ซูอินมีไข้ อุณหภูมิถึง 38.5 องศาเซลเซียส
เมื่อไม่ได้ร้ายแรงเท่าที่คิด หยางอวี้หลานจึงถอนหายใจโล่งอก
เมื่อก่อนอินอินมักจะมาส่งปิ่นโตให้อู๋อู๋ที่โรงพยาบาล เมื่อได้เจอกันหลายครั้ง หลายคนในแผนกก็เกิดความรู้สึกดีไม่น้อยต่อสาวน้อยผิวขาวไร้เดียงสาผู้นี้ เดิมทีเธอมีนิสัยค่อนข้างขี้อาย ไม่ค่อยพูด เมื่อคืนมาขอค้างที่บ้านก็ไม่พูดมาก แต่เข้าไปช่วยเธอในครัว ส่งจานให้และช่วยหั่นผัก
มองแวบแรกก็เห็นได้ว่าซูอินคุ้นเคยกับงานบ้านมาก ครอบครัวเธอฐานะไม่ดีเท่าตระกูลหลิง แต่เหวินเหวินก็ยังไม่คุ้นเคยกับงานบ้านเท่ากับซูอิน
หลังจากที่ได้คลุกคลีกัน หยางอวี้หลานมีความรู้สึกที่ดีขึ้นมากต่อซูอิน ตอนนี้เธอจึงรู้สึกเป็ห่วงสุขภาพของซูอินจากใจจริง
“ให้น้ำเกลือสักขวดน่าจะดีขึ้น แพ้ยาอะไรหรือเปล่า”
ซูอินนั่งอยู่บนม้านั่งบริเวณทางเดิน หมอและพยาบาลเดินไปมาอย่างเร่งรีบ
ฝนตกหนักจากภัยธรรมชาติและภัยที่มนุษย์สร้างขึ้น โรงพยาบาลประชาชนประจำเมืองในเวลานี้จึงแออัดไปด้วยผู้คน ห้องผู้ป่วยเต็มหมด ทำให้บริเวณทางเดินเต็มไปด้วยเตียงเสริมชั่วคราว เธอซึ่งไม่ได้ป่วยหนักจึงต้องมาอยู่บริเวณนี้
เธอส่ายหน้าเบาๆ “ไม่มีค่ะ”
อย่ามองว่าเธอตัวผอมบาง เหมือนหุ่นของคนที่กินเท่าไรก็ไม่อ้วน เพราะอันที่จริงั้แ่เด็กจนโต เธอเป็เด็กแข็งแรงมาตลอด และไม่เคยต้องให้น้ำเกลือเลยสักครั้ง
“ป้าหยางคะ หนูไม่เป็อะไรค่ะ เมื่อครู่โรงพยาบาลโทรมาไม่ใช่หรือคะ หากมีธุระ คุณป้าไปจัดการก่อนก็ได้ค่ะ”
เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ คนที่สวมเสื้อกาวน์มีลักษณะเหมือนหัวหน้าก็รีบเดินตรงมา เมื่อเข้ามาใกล้ก็เห็นเม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นบนจมูก
“หมอหยาง คุณมาก็ดีแล้ว ตอนนี้ห้องผ่าตัดกำลังขาดคนพอดี”
หยางอวี้หลานก็เป็กังวลในเื่นี้ แต่สายตาของเธอ…มองไปที่ซูอินด้วยความกังวล
การรักษาผู้ป่วยสำหรับหยางอวี้หลาน เธอไม่ใช่คนที่จะเมินเฉยกับเื่นี้ ส่วนซูอินไม่ได้คิดเื่นี้อย่างลึกซึ้งนัก เธอแค่รู้สึกนับถือในความรักและความทุ่มเทของหยางอวี้หลานที่มีต่อหน้าที่การงานมากขึ้นเรื่อยๆ
“หนูไม่เป็อะไรจริงๆ ค่ะ แค่เป็ไข้นิดหน่อย หากเทียบกับหนูแล้ว คนที่าเ็เ่าั้้าคุณมากกว่าค่ะ”
ไข้ 38.5 หากพูดตามความจริงไม่ถือว่าหนักหนา ฐานะแพทย์เช่นหยางอวี้หลานย่อมรู้ดีกว่าคนทั่วไป แต่อย่างไรก็ตาม เธอรู้สึกขอบคุณในความเข้าอกเข้าใจของซูอิน รวมถึงความช่วยเหลือที่มองไม่เห็น หลังจากที่กำชับสวีเหวินเหวินให้ดูแลซูอิน เธอก็รีบตามหัวหน้าไปที่ห้องผ่าตัด
ตอนที่ทั้งสามคนมาโรงพยาบาลได้นั่งรถแท็กซี่ เมื่อเข้ามาด้านใน หยางอวี้หลานได้วินิจฉัยอาการของเธอด้วยตนเอง จึงไม่ได้ลงทะเบียนที่แผนกทะเบียน
เนื่องจากต้องให้น้ำเกลือ จึงจำเป็ต้องไปลงทะเบียนผู้ป่วยก่อนถึงจะไปเบิกที่ห้องจ่ายยาได้
“ทำยังไงดี ไม่ได้เอาบัตรประชาชนมาด้วย”
สวีเหวินเหวินมีท่าทีร้อนใจ เธอจากแม่มาได้ครู่หนึ่งแล้ว แม่อาจจะเข้าห้องผ่าตัดไปแล้ว
ซูอินค่อยๆ หยิบบัตรประจำตัวประชาชนออกมาจากกระเป๋าเสื้ออย่างใจเย็น
ั้แ่กลับมาเกิดใหม่ การออกจากตระกูลหลิงเป็เื่ใหญ่ที่สุดที่เธอได้วางแผนไว้ เธอจึงรวบรวมเอกสารของตัวเองทั้งหมด แล้วเก็บไว้ที่มุมหนึ่งของห้วงมิติอย่างปลอดภัย
แม้ว่าพื้นที่ในห้วงมิติจะไม่ใหญ่นัก แต่ก็มากพอที่จะบรรจุสิ่งของจำเป็ในชีวิตประจำวันที่มีอยู่เพียงน้อยนิด
“ว้าว นี่เธอเอาติดตัวมาด้วยเหรอ”
สวีเหวินเหวินทำหน้าแปลกใจ สำหรับนักเรียนนั้นค่อนข้างน้อยมากที่จะได้ใช้บัตรประชาชน โดยปกติแล้วบัตรของเธอมักจะไว้กับแม่ และอยู่ที่บ้านเสมอ
“ตอนสอบขึ้นมัธยมปลายจำเป็ต้องใช้” ซูอินตอบอย่างนิ่งเฉย
ภาพเหตุการณ์เมื่อเช้าที่หน้าประตูโรงเรียนยังคงปรากฏชัด สวีเหวินเหวินนึกขึ้นได้ถึงเื่ที่อินอินถูกตระกูลหลิงไล่ออกจากบ้าน
เธอรู้สึกเป็ทุกข์แทนเพื่อนรัก และประหลาดใจในความรอบคอบของเพื่อน ไม่ใช่แค่เตรียมเสื้อผ้ามาเปลี่ยน แม้แต่เอกสารสำคัญก็นำมาด้วย ทั้งรอบคอบและฉลาด มิน่าล่ะถึงสอบได้คะแนนดีทุกครั้ง
“ถ้างั้นฉันไปลงทะเบียนเพื่อขอเบิกยาก่อนนะ”
สวีเหวินเหวินนำบัตรประชาชนไป ก่อนจะเจอปัญหาใหม่
ไม่ว่าจะเป็การลงทะเบียนหรือขอเบิกยาล้วนต้องใช้เงิน ค่าลงทะเบียนราคาหนึ่งหยวนนั้นเธอมีจ่าย แต่ไม่มีเงินค่ายา
หยางอวี้หลานกำชับก่อนไปว่ามีเงินอยู่ในลิ้นชักที่ห้องทำงาน สวีเหวินเหวินนึกขึ้นได้ กำลังจะหมุนตัวกลับไปเอา แต่เภสัชกรผู้ทำหน้าที่จ่ายยาที่แผนกจ่ายยาจำเธอได้
“เหวินเหวิน ทำไมเป็เธอล่ะ ไม่สบายหรือ”
“ไม่ใช่ค่ะ อินอินต่างหาก”
“อินอิน หลิงอิน ลูกสาวของหมออู๋หรือ”
ไม่ว่าอากาศจะร้อนหรือหนาว เธอก็มักจะมาโรงพยาบาลพร้อมกับปิ่นโตเสมอ ซูอินผู้มีชื่อเดิมว่า “หลิงอิน” เป็ที่รู้จักดีในโรงพยาบาลประชาชนประจำเมือง โดยเฉพาะแผนกลงทะเบียนและห้องจ่ายยา ทุกครั้งที่ต้องไปยังแผนกผู้ป่วยหนัก เธอต้องเดินผ่านสองแผนกนี้เสมอ แม้ว่าในตอนนั้นซูอินจะมีนิสัยขี้อาย ไม่ค่อยพูด แต่พยาบาลที่นี่ก็คุ้นเคยเธอเป็อย่างดี
เมื่อเห็นสวีเหวินเหวินพยักหน้า พยาบาลที่ทำหน้าที่จ่ายยาก็ยื่นถุงพลาสติกที่มัดไว้อย่างดีให้เธอ
“เอาไปสิ”
“ขอบคุณค่ะ อีกเดี๋ยวหนูจะเอาเงินมาให้นะคะ”
พยาบาลที่กำลังยุ่งอยู่กับการจัดยาให้ผู้ป่วยส่ายหน้า “ไม่ต้อง เดี๋ยวหักจากเครดิตของคุณหมออู๋ก็ได้”
สวีเหวินเหวินไม่รู้จริงๆ ว่าทำเช่นนี้ได้ เพราะเธอเป็เด็กแข็งแรงมาตลอด แต่ในเมื่อนางพยาบาลพูดแบบนี้ แสดงว่าคงไม่มีปัญหา
สิ่งที่นางพยาบาลที่จ่ายยาบอกเป็เื่จริง ทางโรงพยาบาลมีสวัสดิการเช่นนี้ด้วย หลังจากจัดการเื่ยุ่งๆ เสร็จ เธอก็หันไปเห็นใบเรียกเก็บเงินที่ยังไม่ได้ชำระ และนึกได้ว่าต้องโทรศัพท์แจ้งอู๋อู๋
ขณะที่โทรศัพท์ดัง ในมือของอู๋อู๋กำลังถือถุงน้ำแข็งประคบเย็นให้หลิงเมิ่ง
เธอยื่นมือไปรับ เมื่อได้ยินว่าโทรมาจากโรงพยาบาลประชาชนประจำเมือง เธอก็แสดงอาการหงุดหงิดทันที “ฉันบอกแล้วไม่ใช่หรือว่ากำลังยุ่ง และฉันก็ลางานแล้ว ไม่มีเวลาไปหรอก”
“แต่คุณหมออู๋คะ คุณ…”
ยังไม่ทันรอให้อีกฝ่ายพูดเื่สำคัญ อู๋อู๋ก็ตัดสายทิ้ง
ในห้องจ่ายยาของโรงพยาบาล นางพยาบาลได้ยินเสียงโทรศัพท์ที่แสนวุ่นวาย เธอนิ่งอยู่นานโดยไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง
จนกระทั่งมีใบสั่งยายื่นเข้ามาทางหน้าต่าง มีคนมารับยา เธอจึงรีบจัดยาและส่งให้อย่างรวดเร็ว เธอเก็บอารมณ์ที่ยากจะอธิบายไว้ในใจ ก่อนจะเริ่มนินทากับเพื่อนร่วมงานที่อยู่ข้างๆ
“มีไข้จนต้องนอนโรงพยาบาลขนาดนี้แล้ว ก็เป็ลูกสาวของคุณหมอหยางที่เป็คนพามา ฉันโทรศัพท์ไปหา คุณหมออู๋กลับไม่สนใจสักนิด วางสายไปเลย”
“ก่อนหน้านี้ได้ยินข่าวลือไม่ใช่หรือ เธอไม่ใช่ลูกแท้ๆ นี่”
“อินอินเป็เด็กดีมากนะ ต่อให้ไม่ใช่ลูกแท้ๆ แต่เลี้ยงดูกันมาตั้งหลายปีก็ต้องมีความผูกพันกันบ้าง”
พูดกันไปพูดกันมา เื่ดีๆ ไม่แพร่หลายในวงกว้าง แต่เื่เลวร้ายมักแพร่ไปไกลเป็พันลี้ โดยเฉพาะคนดังในตอนนี้ ไม่นานข่าวของหมออู๋ที่เมินเฉยต่อบุตรสาวที่มีไข้สูงก็แพร่กระจายไปทุกซอกทุกมุมของโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว
ในห้องผ่าตัดชั้นบนสุด ฉินหล่างล้างแผลและทำแผลเสร็จแล้ว เสื้อผ้าที่สกปรกระหว่างการช่วยเหลือปฏิบัติหน้าที่ถูกเปลี่ยนแล้วเช่นกัน
เมื่อไม่นานตอนที่ได้ช่วยเหลือคน เขาได้คำนวณทิศทางที่หินจะตกลงมา จึงหลบไปด้านข้าง ทำให้ไม่ได้รับาเ็ร้ายแรง
แค่พันแผลก็เสร็จแล้ว อย่างไรก็ตามในที่เกิดเหตุมีแต่ความวุ่นวาย เขาจึงถูกส่งตัวมาที่โรงพยาบาลด้วย
นางพยาบาลสองคนที่เข็นรถมาส่งยากำลังซุบซิบกัน ทำให้เขาได้รู้ข่าวใหญ่นี้ด้วย
“คุณหมออู๋ก็ทำเกินไป”
“ถึงเป็ลูกบุญธรรม ก็ไม่น่าทำถึงขนาดนี้”
“แต่อินอินน่าสงสารจริงๆ นะ”
อู๋ ลูกบุญธรรม อินอิน…สามคำที่ละเอียดอ่อนนี้ลอยมาเข้าหู ความคิดในหัวของฉินหล่างพลันปรากฏใบหน้าขาวผ่องของคนคนหนึ่ง