หวังฮู่และคนอื่นๆ ใช้เวลาไปนาน กว่าที่จะแน่ใจว่าคนตรงหน้าเป็เ้านายของตนเอง ไม่ใช่ผีผู้หญิง เหล่าองครักษ์ร้องไห้และพูดะโว่า
“องค์หญิง เมื่อคืนนี้มีผีจริงๆ นะพ่ะย่ะค่ะ!”
“ผีสาวตาโบ๋ที่เืไหลออกมาจากเบ้าตาทั้งสองข้างนั่น มันไล่ตามพวกกระหม่อม!”
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว พี่หวังยังเหยียบลูกตานางอยู่เลย!”
ใบหน้าของหวังฮู่กระตุกทันที และพยักหน้าอย่างแข็งทื่อ
ฉู่จุนหนิงรู้สึกใเล็กน้อยกับสิ่งที่พวกเขาพูด หรือว่าเมื่อคืนตัวเองจะถูกผีสาวทุบตีหรือไม่นะ?!
“เสียงเอะอะอะไรกันั้แ่เช้า รบกวนการพักผ่อนของท่านอ๋องเสียจริง!”
ประตูลานด้านหนึ่งเปิดออก พร้อมกับเซียวเจวี๋ยที่พาคนเดินออกมา
“พี่เซียว!” เมื่อฉู่จุนหนิงเห็นเซียวเจวี๋ยก็กลายเป็คนอ่อนโยนขึ้นมาทันใด ร่างกายที่ใหญ่โตที่อ่อนแรงของนาง้าเอนกายเข้าไป
ทว่า ยังไม่ทันที่จะได้เข้าไปใกล้ กลับมีกระบี่เล่มหนึ่งถูกดึงออกมา
“ช่างบังอาจและน่าเกลียดยิ่งนัก กล้าดีอย่างไรมารุกรานท่านอ๋องเช่นนี้!” ฉู่สือะโอย่างฉุนเฉียว
คมกระบี่เกือบปาดไปที่หน้าของฉู่จุนหนิง นางใกลัว และสบถด่าออกมา “ลืมตาต่ำๆ ของเ้าดูให้ดีๆ สิ ว่าข้าคือใคร?”
ฉู่สือใช้เวลาไปครู่หนึ่งถึงจะดูออกว่านางเป็ใคร
“กระหม่อมมองผิดไปแล้ว โปรดองค์หญิงทรงให้อภัยกระหม่อมด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
ฉู่จุนหนิงโกรธเป็อย่างมาก สุนัขรับใช้ตัวนี้กล้าดีอย่างไรมาด่านางน่าเกลียด!
“พี่เซียว~” ฉู่จุนนิงแสดงท่าทางน่าสงสาร กระทืบเท้าอย่างเสแสร้งและพูดว่า “ลูกน้องของท่านรังแกข้า ท่านจะไม่สนใจหน่อยเหรอ”
เซียวเจวี๋ยเหลือบมองนาง ในใจก็คิดว่าตัวปัญหาตัวน้อยเมื่อคืนยังลงมือเบาไปด้วยซ้ำ
“ฉู่สือเป็คนตรงไปตรงมา และมักจะชอบพูดความจริงเสมอ องค์หญิงใหญ่โปรดยกโทษให้ด้วยเถิด” เซียวเจวี๋ยพูดคำแทงใจดำออกมา
ฉู่จุนหนิงที่ถูกแทงใจดำอีกครั้ง พูดความจริงงั้นหรือ? ท่านจะบอกว่านางน่าเกลียดใช่หรือไม่?
นางกัดริมฝีปากสีแดง และยังคงทำตัวบอบบางราวกับดอกไม้ต่อไป “พี่เซียว ท่านไม่รู้หรือไม่ว่าเมื่อคืนพวกคนเหล่านี้เจอผีผู้หญิงกัน! ท่านดูใบหน้าของข้าสิ ผีผู้หญิงตัวนั้นทำมากเกินไปจริงๆ!”
“ข้าว่าผีผู้หญิงตนนั้นก็ค่อนข้างมีความเมตตาอยู่นะ” หลิงเฟิงพึมพำ
รู้ไว้ซะด้วยว่าท่านอ๋องเกลียดท่าน จนอยากจะลงไม้ลงมือกับท่านเป็พิเศษ นี่มันยังเบาเกินไปด้วยซ้ำ ไม่ตีจนพิการก็ดีเท่าไรแล้ว!
ฉู่จุนหนิงที่ได้ยินเสียงพึมพำของหลิงเฟิง และกำลังที่จะถามออกไป ทว่า สายตาก็พลันกวาดไปเห็นร่างที่มีเสน่ห์ ก้าวเดินมายังทางนี้
นั่นไม่ใช่...
“ผี”
หวังฮู่และคนอื่นๆ ะโขึ้นมาอีกครั้ง เหล่าองครักษ์ก็หดตัวลงจนกลายเป็นกคุ่ม
ชิงอีที่ผมยุ่งเหยิง ใต้ดวงตาก็เป็วงคล้ำดำ คำพูดหยาบคายรุนแรงออกมาจากนาง โดยเถาเซียง ชิวอวี่และคนอื่นๆ ที่ตามหลังมาอย่างร้อนรน
“หมาที่ไหนมาเห่าแต่เช้า! ชิวอวี่พาพวกมันออกไป แล้วหั่นมันทิ้งซะ!!”
ชิวอวี่อยากจะร้องไห้ เป้าหมายขององค์หญิงมีเยอะเกินไป จนไม่รู้ว่าจะหั่นใครก่อนดี?
“องค์หญิงใหญ่ ช่วยพวกกระหม่อมด้วยพ่ะย่ะค่ะ!” หวั่งฮู่และคนอื่นๆ ที่ตัวหดอยู่หลังฉู่จุนหนิง ชี้ไปที่ฉู่ชิงอีและพูดด้วยเสียงสั่นเทาว่า “นางเป็ผี! องค์หญิงชิงอีเป็ผีผู้หญิง!”
ดวงตาของฉู่จุนหนิงเบิกกว้างขึ้นทันใด “ที่แท้ก็เป็เ้านี่เอง! ฉู่ชิงอีเ้าช่างกล้าหาญเสียจริง คิดไม่ถึงเลยว่าจะฉวยโอกาสตอนที่ข้าหมดสติแล้วทำร้ายข้าอย่างโเี้เช่นนี้!”
ชิงอีเหลือบมองนางอย่างหมดความอดทน “เ้าหมูอ้วนที่ตายแล้ว นี่เป็ใครกัน?”
พรูด
ราวกับว่าทุกคนได้ยินเสียงหัวใจสูบฉีดเืของฉู่จุนหนิง
ว้าว คำนี้คงไม่ได้ทำให้หัวใจเต้นแรงเกินไปหรอกใช่หรือไม่
ฉู่จุนหนิงตัวสั่นด้วยความโกรธ นางโกรธจนแทบจะหายใจไม่ออก ้าเรียกหวังฮู่และคนอื่นๆ ให้จัดการใครบางคน ทว่า เมื่อก้มศีรษะลงไป กลุ่มคนของนางกลับใกลัวจนขาสั่น
อย่าว่าแต่จะจัดการคน! เกรงว่าแค่อีกฝั่งจาม พวกเขาคงจะฉี่รดกางเกงออกมาด้วยซ้ำ!
“เ้าพวกไร้ประโยชน์ ให้ตายเถอะ!” ฉู่จุหนิงโกรธและเตะพวกเขาทีละคน “หวังฮู่ เ้าพูดซิ! ว่าเมื่อคืนฉู่ชิงอีแต่งตัวเป็ผี ทำให้เ้าใใช่หรือไม่!”
ใบหน้าของหวังฮู่ที่ขึ้นสีด้วยความกลัว และไม่กล้ามองไปที่ฉู่ชิงอี เขาทำได้เพียงกัดฟันและพูดว่า “คะ...คือนาง...ไม่ได้แต่งตัว แต่องค์หญิงชิงอีเป็...เป็ผีผู้หญิง!”
“ใช่พ่ะย่ะค่ะ เมื่อคืนนางบรรทมอยู่บนเตียง พอหันพระพักตร์มาก็มีรูเือยู่สองรูบนใบหน้า พี่หวังยังเหยียบดวงเนตรของนางด้วย!”
“ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ เมื่อคืนนางไล่ตามพวกกระหม่อมตลอดเลย! ไม่อย่างนั้นพวกกระหม่อมไม่หมดสติไปพร้อมกันทั้งหมดหรอกพ่ะย่ะค่ะ!”
กลุ่มองครักษ์พูดปาวๆ เกี่ยวกับเื่ที่คับแค้นใจของพวกเขา
“ฉู่ชิงอี เ้ามีอะไรจะพูดอีกไหม?!” ฉู่จุนหนิงที่เห็นว่าของนางเมื่อคืนนี้แผนล้มเหลว ทั้งตัวเองก็ยังโชคร้ายครั้งใหญ่อีก ตอนนี้นางจึงไม่อยากทำให้สถานการณ์ของตนเองแย่ไปกว่านี้ จึงพูดออกมาว่า “อย่างแรกคือเ้าแต่งตัวแกล้งเป็ผีตนทำให้คนใกลัว จากนั้นก็ฉวยโอกาสทำร้ายข้า ข้าจะบอกเ้าเอาไว้นะ ว่าการกระทำของเ้าถือเป็การก่ออาชญากรรมที่ร้ายแรง!”
“พูดเพ้อเจ้อเสร็จแล้วใช่ไหม?” ชิงอีหาวและจ้องมองที่นางอย่างเหลืออด “ผีผู้หญิงอะไร? ถือโอกาสทำร้ายอะไร? ข้าไม่รู้อะไรทั้งนั้น เป็ข้าที่ต้องพูดหรือเปล่าไม่ว่าเมื่อคืนพวกเ้าที่จะมาลอบสังหาร!”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา หวังฮู่และคนอื่นๆ รู้สึกผิดขึ้นมาทันที ดวงตาของฉู่จุนหนิงเองก็กะพริบสองครั้ง
“เ้าอย่ามาบ่ายเบี่ยงเปลี่ยนประเด็นนะ ข้าว่าเ้าน่ะดูอย่างไรก็ชั่วร้ายยิ่งนัก ฉู่ชิงอี เ้าอย่ามาไร้เดียงสาทำเป็ไม่รู้ว่าอะไรคือผีผู้หญิงเลย...”
“องค์หญิงใหญ่!” เซียวเจวี๋ยตะคอกออกใส่นางอย่างเ็า “ข้าแนะนำว่า ท่านระมัดระวังคำพูดด้วย”
ฉู่จุนหนิงพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง กัดฟันและพูดว่า “พี่เซียว ข้าไม่ได้พูดไร้สาระนะ หวังฮู่กับคนอื่นๆ ก็เห็นกันทั้งนั้น...”
“จริงหรือ?” สายตาที่เ็าของเซียวเจวี๋ยมองไปยังหวังฮู่และคนอื่นๆ
ทันใดนั้น พวกเขาก็รู้สึกว่าหยุดหายใจไป ราวกับว่าพวกเขาอยู่ในเขตน้ำแข็ง เย็นะเืไปจนถึงกระดูก
ลำคอราวกับเต็มไปด้วยก้อนน้ำแข็งที่เย็นะเื ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้สักคำ
“พวกเ้าเป็องครักษ์ เป็ชายหนุ่ม หากไม่คิดที่จะทำอะไรบางอย่าง จะแอบเข้าไปในห้องขององค์หญิงในยามราตรีทำไม?”
สีหน้าของหวังฮู่และคนอื่นๆ เปลี่ยนไปทันใด หากพวกเขาไม่สารภาพออกไปในตอนนี้ อีกประเดี๋ยวก็คงจะหาข้อแก้ตัวไม่ได้
“ฉู่สือ จัดการพวกมันซะ! วันนี้ข้าจะสอบปากคำด้วยตนเอง!”
“พี่เซียว!” สีหน้าของฉู่จุนหนิงเปลี่ยนไปอย่างมาก
“องค์หญิงใหญ่!” เซียวเจวี๋ยตะคอก เพื่อที่จะหยุดเื่ไร้สาระของนาง “เมื่อคืนนี้กลุ่มคนชุดดำหลายคนเสียชีวิตที่ทางเข้าหมู่บ้านด้วยกระบี่ แล้วในตอนนั้นองครักษ์ของท่านก็หมดสติอยู่ข้างๆ พวกเขารับคำสั่งของใครมา และสิ่งที่พวกเขา้าจะทำคืออะไร ข้าจะต้องรู้ให้ได้! ก่อนที่จะถึงเวลานั้น ทางที่ดีที่สุดคือท่านควรจะประพฤติตัวให้ดีขึ้น!”
ฉู่จุนหนิงที่ลมหายใจติดขัดไปชั่วครู่ เมื่อคืนนอกจากพวกเขาแล้ว ยังมีนักฆ่าซุ่มอยู่ข้างนอกด้วยอย่างนั้นหรือ?
ในขณะที่พูด ศพของเหล่าคนชุดดำก็ถูกยกขึ้นมา
ที่แปลกก็คือพวกเขาทั้งหมดมีรอยยิ้มที่สงบสุขบนใบหน้า และหน้าผากของพวกเขาทั้งหมดถูกเปิดออก และการเคลื่อนไหวนี้ ทำให้น้ำในสมองที่ขุ่นมัวไหลไปทั่วพื้น
ฉู่จุนหนิงถึงกับอาเจียนออกมา
สีหน้าของจิ๋วกุ่ย จางจื่อและคนอื่นๆ ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เมื่อคืนตอนที่พวกเขากลับมา ท้องฟ้ามืดเกินไปจึงมองเห็นไม่ชัด ทว่า เมื่อมองเข้าไปใกล้ๆ แล้ว การตายเช่นนี้ มันเหมือนกับศพเด็กที่พวกเขาเคยขุดออกมาครั้งก่อนไม่มีผิด?!
เป็ไปได้ไหมที่ปีศาจกลับมาอีกครั้งเมื่อคืนนี้?!
จิ๋วกุ่ยแลคนอื่นๆ มองหน้ากัน จากนั้นก็ชำเลืองมองที่ชิงอีด้วยสายตาซาบซึ้ง! องค์หญิงคงไม่ใช่ว่ารู้ล่วงหน้า แล้วจงใจให้พวกเขาออกไปเพื่อหลีกเลี่ยงมหันตภัยแห่งความตายนี้หรอกใช่ไหม?
นี่...นี่มันเป็ความเมตตาแบบไหนกัน!
เมื่อชิวอวี่เห็นท่าทางของลูกน้องแล้ว มุมปากของเขาก็กระตุก ในใจก็อยากจะพูดออกไปว่า ไม่ ไม่ใช่เลย นางไม่ได้มีเมตตา! ที่นางสั่งให้พวกเ้าออกไปให้พ้นทาง เป็เพราะว่าเกะกะต่างหาก
“ท่านอ๋อง กระหม่อมโดนใส่ร้ายพ่ะย่ะค่ะ...” หวังฮู่และคนอื่นๆ ร้องไห้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า “เราไม่รู้จักพวกคนชุดดำเ่าั้จริงๆ แล้วกระหม่อมก็มิบังอาจลอบสังหารองค์หญิงด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”
“ใช่หรือไม่ใช่ สอบสวนแล้วก็จะรู้เอง” เซียวเจวี๋ยยกเสื้อคลุม และนั่งลงบนเก้าอี้ที่องครักษ์จัดเตรียมให้ ใช้นิ้วชี้เคาะแขนเก้าอี้สามครั้ง ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาค่อยๆ ยิ้มเยาะเย้ยขึ้นมา “เริ่มทรมาน”
ชิงอีที่กำลังดูละครอยู่ด้านข้าง ก็ใเมื่อเห็นนิ้วของเขาเคาะแขนเก้าอี้สามครั้ง
การกระทำเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้...
ในตอนนั้นที่เหยาฉือ นางถูกมัดตัวไว้และร้องไห้งอแงเสียงดัง ชายหนุ่มคนนั้นนั่งอยู่ตรงหน้าเหล่าทวยเทพ นางจำได้เพียงว่าเขาใช้นิ้วเคาะไปที่แขนของเก้าอี้สามครั้ง สาย์ที่มัดอยู่บนร่างของนางก็กลายเป็ผง จากนั้น นางก็ตกลงมาและอยู่ในอ้อมแขนอันอบอุ่นของเขา...
