ไปได้เพียงอย่างเดียวก็คือข้าวผัดไข่หลายจานนั้น
ที่กล่าวว่าหนึ่งหมื่นไม่กลัว กลัวเพียงหนึ่งในหมื่น นางจะพูดอย่างไรก็ไม่อาจปล่อยเฟิ่งเฉี่ยนไปได้!
เฟิ่งเฉี่ยนพูดต่ออีกว่า “ประการถัดมา ข้าไม่ได้ทำร้ายบุตรสาวของท่านเช่นกัน ผู้ที่ทำร้ายบุตรสาวของท่านคือสุนัขตัวนั้น!”
มู่ฮูหยินมีสีหน้าแข็งค้าง พบว่าตนเองไม่อาจโต้แย้งอะไรได้ บุตรสาวของนางถูกต้าฮุยกัดจริง เฟิ่งเฉี่ยนไม่ได้ลงมือ ทว่าเหตุใดสุนัขจึงหันกลับมาทำร้ายเ้าของเล่านี่มิใช่เพราะนางทำคุณไสยหรอกหรือ
“ข้ารู้ว่าเ้าปากคอเราะร้าย ข้าพูดไม่ชนะเ้า! แต่ต่อให้เ้าพูดเหตุผลนับพันนับหมื่น เ้ายังคงเป็ผู้ต้องสงสัยที่มีความเป็ได้ที่สุดในการวางยาพิษอยู่ดี ดังนั้น ไม่ว่าอย่างไรข้าไม่มีทางปล่อยเ้าไปเด็ดขาด!” นางโบกมือ “เด็กๆ นำตัวนางกลับไปอุโมงค์น้ำแข็ง!”
“ช้าก่อน!” เฟิ่งเฉี่ยนพูด “ต่อให้เป็นักโทษปะา ก่อนถูกปะาก็ยังมีอาหารมื้อสุดท้ายกระมัง รอให้ข้าทำข้าวผัดไข่ให้เสร็จก่อน ข้าจะตามพวกเ้าไปอุโมงค์น้ำแข็งเอง”
มู่ฮูหยินมองนางด้วยความประหลาดใจ ทั้งๆ ตกอยู่ในอันตราย ทว่ากลับมีท่าทีไม่เดือดร้อน สง่าผ่าเผย หากตัดเื่บิดาสามีและบุตรสาวออกไป นางกลับคิดว่านางน่าชื่นชมอยู่บ้าง แต่นางเป็คนปกป้องคนในครอบครัวของตน เื่ที่เฟิ่งเฉี่ยนทำร้ายบุตรสาวของนาง บัญชีแค้นนี้นางจะต้องชำระแน่นอน!
ดังนั้นนางจึงยังคงออกคำสั่งให้นำตัวเฟิ่งเฉี่ยนไปกักขังไว้ในอุโมงค์น้ำแข็ง เพื่อให้นางได้รับความทุกข์ทรมานอยู่ในนั้น!
“รอให้นางทำอาหารเสร็จแล้ว พาตัวนางกลับไปที่อุโมงค์น้ำแข็งทันที!” พูดแล้วมู่ฮูหยินก็กลับออกไป ทิ้งไว้เพียงองครักษ์หลายคนนั้นเฝ้าอยู่หน้าประตูห้องครัว
เฟิ่งเฉี่ยนไม่ได้ใส่ใจ นางทำข้าวผัดไข่ของนางต่อไป นางทุ่มเทความหวังไว้กับการจับรางวัล วาดหวังว่าครั้งนี้นางจะจับรางวัลใหญ่ได้ ทำให้นางหลุดพ้นจากการเป็ผู้ต้องสงสัยเื่การวางยาพิษไท่ฟู่!
ข้าวผัดไข่สิบจานเสร็จแล้ว!
ติ๊ง—ขอแสดงความยินดีกับเ้านายที่ทำข้าวผัดไข่ได้อย่างชำนาญ 《ข้าวผัดไข่》เลื่อนขั้นเป็ 《ข้าวผัดไข่ 2.0》!
ติ๊ง—รางวัล ตำรา《หมูสามชั้นซอสน้ำแดง》1 เล่ม (คำอธิบาย: วิธีการทำหมูสามชั้นซอสน้ำแดง จำเป็ต้องใช้เชื้อจุดไฟิญญา)
เฟิ่งเฉี่ยนกระพริบตา “ข้าวผัดไข่2.0หรือ”
[ยินดีกับเ้านายด้วยฮะ จากการฝึกฝนในหลายวันนี้ ข้าวผัดไข่ของท่านได้พัฒนาทักษะขึ้นไปอีก กลายเป็ข้าวผัดไข่ 2.0 ไม่ว่าจะเป็เื่ของสีสัน กลิ่น รสชาติ หน้าตา ความหมาย และโภชนาการ ล้วนพัฒนาขึ้นจากข้าวผัดไข่ 1.0 ไปไกลมาก]
“สีสัน รสชาติ หน้าตา ข้าพอจะเข้าใจได้ แต่ หน้าตา ความหมาย และโภชนาการคืออะไร” เฟิ่งเฉี่ยนถามอย่างแปลกใจ