หลังควบม้านานประมาณน้ำชาพร่องครึ่งถ้วย [1] ในที่สุดไป๋เซียงจู๋ก็เดินทางตามความทรงจำมาจนถึงริมหน้าผาแห่งหนึ่ง ไป๋เซียงจู๋ลากลู่ชางหลงออกจากรถม้า เมื่อมองผาสูงชันที่ปกคลุมด้วยหมอกจาง ไป๋เซียงจู๋เหม่อลอยไปชั่วครู่
ชาติก่อนนางะโลงไปจากหน้าผานี้ นอกจากรอดพ้นความตายแล้ว นางยังได้โลหิตโอสถอีกด้วย บัดนี้นางยืนอยู่บนปลายผาแห่งเดิมกับในอดีต นางเกิดรู้สึกชื่นชมความกล้าหาญของตนในวันนั้นขึ้นมา นางยอมตายเพื่อรักษาความบริสุทธิ์ของตนเองไว้ แต่ท้ายที่สุดเล่า ไม่มีใครในครอบครัวเชื่อนางสักคน
และวันนี้นางยืนอยู่ที่นี่อีกครั้ง ไป๋เซียงจู๋ยิ้มน้อยๆ นางจะต้องทำให้ได้มาซึ่งร่างกายที่มีโลหิตโอสถไหลเวียน นางรู้จักเหยียนอี้เลี่ยดีเสียยิ่งกว่าอะไร แม้ตอนนี้นางมีโฉมหน้าที่งดงามไร้เทียมทาน ทว่าหากไม่มีตระกูลไป๋ให้พึ่งพา เหยียนอี้เลี่ยก็คงไม่หมายตานาง โอกาสที่จะดึงดูดความสนใจและเข้าใกล้เขาให้สำเร็จย่อมต้องมาจากโลหิตโอสถ เพียงแต่ชาตินี้นางไม่ได้โง่จนคิดะโหน้าผาลงไป การทำร้ายตัวเองเป็สิ่งที่มิอาจหลีกเลี่ยง หากไม่เข้า ‘ถ้ำ’ เสือจะได้ลูกเสือหรือ
หลังสำรวจริมผาโดยรอบแล้ว ไป๋เซียงจู๋ฉีกชายกระโปรงออก แขวนเศษผ้าบนหินที่ไม่สะดุดตา สร้างฉากของการตกหน้าผาขึ้นมา
ส่วนลู่ชางหลงนั้น เซียงจู๋มองเขาที่หมดสติเพราะความเ็ปอยู่บนพื้น กางเกงชั้นในยังคงห้อยคาขา ร่างละม้ายคล้ายหมูอ้วนยิ่งแลดูบวมอืด
ไป๋เซียงจู๋แสยะยิ้มเยือกเย็น เดินเข้าไปแทงด้วยเข็มเงินในมืออย่างไร้ความปรานี
การปลิดชีพเ้าทิ้ง ถือว่าดีเกินไปสำหรับเ้า!
ชาตินี้ ข้าจะทำให้เ้าสิ้นเืเนื้อเชื้อไข เสพสังวาสไม่ได้อีกต่อไป!
เมื่อจัดการกิจทั้งหมดเสร็จ ไป๋เซียงจู๋ยกยิ้ม จากนั้นจึงลัดเลาะลงเขาไปตามเส้นทางแคบๆ รอบหน้าผา...
ผ่านไปหนึ่งก้านธูป [2] ฮูหยินรองอวี๋ซื่อพาหัวหน้าคนรับใช้และบ่าวไพร่อีกสิบกว่ารายมาค้นหา
ต่อมาได้เจอตู้เจวียนซึ่งกำลังเดินทางกลับจวน หลังจากดุด่าว่ากล่าวนางแล้ว อวี๋ซื่อนำทุกคนเริ่มตามหาไป๋เซียงจู๋ทั่วทั้งูเา สุดท้ายก็พบรถม้าของจวนไป๋บริเวณหน้าผาชัน
อวี๋ซื่อก้าวเข้าไปใกล้ๆ พบลู่ชางหลงที่ถูกเปลื้องผ้าล่อนจ้อนและมีาแอยู่บนพื้น นางพลันตื่นตระหนก
ทว่ากลับไม่พบตัวไป๋เซียงจู๋ เห็นเพียงแต่คราบเืด้านในและนอกรถม้า อวี๋ซื่อนิ่วหน้าเล็กน้อย
“คุณหนู!” เมื่อตู้เจวียนที่ตามมาเห็นเศษผ้าห้อยอยู่บนหิน นางวิ่งเข้าไปหาราวกับเสียสติ คว้าเศษผ้ามาร้องไห้โฮ
พออวี๋ซื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนั้น นางก็รู้สึกโล่งใจ แม้ลู่ชางหลงจะได้รับาเ็ และไม่รู้ว่านางเด็กนั่นโดนปู้ยี่ปู้ยำหรือยัง แต่จากสถานการณ์เช่นนี้ นางคนสารเลวนั่นคงพลั้งตกหน้าผาไปแล้ว
ความพึงพอใจประสงค์ร้ายแวบผ่านในตานาง
หึ ไป๋เซียงจู๋ เ้าหวงแหนความบริสุทธิ์ยิ่งชีวิตจริงๆ นึกไม่ถึงว่าจะกล้าะโหน้าผา ะโหน้าผาแล้วย่อมดี ตายไปเสียก็ทำให้ข้าเบาใจไม่น้อย
ณ จวนไป๋ เรือนจิ้งซิน
ถ้วยชากระแทกพื้นอย่างแรงจนแตกเป็ชิ้นเล็กชิ้นน้อย
นายหญิงไป๋โมโหจนหน้าเขียว เพลิงพิโรธพลุ่งพล่าน “ตกหน้าผาได้อย่างไร! นางแค่ขึ้นเขาไปขอพรมิใช่หรือ ไยจึงเกิดเื่ใหญ่โตถึงขนาดนี้! บ่าวหัวหงอกหัวดำที่ติดตามหายไปไหนกันหมด!”
“ท่านแม่โปรดอย่ากริ้ว ลูกส่งคนลงผาไปค้นหาแล้ว คาดว่าจะมีข่าวคราวมาในไม่ช้า” อวี๋ซื่อรีบร้อนเข้าไประงับโทสะให้ฮูหยินเฒ่า นางกล่าวด้วยสีหน้าโศกเศร้าเหลือแสน “ข้ามันไม่ดีเอง หากไม่ใช่เพราะ่นี้โหรวเอ๋อร์เป็หวัด ข้าก็คงไม่ให้จู๋เอ๋อร์ไปขอพรบนเขาแทนข้า จนทำให้จู๋เอ๋อร์ต้องเจอเื่เลวร้าย!”
เมื่อฮูหยินเฒ่าเห็นอวี๋ซื่อสำนึกผิดเช่นนั้น ถึงจะรู้สึกขุ่นเคืองที่อวี๋ซื่อไม่รอบคอบ ทว่าเมื่อเื่มาถึงจุดนี้ก็ไม่ควรตำหนิให้มากความแล้ว มิฉะนั้นพอบุตรชายคนรองของนางกลับมาเขาก็จะโวยวายอีก ไม่รู้จริงๆ ว่าเ้าลูกคนนั้นถูกหญิงจากตระกูลธรรมดาอย่างอวี๋ซื่อคนนี้กำราบเสียอยู่หมัดได้อย่างไร “เื่นี้จะโทษเ้าไม่ได้หรอก ทำได้เพียงโทษที่เด็กคนนั้นโชคร้าย แต่ข้าก็หวังว่าจะพบจู๋เอ๋อร์โดยเร็ว”
อวี๋ซื่อพูดพลางใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตา “หากยังมีชีวิตต้องเจอตัว แม้นสิ้นแล้วต้องพบร่าง นี่เป็คำมั่นที่ลูกมอบให้ท่านพี่ ไม่คิดเลยว่าเด็กนี่จะประสบเคราะห์ร้ายภายใต้ความดูแลของข้า ถ้าท่านพี่ทราบเข้าคง...”
“ปิดเื่นี้จากหลัวเอ๋อร์ก่อน สิ่งสำคัญอย่างแรกคือต้องตามหาคน เ้ารีบออกคำสั่งให้เพิ่มจำนวนคนไปค้นหาเสีย!”
“ข้าจะไปสั่งการเดี๋ยวนี้เ้าค่ะ” อวี๋ซื่อเช็ดน้ำตาและจากไปโดยแสร้งว่าเสียใจอย่างสุดซึ้ง
พอนางออกจากเรือนจิ้งซิน ความเศร้าเสียใจในดวงตาของอวี๋ซื่อก็สลายสิ้นไร้ร่องรอยประหนึ่งลมปราณ แทนที่ด้วยกระแสของความชั่วร้าย
ในเวลาเจ็ดวันหลังจากนั้น จวนไป๋ส่งคนรวมแล้วไม่ต่ำกว่าพันรายไปยังหน้าผาเพื่อตามหาไป๋เซียงจู๋ ทว่าไม่พบโดยสิ้นเชิง แม้แต่ศพก็ยังหาไม่พบ
ใจที่กระวนกระวายของอวี๋ซื่อก็ค่อยๆ กลับคืนสู่สภาวะปกติ ในเมื่อตกผาล่วงลับแล้ว ไม่เหลือกระทั่งร่างไร้ิญญา ต่อจากนี้ไปนางก็ไม่จำเป็ต้องดูแลหมุดในตา หนามในเนื้อ [3] ของตระกูลไป๋นี่อีก
อย่างไรเสียกระดาษย่อมมิอาจห่อหุ้มเปลวไฟ [4] เื่ไป๋เซียงจู๋ตกหน้าผาตายได้แพร่กระจายออกไปอยู่ดี หลังไป๋ฉีหลัวผู้เก็บเนื้อเก็บตัวจิตใจล่องลอยทั้งวันทราบเื่บุตรสาวตกผา นางรีบรุดไปอาละวาดในเรือนของอวี๋ซื่อยกใหญ่ดุจคนคุ้มคลั่ง โชคดีที่ถูกคนใช้ยับยั้งไว้ได้ แต่คำพูดจากปากคนพวกนั้นก็ทำให้อวี๋ซื่ออดหวาดหวั่นไม่ได้ ได้ยินว่าเพื่อปลอบขวัญไป๋ฉีหลัว นายหญิงไป๋ส่งจดหมายไปแจ้งเื่แก่นายท่านไป๋และคุณชายสาม ไป๋ฉางอวิ๋นเรียบร้อยแล้ว
เชิงอรรถ
[1]半盏茶 เวลาครึ่งถ้วยชา คือ การนับระยะเวลาในสมัยโบราณ เท่ากับเวลาที่ดื่มชาจนหมดไปครึ่งถ้วย เวลาหนึ่งถ้วยชาเท่ากับประมาณ 15 นาที ดังนั้นครึ่งถ้วยชาจึงเท่ากับประมาณ 7-8 นาที
[2]一炷香 เวลาหนึ่งก้านธูป คือ การนับระยะเวลาในสมัยโบราณ เท่ากับเวลาที่ก้านธูปเผาไหม้จนสุดก้าน ซึ่งมีวิธีการนับที่หลากหลาย บ้างบอกว่าครึ่งชั่วโมง บ้างว่าหนึ่งชั่วโมง บ้างก็ว่าเพียง 5 นาทีเท่านั้น โดยส่วนใหญ่มักนับเทียบเท่ากับครึ่งชั่วโมงหรือหนึ่งชั่วโมง
[3]眼中钉,肉中刺 หมุดในตา หนามในเนื้อ หมายถึง คนที่จงเกลียดจงชังที่สุด
[4]纸包不住火 กระดาษมิอาจห่อหุ้มเปลวไฟ หมายถึง ความจริงไม่สามารถถูกปกปิดตลอดไปได้ ต้องมีสักวันที่เผยออกมา