“สู้!” หลี่เทียนเกอตวาด ะเิพลังต่อสู้ทั่วร่าง ดุร้ายดุจพยัคฆ์ลงจากภูผา เขารู้จักเซียวเฉิน เขาเคยเห็นความแข็งแกร่งตอนที่เซียวเฉินใช้หมัดเดียวต่อยลู่เฉิงอวี้พิการ
แม้ว่าเขาเป็ผู้มีพร์เช่นกัน แต่ต้องยอมรับว่าเขาสู้เซียวเฉินไม่ได้ เขาใช้หมัดเดียวต่อยขั้นเสวียนฟ้าสี่ชั้นฟ้าระดับสูงสุดให้พิการไม่ได้ ยิ่งกว่านั้น เซียวเฉินยังอายุน้อยกว่าเขาหลายปี ความสำเร็จในวันหน้าต้องเหนือกว่าเขาแน่
หลี่เทียนเกอจำต้องยอมรับในข้อนี้
ดังนั้น เขาจำเป็ต้องทุ่มสุดกำลังเพื่อต่อสู้กับเซียวเฉิน
ไม่เช่นนั้นต้องแพ้แน่ ขอเพียงทุ่มสุดแรงจึงมีโอกาสเอาชนะเซียวเฉิน มีโอกาสเข้ารอบ
ไม่ไกลนัก มีดวงตาคู่หนึ่งจับจ้องเขาอยู่ หรือบอกได้ว่าจับจ้องเซียวเฉินด้วย คนผู้นั้นคือเนี่ยอวิ๋นเหอ
เขาเป็คนจัดการให้หลี่เทียนเกอขึ้นเวทีท้าสู้เซียวเฉิน เพราะเขาคิดจะหยั่งเชิงเซียวเฉินดูว่ามีความสามารถที่แท้จริงมากเพียงใด หลี่เทียนเกอเป็ลูกน้องคนสนิทของเขาในสถานศึกษาเซิ่งเต้า ความสามารถจัดอยู่อันดับต้นๆ เหมาะสมที่สุดในการใช้หยั่งเชิงเซียวเฉิน
เซียวเฉินเองก็เดาจุดนี้ออก
ดังนั้น นับจากเซียวเฉินขึ้นเวที เขาจึงไม่คิดจะออมมือ แม้จะไม่สังหารหลี่เทียนเกอ แต่เขาจะให้เนี่ยอวิ๋นเหอรู้ว่าไม่ใช่ใครๆ ก็รังแกเขาได้
รอบกายของเซียวเฉินมีไอสังหารพวยพุ่ง ดุจอสูรเทพาเยือนสู่หล้า แววตาเล็งเป้าที่หลี่เทียนเกอ ดั่งสุนัขป่าโเี้ที่จับจ้องเหยื่อด้วยสายตาอำมหิต
“ไอสังหาร มีนามว่าอสูร”
น้ำเสียงของเซียวเฉินราบเรียบราวกับสายนที แววตาคมกริบ สิ้นเสียง ไอสังหารก็แผ่ซ่าน ทำให้เซียวเฉินกลายเป็เทพสังหาร เจตจำนงกระบี่ะเิออกในชั่วขณะนี้ แสงกระบี่นับหมื่นเปล่งประกาย
ในเมื่อเขารู้แจ้งเจตจำนงกระบี่
เช่นนั้นก็เป็นายแห่งกระบี่
ควบคุมกระบี่นับหมื่น!
เจตจำนงกระบี่ปรากฏ หมื่นกระบี่ชิงกันร่ำร้อง อานุภาพกระบี่พรั่งพรูลงมาดั่งผ้าไหมสีขาว มือของเซียวเฉินะเื เบิกฟ้าอยู่ในมือ กระบี่อื่นไม่แย่งชิง
รังสีกระบี่ฟันลง
ใบไม้ร่วงพันสารท ประกายวาบห่านป่าตื่น
เซียวเฉินฝึกกระบวนท่าที่หนึ่งในคัมภีร์กระบี่ทัณฑ์์จนช่ำชอง บวกกับเจตจำนงกระบี่ การโจมตีนี้จึงยิ่งแข็งแกร่ง แม้พลังทำลายล้างของกระบวนท่านี้ไม่ถือว่ามากนัก แต่เมื่ออยู่ในมือของเซียวเฉินแล้วกลับให้ความรู้สึกสมบูรณ์แบบ หมื่นมรรคามิอาจเทียบเทียม
วิ้งวิ้ง!
มีแสงวาบขึ้น หลี่เทียนเกอมีสีหน้าใ เขาถึงกับรู้สึกตาลาย ประกายกระบี่นับหมื่นอยู่เบื้องหน้า อันใดเป็ของจริง อันใดเป็ภาพลวง
บางที อาจเป็ของจริงทั้งหมด
เงาร่างของหลี่เทียนเกอเคลื่อนไหวกลายเป็เงาตกค้างโดยพลัน โจมตีด้วยประทับฝ่ามือต้านทานการจู่โจมของเซียวเฉิน พลางหาจุดอ่อนของเซียวเฉินไปด้วย
ตูม!
เคล็ดวิชาปะทะกัน เกิดเสียงดังสนั่น!
สะเก็ดไฟกระเด็นรอบด้าน ฝุ่นละอองคละคลุ้ง!
ทั้งเวทีประลองสั่นะเื
“เซียวเฉินคนนี้แข็งแกร่งมาก ถึงกับผสานเข้ากับเจตจำนงกระบี่!” มีคนร้องอุทาน เป็ผู้ฝึกกระบี่เช่นกัน แต่ความสำเร็จในมรรคากระบี่กลับเทียบเซียวเฉินไม่ติด เนื่องจากเซียวเฉินรู้แจ้งเจตจำนงกระบี่ แต่เขามิได้เป็เช่นนั้น
นี่คือความห่างชั้น
หลี่เทียนเกอสมเป็ศิษย์ของสถานศึกษาเซิ่งเต้า เขาหลบการโจมตีที่บรรจุเจตจำนงกระบี่ของเซียวเฉินได้ พร์เช่นนี้ ทิ้งห่างผู้อื่นจนไม่เห็นฝุ่น
“แต่สองคนนี้ใครจะชนะ?”
“น่าจะเซียวเฉินกระมัง ถึงอย่างไร ครั้งนี้เขาก็เจิดจ้าจับตา พร์ไม่ด้อยไปกว่าศิษย์สถานศึกษาเซิ่งเต้าเลย ยิ่งกว่านั้น เขายังมีเจตจำนงกระบี่อยู่ด้วย”
“สถานศึกษาเซิ่งเต้าครองอันดับหนึ่งมาตลอด แม้เซียวเฉินจะร้ายกาจ แต่ยังด้อยเื่ระดับขั้นอยู่บ้าง หากสู้ยืดเยื้อยาวนานจะไม่เป็ผลดีต่อเขา ดังนั้น ข้าคิดว่าหลี่เทียนเกอมีโอกาสชนะ”
“...”
คนด้านล่างเวทีสนทนากันแบบเ้าทีข้าที ผลักดันให้อารมณ์ในงานประลองพุ่งสู่จุดสูงสุด
ไม่เพียงพวกเขาเท่านั้น แม้แต่ศิษย์ที่เข้าร่วมการประลองห้าสถานศึกษาต่างชมอย่างครึกครื้น ในใจร้อนระอุ
การโจมตีของเซียวเฉินทรงพลังดุดัน แนวนอนแนวดิ่งกัน ดุจเทพาทะลวงทัพหมื่นอาชา แต่ละกระบี่ที่ฟันออกมาล้วนแฝงเจตจำนงกระบี่อันแข็งแกร่ง
ทั้งสอง ต่างคนต่างความคิดต่างรูปแบบ
ตูม!
มีดาราโปรยปรายราวกับเวิ้งนภาะเื
สายตาของหลี่เทียนเกอเคร่งขรึม ความคิดต่อสู้แผ่ซ่าน แขนทั้งสองข้างดุจมีแรงค้ำยันฟ้า แท่นทองปรากฏขึ้นในพริบตาแล้วเปล่งแสงแรงกล้าบาดตา ในความเจิดจรัสแฝงไว้ด้วยเจตนาสังหาร
“ประทับแท่นทองตก์!”
หลี่เทียนเกอตวาด ประทับทองหลุดจากมือ พริบตาก็ใหญ่มหึมาและหนักดุจขุนเขา กลิ่นอายหนักหน่วงแผ่ไพศาลเต็มเวที
เรียกเสียงฮือฮา
ดวงตาของหลี่เทียนเกอมีความภาคภูมิ ประทับแท่นทองตก์ถือเป็หนึ่งในการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา แกร่งและหนักถึงหมื่นชั่ง ถูกเซียวเฉินบีบคั้นจนถึงขั้นนี้ได้ หลี่เทียนเกอจึงไม่ยั้งมืออีก
เซียวเฉินมีสีหน้าเรียบเฉยต่อแท่นทองที่เหินมา
“กระบี่ของข้าสะบั้นได้ทุกสิ่ง!”
จากนั้น เซียวเฉินฟันหนึ่งกระบี่ ดาราปั่นป่วนราวกับกระบี่นี้ฟันทางช้างเผือก ก่อกวนฟ้าพร่างดาว ทุกคนต่างพรั่นพรึง
“ฟัน!”
ตูม!
กระบี่ฟันแท่นทอง เวทีประลองะเื
ภายใต้สายตาจับจ้องของทุกคน แท่นทองของหลี่เทียนเกอถึงกับถูกเซียวเฉินฟันสลายในกระบี่เดียว ดังสนั่นเหมือนสายฟ้าผ่าเปรี้ยงบนเวทีประลอง
จากนั้น รังสีกระบี่ของเซียวเฉินกวาดผ่าน ชั่วประกายไฟ ทรวงอกของหลี่เทียนเกอมีรอยกระบี่ โลหิตสดไหลลงมาตามเสื้อผ้า แต่หลี่เทียนเกอกลับไม่ถอย
เขาไม่อยากแพ้!
“เ้าแพ้แล้ว...” เซียวเฉินมองและบอกหลี่เทียนเกอเรียบๆ
สีหน้าของหลี่เทียนเกอซับสีเื คำรามต่ำๆ “ไม่ ข้าไม่ได้แพ้!”
หลี่เทียนเกอมองเซียวเฉินแล้วกล่าวว่า “เ้าแค่อาศัยเจตจำนงกระบี่ของตนเองเท่านั้น หากเ้าละทิ้งกระบี่ในมือ คนแพ้ต้องไม่ใช่ข้าแน่”
เซียวเฉินหัวร่อหยัน ปักกระบี่ในมือลงพื้นตรงๆ
“เช่นนั้น ข้าก็จะไม่ใช้กระบี่ แต่ข้าจะทำให้เ้ายอมแพ้ทั้งปากและใจ!” ระหว่างที่เอ่ยวาจา เปลวเพลิงงดงามก็ปรากฏขึ้นในมือ ไฟลุกโชนอย่างต่อเนื่อง ก่อเกิดไม่ดับสูญ เปี่ยมพลังทำลายล้าง
แม้มีเพียงจุดเดียว แต่กลับทำให้คนใจเต้นรัว
“หากเ้ารับการโจมตีนี้ได้ ถือว่าข้าแพ้!”
เซียวเฉินเอ่ยเรียบเรื่อย ประโยคเดียว ะเืไปทั้งงานประลอง
ทุกคนมองเซียวเฉินด้วยสายตาใสุดขีด เซียวเฉินนึกว่าตนเองเก่ง คิดว่าหลี่เทียนเกอ ศิษย์ของสถานศึกษาเซิ่งเต้ารับการโจมตีของตนเองไม่ได้
ส่วนหลี่เทียนเกอมีสีหน้าน่าเกลียด
เซียวเฉินกำลังหยามเกียรติเขา กำลังตบหน้าเขา จะให้เขาทนได้อย่างไร เขาคือบุคคลผู้มีพร์ของสถานศึกษาเซิ่งเต้านะ!
“เ้าพูดเองนะ อย่าเสียใจภายหลังแล้วกัน!”
หลี่เทียนเกอเอ่ยอย่างชิงชัง ในเมื่อเซียวเฉินนึกว่าตนเองเก่ง เขาก็จะรับเจตนาดีของเซียวเฉินไว้
ตูม!
เซียวเฉินฟาดหนึ่งฝ่ามือ ทะเลเพลิงม้วนตลบ เปลวเพลิงนั้นคืออัคคีแห่งหงสา เปลวอัคคีศักดิ์สิทธิ์หงสา เผาไหม้พลังเสวียนและสรรพสิ่งบนโลกนี้ได้ อานุภาพทรงพลังขนาดนี้อย่าว่าแต่ระดับขั้นเดียวกันเลย ต่อให้ข้ามระดับขั้น ก็มีไม่กี่คนที่รับการโจมตีนี้ของเซียวเฉินได้
หลี่เทียนเกอะเิพลังเสวียนรับฝ่ามือของเซียวเฉิน แต่กลับพบว่าพลังเสวียนของตนเองถูกเปลวเพลิงกัดกร่อนทีละน้อย พลานุภาพแข็งแกร่งซัดเขากระเด็นและลอยออกไปนอกเวที พลังกระแทกรุนแรงทำให้อวัยวะภายในของหลี่เทียนเกอปั่นป่วน กระอักโลหิตสดไม่ขาดสาย
สีหน้าที่มองเซียวเฉินเปลี่ยนเป็หวาดหวั่นพรั่นพรึง
เซียวเฉิน แข็งแกร่งถึงเพียงนี้เชียว!
เซียวเฉินมองหลี่เทียนเกอแล้วเอ่ยเรียบๆ “จะหยั่งเชิงข้าก็เอาคนที่แข็งแกร่งกว่านี้มาหน่อย หรือให้เ้ามาเอง ไม่เช่นนั้นก็น่าเบื่อแย่”
ไม่รู้ว่าเขาพูดประโยคนี้ให้ใครฟัง
ในสมองของทุกคนมีแต่คำถาม
มีเพียงแววตาของคนผู้หนึ่งในสถานศึกษาเซิ่งเต้าที่เปล่งประกายเย็นเยียบ
“ศิษย์พี่เนี่ย ข้าแพ้แล้ว” หลังหลี่เทียนเกอกลับมาก็มองเนี่ยอวิ๋นเหอด้วยสีหน้าหดหู่ ไม่เปี่ยมพลังเช่นก่อนหน้านี้อีก เหมือนการต่อสู้กับเซียวเฉินในครั้งนี้ทำลายความมั่นใจในตนเองของเขาไป
เนี่ยอวิ๋นเหอพยักหน้า
“พักผ่อนดีๆ เขามีความสามารถแข็งแกร่ง แพ้ในเงื้อมมือเขา เ้าไม่เสียเปรียบ ต่อไปตั้งใจฝึกวิชาล่ะ”
หลังหลี่เทียนเกอจากไป ใบหน้าของเนี่ยอวิ๋นเหอก็เย็นเยียบลงโดยสมบูรณ์
เจตจำนงแห่งมรรคากระบี่ ไอสังหารอสูร เปลวเพลิงแข็งแกร่ง...เซียวเฉิน เ้ายิ่งทำให้ข้าดูไม่ออกมากขึ้นทุกที ไม่รู้ว่าเ้าในเวลานี้แข็งแกร่งเพียงใดกันแน่...