วันที่ 30 เดือนสุดท้ายของปี หลังจากหลินหร่านตื่นได้ไม่นานก็ถูกอวี้ฉู่จาวสั่งให้คนมาพาตัวไปแต่เช้าตรู่
หลินหร่านรู้ดีว่าวันนี้คือวันอะไร ในตอนแรกเขาคิดว่าตกค่ำถึงจะไปหาท่านอ๋อง หลีกเลี่ยงการเกิดปัญหาโดยไม่จำเป็
แต่เมื่อหลินหร่านถูกพาตัวมาพบอวี้ฉู่จาวที่โรงยา เขาถึงได้เอ่ยถาม “ทำเช่นนี้ จะไม่เหมาะสมหรือเปล่าพ่ะย่ะค่ะ”
อวี้ฉู่จาวรีบตอบ “ไม่เป็ไร”
หลังได้รับคำยืนยัน หลินหร่านก็ไม่ติดใจอะไรอีก
วันนี้เป็วันฉลองส่งท้ายปีเก่า เขาต้องอยู่ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่กับท่านอ๋อง เพราะปีหน้าพวกเขาจะเข้าพิธีอภิเษกกันแล้ว
ภายหลังหลินหร่านมาถึงโรงยา รับประทานมื้อเช้าร่วมกับอวี้ฉู่จาวเรียบร้อย ไม่นานก็ออกไปเดินผ่านป่าเล็กๆ เพื่อเข้าไปตำหนักเทพเ้าแห่งา
อวี้ฉู่จาวพาหลินหร่านเดินเข้ามาจากประตูหลังของตำหนักแล้วกล่าว “หลังจากวันพรุ่งนี้ เ้าเดินเข้าออกที่ประตูใหญ่ได้อย่างเปิดเผยแล้ว”
“ทำไมหรือพ่ะย่ะค่ะ” หลินหร่านถาม
เขาจำได้ว่าท่านอ๋องเคยบอกไว้ว่า เพื่อให้งานอภิเษกสมรสเป็ไปอย่างราบรื่น พวกเขาต้องปกปิดความสัมพันธ์ราวกับเป็คนไม่รู้จักกันจะดีที่สุด
“ประเดี๋ยวพรุ่งนี้เ้าก็รู้เอง”
“อ่า”
พอเป็เช่นนั้น หลินหร่านจึงเข้าไปในตำหนักของท่านอ๋องด้วยความรู้สึกสงสัยพร้อมไปกับความคาดหวัง
เมื่อได้มาเห็นตำหนักของท่านอ๋องด้วยตาตัวเอง หลินหร่านรู้สึกเหมือนตนเองได้พบเจอโลกใหม่
บรรยากาศช่างดูหรูหรา ยิ่งใหญ่ยิ่งนัก เดินผ่านสวนไปไม่นานก็เริ่มหายใจหอบ
หลินหร่านเดินไปตามทาง พบกับสวนดอกไม้ที่สดใสสวยงาม
สระบัวสีเขียวมรกต เรือประดับโคมไฟ ศาลาหลังใหญ่กว้างขวาง ประภาคารอันวิจิตรงดงามนัก
หลินหร่านชื่นชมด้วยความตื่นตา อวี้ฉู่จาวมองหลินหร่านที่กำลังตื่นเต้นกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเหมือนไม่เคยพบเจอมาก่อนด้วยท่าทีน่ารัก เอ่ยถามพร้อมรอยยิ้ม “ชอบหรือไม่”
“อ่า” หลินหร่านถูกอวี้ฉู่จาวดึงสติกลับมา รีบพยักหน้าทันที “สวยมากเลยพ่ะย่ะค่ะ”
“ที่นี่เป็ตำหนักน้องชายของเสด็จพ่อ เป็ท่านอ๋องผู้มีชื่อเสียงของอวี้อันในสมัยก่อน เหิงหวัง หรือก็คืออวี้หนานถัง ท่านอาของข้า”
“ภายหลังฮ่องเต้องค์แรกสิ้นพระชนม์ก็ได้รับการสนับสนุนจากติ่งลี่ ต่อมาเกิดานองเื จึงได้ให้เสด็จพ่อของข้าขึ้นรักษาการดูแลบ้านเมืองแห่งนี้ เสด็จพ่อตั้งใจสร้างที่นี่ขึ้นมาเพื่อฉลองความสำเร็จของตนเอง นอกจากวังหลวงแล้ว ที่นี่เป็ตำหนักที่สวยงามที่สุดในอวี้อัน ระวัง…” อวี้ฉู่จาวดึงมือของหลินหร่านไว้ ก่อนจะเลื่อนลงไปประคองที่เอวแทน
หลินหร่านตั้งใจฟัง ได้ยินอีกทีก็ตอนที่อวี้ฉู่จาวกล่าวเตือนให้ระวังพื้นต่างระดับ จากนั้นออกเดินต่อไปตามทางเดินยาว
อวี้ฉู่จาวอธิบายต่อ “ประมาณสองปีก่อน เสด็จอาได้พาข้าไปรบกับอนารยชนที่ซีเจียงด้วย หลังาครั้งนั้น เพราะความเจ็บป่วยจากาที่ยาวนานจึงได้ออกจากกองทัพกลับไปที่บ้านเกิด แล้วก็เพราะท่านยื่นกฤษฎีกาต่อเสด็จพ่อ ขอให้ข้าได้เป็แม่ทัพนำทัพแล้วมอบตราพยัคฆ์ให้ ตำหนักนี้จึงมาจากการที่เสด็จอามอบให้ข้าน่ะ”
“เหิงหวังเป็คนดีมากเลยนะพ่ะย่ะค่ะ”
หลินหร่านไม่เข้าใจเกี่ยวกับกฎต่างๆ กับเื่ราวในราชสำนัก แต่เขารู้ว่าตราพยัคฆ์ใช้ทำอะไร การที่เหิงหวังทำเช่นนี้อาจเพราะเขาคงรู้สึกปล่อยวางได้แล้ว
ในใจของหลินหร่านคิดว่า ใครปฏิบัติต่อท่านอ๋องดีก็เท่ากับเป็คนดี
หลินหร่านประเมินสิ่งที่อวี้ฉู่จาวชื่นชอบอย่างรอบคอบ
ส่วนอวี้ฉู่จาว หลังประคองเอวของหลินหร่านเอาไว้ก็ไม่ผละมือออก
ทั้งคู่เดินมาเรื่อยๆ จนกระทั่งยามเฉิน พวกเขาเพิ่งจะมาถึงห้องโถงใหญ่
“นี่คือห้องโถงใหญ่ ด้านหลังเป็ห้องนอนของข้า และจะเป็ห้องนอนของเราทั้งคู่ในภายภาคหน้า”
หลินหร่านพยักหน้าพลางเดินเข้าไปด้านในพร้อมกับอวี้ฉู่จาว
ที่จริงแล้วในตำหนักนั้น พระชายาจะมีเรือนเป็ของตนเองซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออก ทางทิศตะวันตกเป็พื้นที่ของเหล่าสนม
ส่วนห้องนอนของท่านอ๋องจะเป็พื้นที่ส่วนตัวของเขาเพียงผู้เดียว
ทว่า อวี้ฉู่จาวไม่แยแสกับเื่เ่าั้อยู่แล้ว เขาไม่ได้ให้ความสนใจเท่ากับเื่การทหาร แต่ก็มักทำตามกฎระเบียบเสมอ
ส่วนเื่ที่เขาจะอาศัยอยู่ห้องเดียวกับหลินหร่านเป็เื่ที่เขาตัดสินใจเอง เขาพูดคำไหนย่อมเป็ไปตามนั้น
“เมื่อไม่กี่วันก่อนมีคนมาปรับปรุงที่นี่ใหม่แล้ว เ้าลองเข้าไปดูสิว่ามีตรงไหนที่ไม่ชอบ ข้าจะได้ให้เข้ามาปรับปรุง”
ติงหร่วนเดินตรงไปที่ประตูแล้วเปิดให้
แค่ดูจากด้านนอกหลินหร่านก็รู้สึกว่าดีมากแล้ว ดีมากเสียจนเขาคิดว่าไม่ใช่ความจริง สวยงามจนตาพร่า โดยเฉพาะเมื่อมองไปทางประตูที่ประดับด้วยอักษรห้าตัว สิ่งนั้นดูล้ำค่าราวกับทองคำ
“หอเนี่ยนอวิ๋นเมิ่งซี”
หลินหร่านจ้องมองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่หยดไข่มุกใสจะร่วงหล่นจากหางตา
อวี้ฉู่จาวทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ยกมือปิดตาของเขาก่อนเอ่ย “ตอนแรกข้าอยากให้เ้าดีใจ แต่เ้าดันร้องไห้เยี่ยงนี้ ข้ารู้สึกผิดยิ่งนัก”
“ข้าก็แค่...ดีใจ ท่านอ๋องทรงอย่าโทษตัวเองเลย”
หลินหร่านดึงมือที่ปิดตาของเขาลงมา จับเอาไว้ด้วยมือทั้งสองข้างพลางระบายยิ้มให้อวี้ฉู่จาว
“เข้าไปดูด้านในเถิด”
“อื้อ”
ทั้งคู่ก้าวเข้าไปในห้องนอน
แม้ว่าภายในจะถูกตกแต่งอย่างหรูหรา แต่ก็ดูเรียบง่ายในเวลาเดียวกัน โต๊ะหนึ่งตัว เก้าอี้หนึ่งตัว แก้วหนึ่งใบ จอกใบเล็กหนึ่งจอก ทุกอย่างล้วนแสดงให้เห็นถึงความมีชีวิตชีวา ทำให้ดูเหมือนเป็ห้องที่ใช้สำหรับอยู่อาศัยจริง
ห้องนี้คล้ายคลึงกับห้องในตำหนักที่ชานเมืองของเมืองหลวงไม่มีผิด ด้านหลังห้องมีสระน้ำสำหรับอาบน้ำด้วย
อวี้ฉู่จาวตั้งใจพาหลินหร่านเข้าไปดู
“เช่นนี้ เราทั้งคู่ก็สามารถอาบน้ำด้วยกันทุกวันได้แล้ว” คำพูดของอวี้ฉู่จาวยังไม่ชัดเจนเท่าการกระทำ
ฝ่ามือของอวี้ฉู่จาวโอบรอบเอวบางของหลินหร่านไว้ ทำเอาหลินหร่านถึงกับหน้าแดงเรื่อ
แต่ความเขินอายของหลินหร่านก็ค่อยๆ ลดลง เขาเงยหน้าพร้อมช้อนตามอง
สายตาของอวี้ฉู่จาวที่แสดงออกมาเป็ดังเช่นทุกครั้ง
หลินหร่านคิดว่าตนคงกำลังฝัน ในใจพยายามเรียกสติคืนมา สลัดความคิดเหล่านี้ออกจากหัว
หลังจากนั้น อวี้ฉู่จาวพาหลินหร่านเข้ามาที่ห้องชั้นใน ด้านในห้องนี้ยิ่งทำให้รู้สึกถึงความมีชีวิตชีวามากเข้าไปอีก
โดยเฉพาะเตียงใหญ่นั่น คาดว่า...ไม่ว่าท้องฟ้าจะถล่มหรือมีพายุฝนก็คงไม่พังเป็แน่
โต๊ะเครื่องแป้ง ตู้เสื้อผ้า ล้วนแต่อยู่ในห้องชั้นในทั้งหมด นี่คง...ใช้เพื่อให้ความสนใจในรูปลักษณ์ของสามีภรรยา? ถึงเขาจะเป็ชายแต่ก็จำเป็ต้องแต่งหน้า อย่างไรก็ยังต้องแปรงผมทุกวัน
หลังจากหลินหร่านมองเห็นเตียงกว้างก็เริ่มคิดฟุ้งซ่านขึ้นมาอย่างหยุดไม่ได้
“เตียงนั่นเป็เตียงที่ข้าให้คนสั่งทำขึ้นเป็พิเศษ หลังจากนี้ในวันส่งตัวเ้าสาวเข้าหอหรืออะไรทำนองนั้น...ยังมีตอนที่ลูกชายของเราเกิดก็ล้วนแต่จะต้องอยู่ในห้องนี้ หากเตียงเล็กไป ข้าเกรงว่าจะทำให้เ้าลำบาก”
“ไม่...ไม่ลำบากเลยพ่ะย่ะค่ะ”
หลินหร่านก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมวันนี้ความคิดของเขาถึงได้ผิดปกติเช่นนี้ คำว่า ‘อะไรทำนองนั้น’ ของอวี้ฉู่จาว เขาเข้าใจเป็อย่างดี
หลินหร่านคิดไปไกลจนตัวเองหน้าแดงก่ำ ก้มหน้าราวกับกำลังรู้สึกผิด พยายามปกปิดความคิดที่กระเจิดกระเจิง
อวี้ฉู่จาวสังเกตเห็นนานแล้ว เขาไม่ได้เอ่ยอะไร เพียงมองหลินหร่านพร้อมกับยิ้มไปกับท่าทีเขินอายของอีกคน
ครู่ต่อมาลุงตง ผู้ดูแลตำหนักได้เดินมาที่หน้าหอเนี่ยนอวิ๋นเมิ่งซี
“ทำไมเ้ามาอยู่ที่นี่ ท่านอ๋องเล่า”
เมื่อเห็นผู้ที่ยืนเฝ้าหน้าประตูคือติงหร่วน ลุงตงก็เอ่ยถามในทันที
ติงหร่วนกับลุงตงนั้นรู้จักกันมาก่อน
ก่อนหน้านี้มีอยู่วันหนึ่ง อวี้ฉู่จาวให้เขาไปตามหาเด็กที่ฉลาดปราดเปรื่องมาหนึ่งคน และเด็กที่เขาหามาก็คือติงหร่วน แต่หลังจากนั้นติงหร่วนถูกท่านอ๋องใช้ให้ไปทำอะไร เื่นั้นลุงตงไม่รู้
“ท่านอ๋องอยู่ด้านในขอรับ” ติงหร่วนตอบคำถามข้อหลังของลุงตง
ลุงตงขมวดคิ้วที่เป็สีเทาของตนเองก่อนจะเคาะประตู “ท่านอ๋อง เตรียมพร้อมแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
หลังได้ยินเสียง อวี้ฉู่จาวไม่ได้ตอบ แต่ยกมือเชยคางของหลินหร่าน มองพวงแก้มทั้งสองข้างนั้นที่ยังคงแดงระเรื่อ
อวี้ฉู่จาวจ้องมอง อดใจไม่ได้ที่จะก้มลงไปจุมพิตที่เปลือกตาของเขา
หลินหร่านหลับตา ไม่กล้าขยับตัว ในใจรู้สึกเขินแทบตาย
หลังจากนั้นอวี้ฉู่จาวจึงเอ่ย “ไปกันเถอะ เราไปทำอะไรเป็การส่งท้ายปีเก่ากัน”
“...พ่ะย่ะค่ะ”
-----------------------------------