บทที่ 5 การกลับมาทวงคืนความยุติธรรม
แสงอาทิตย์ยามบ่ายส่องกระทบผืนดินที่แห้งแล้งของตำหนักเย็นเป่ยอิง ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบ จู่ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าของทหารจำนวนมากดังเข้ามาใกล้ หลินชิงซานที่กำลังปั้นขนมลูกชุบอยู่ในห้องถึงกับชะงัก ฝีเท้าที่หนักแน่นและเร่งรีบเช่นนี้ไม่ใช่การมาเยือนของคนธรรมดา
“พระชายา…ท่านอ๋องเสด็จพะยะค่ะ!” ชุนเทียนวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาในห้อง
หลานหลานถึงกับวางถาดขนมลงอย่างใ “ท่านอ๋องมาทำไมกันเพคะ!”
“คงเป็เื่ที่เ้าพวกนั้นไปฟ้องท่านอ๋องแน่นอน” หลินชิงซานเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย แต่แววตาของนางเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น นางไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวแม้แต่น้อย
ไม่นานนัก ฉินอ๋อง หยางเทียนหลงก็เดินเข้ามาในห้องที่แสนจะคับแคบและเก่าแก่ของตำหนักเย็น ใบหน้าหล่อเหลาของเขาบัดนี้เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวจนน่ากลัว ตามมาด้วยชุยิเซียงที่ยิ้มเยาะอย่างสมใจ และเหล่าทหารองครักษ์ที่ยืนรายล้อมอยู่ด้านนอก
“หลินชิงซาน!” หยางเทียนหลงตวาดลั่น น้ำเสียงของเขาสั่นสะท้านไปด้วยความโกรธ “เ้ากล้าดียังไงถึงหนีออกจากตำหนักเย็น! เ้าคิดว่าคำสั่งของข้าเป็เพียงอากาศธาตุอย่างนั้นหรือ!”
หลินชิงซานไม่ได้คุกเข่าอย่างที่เคยทำ นางยืนขึ้นอย่างสงบเงียบแล้วเชิดหน้าขึ้นมองเขาอย่างไม่เกรงกลัว หลานหลานและชุนเทียนถึงกับใที่เ้านายของตนกล้าต่อกรกับท่านอ๋องเช่นนี้
“ท่านอ๋อง…หม่อมฉันไม่ได้หนีเพคะ” นางตอบด้วยน้ำเสียงที่มั่นคง “หม่อมฉันออกไปหาเลี้ยงชีพเพื่อความอยู่รอดของหม่อมฉันและบ่าวทั้งสอง”
คำตอบของนางยิ่งทำให้หยางเทียนหลงโกรธมากขึ้น ชุยิเซียงเห็นดังนั้นก็รีบใส่ไฟทันที
“ท่านพี่…ท่านอย่าหลงเชื่อคำโกหกของนางเลยเพคะ! นางไปทำตัวไม่ดีที่ตลาด และยังนำเครื่องประดับมีค่าไปขาย…นางกำลังทำลายชื่อเสียงของท่านพี่นะเพคะ” ชุยิเซียงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความริษยา
หยางเทียนหลงหันไปมองชุยิเซียงด้วยสายตาเ็า จากนั้นก็หันกลับมามองหลินชิงซาน ดวงตาของเขาสบเข้ากับดวงตาที่เคยว่างเปล่าและบัดนี้กลับเต็มไปด้วยประกายระยิบระยับ เขาถึงกับตะลึงในความงามที่แตกต่างไปจากเดิมของนาง ใบหน้าของนางที่เคยซีดเซียวบัดนี้กลับดูมีเืฝาด และรอยยิ้มที่มุมปากของนางก็ทำให้หัวใจของเขาเต้นรัวอย่างประหลาด
“เ้ายังกล้าเถียงข้า! เ้าทำเช่นนี้โดยไม่ได้รับอนุญาต!” หยางเทียนหลงกัดฟันแน่น
หลินชิงซานยิ้มเยาะในใจ นางใช้จี้หยกอ่านความคิดของเขาและชุยิเซียงอย่างรวดเร็ว
“นางหลินคนนี้…ทำไมถึงดูสวยขึ้น…”
“ท่านพี่คงจะหลงใหลในความงามของนางแล้วแน่ๆ! ข้าต้องทำให้นางเ็ป!”
เมื่อได้ยินความคิดของทั้งสองคน นางก็รู้สึกสะใจยิ่งนัก
“ท่านอ๋อง…หม่อมฉันถูกลงโทษให้มาอยู่ในตำหนักเย็น หม่อมฉันไม่ได้มีเงินทอง เสื้อผ้าก็ไม่มีให้เปลี่ยน อาหารก็แทบจะไม่มีกินแล้วเพคะ” หลินชิงซานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “ในเมื่อท่านไม่เหลียวแลหม่อมฉัน…แล้วหม่อมฉันจะเอาชีวิตรอดได้อย่างไรเพคะ!”
คำพูดของนางเหมือนกับมีดที่กรีดลงไปในหัวใจของหยางเทียนหลง เขาไม่เคยคิดถึงความยากลำบากที่นางต้องเผชิญในตำหนักเย็นเลยแม้แต่น้อย เขาทำไปเพราะเชื่อในคำพูดของชุยิเซียงเพียงเท่านั้น
“เ้ากล้าว่าข้าอย่างนั้นหรือ!” หยางเทียนหลงเอ่ยอย่างโกรธจัด
“หม่อมฉันไม่ได้ว่าท่าน…แต่หม่อมฉันพูดความจริงเพคะ” หลินชิงซานสวนกลับอย่างไม่ยอมแพ้ “ท่านเป็ผู้ปกครองจวน แต่ท่านกลับปล่อยให้ชายาของท่านอดอยาก…ในเมื่อท่านทำหน้าที่ของท่านไม่ได้ หม่อมฉันก็ต้องช่วยเหลือตัวเองเพื่อความอยู่รอด”
คำพูดของนางทำให้หยางเทียนหลงถึงกับนิ่งอึ้งไป เขาไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนที่กล้าต่อกรกับเขาได้ถึงเพียงนี้ และเขายิ่งรู้สึกผิดมากขึ้นเมื่อได้ยินความจริงจากปากของนาง
“อีกอย่าง…ก่อนที่หม่อมฉันจะออกไป หม่อมฉันได้ไปเข้าเฝ้าไทเฮาและได้รับอนุญาตจากพระองค์แล้วเพคะ” หลินชิงซานกล่าวเสริมด้วยรอยยิ้มที่มุมปาก “หรือว่าท่านอ๋องจะกล้าขัดคำสั่งของไทเฮา?”
คำพูดสุดท้ายของนางเหมือนะเิที่ลงกลางหัวใจของหยางเทียนหลง เขารู้ดีว่าหากเขาขัดคำสั่งของไทเฮา เขาจะต้องถูกลงโทษอย่างหนักแน่นอน
หยางเทียนหลงกัดฟันแน่น “แต่เ้าออกไปโดยไม่แจ้งให้ข้ารู้!”
“แจ้งให้ท่านทราบแล้วจะเกิดอะไรขึ้นเพคะ” หลินชิงซานถามกลับด้วยน้ำเสียงที่ท้าทาย “ท่านจะเชื่อคำพูดของหม่อมฉันหรือไม่”
เขาเงียบไป คำพูดของนางราวกับมีดที่แทงเข้าที่หัวใจของเขา เขาไม่เคยเชื่อใจนางเลยแม้แต่น้อย
“ท่านก็รู้ดีว่าท่านเชื่อเพียงสิ่งที่ท่าน้าจะเชื่อ” นางกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น “ท่านเลือกที่จะเชื่อคนที่ท่านรักมากกว่าความจริงที่อยู่ตรงหน้า”
ชุยิเซียงเห็นดังนั้นก็รีบเอ่ยขึ้น “ท่านพี่…นางโกหกเพคะ! นางไม่กล้าไปขอเข้าเฝ้าไทเฮาหรอกเพคะ!”
หลินชิงซานหันไปมองชุยิเซียงด้วยสายตาที่เ็า “เ้ายังกล้าที่จะใส่ร้ายข้าอีกหรือ” นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แ่เบาแต่ดุดัน “เ้าคิดว่าผู้หญิงทุกคนในโลกนี้จะโง่งมเหมือนเ้าอย่างนั้นหรือ”
ชุยิเซียงถึงกับหน้าถอดสี ไม่เคยมีใครกล้าพูดกับนางเช่นนี้มาก่อน แต่ถึงอย่างไร ในเมื่อนางเป็ชายาเอก ชุยิจึงไม่ค่อยกล้าพูดมากต่อหน้า
หยางเทียนหลงมองไปที่หลินชิงซานด้วยความประหลาดใจและสับสน เขาไม่เคยเห็นนางในมุมนี้มาก่อน เวลานางโกรธเหมือนมีพลังบางอย่างที่เปล่งประกายออกมาจากภายในของนางก็ทำให้เขาใจสั่น
“ในเมื่อเ้าได้รับอนุญาตจากเสด็จแม่…ข้าจะปล่อยเ้าไป แต่เ้าห้ามทำให้ชื่อเสียงของข้าและวังหลวงเสียหายก็แล้วกัน ” หยางเทียนหลงเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงกว่าเดิมเล็กน้อย แต่ในใจของเขายังคงสับสนและเต็มไปด้วยคำถามมากมาย
ก่อนที่เขาจะจากไป เขาเหลือบไปมองขนมที่วางอยู่บนโต๊ะ มันคือ ขนมลูกชุบ และ ขนมบัวลอย ที่ดูน่ากินเป็ที่สุด เขาอยากจะลองชิมมันดู แต่ก็ถูกความหยิ่งในศักดิ์ศรีขัดขวางไว้
เมื่อหยางเทียนหลงและชุยิเซียงจากไปแล้ว หลานหลานและชุนเทียนถึงกับถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ท่านพี่…ท่านไม่เป็ไรใช่ไหมเพคะ” ชุนเทียนถามด้วยน้ำเสียงที่เป็ห่วง
“ข้าไม่เป็ไร…พวกเ้าไม่ต้องห่วงข้าหรอก” หลินชิงซานตอบด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจในตัวเอง “เราจะใช้ชีวิตที่นี่อย่างมีความสุข และข้าจะทำให้ท่านอ๋องต้องเสียใจที่เคยทำร้ายพวกเรา”
“พระสนมชุยิเซียงหน้าเสียเลยเพคะ”
นางมองไปที่ขนมที่วางอยู่บนโต๊ะด้วยรอยยิ้มที่ซ่อนความนัยบางอย่างเอาไว้ และนางก็รู้ดีว่านี่เป็เพียงแค่จุดเริ่มต้นของการแก้แค้นที่ยังอีกยาวไกล นางเดินเข้าไปในห้องเพื่อฟังเสียงความคิดของท่านอ๋องและพระสนมชุยิเซียง
หลังจากท่านอ๋องหยางเทียนหลงและชุยิเซียงเดินทางกลับจากตำหนักเย็น บรรยากาศภายในราชรถเงียบสงัด มีเพียงเสียงล้อกระทบพื้นดินเท่านั้น
หยางเทียนหลงนั่งนิ่งไม่ไหวติง แต่ภายในใจของเขาเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย
“นางเปลี่ยนไป…ไม่ใช่หลินชิงซานคนเดิมที่ข้ารู้จัก”
“คำพูดของนาง…มันแทงใจดำของข้าอย่างเจ็บแสบ แล้วข้าจะทำอย่างไรดี”
“ทำไมข้าต้องรู้สึกผิดกับนางด้วย…หรือว่าข้าเข้าใจนางผิดมาตลอด”
ขณะที่ชุยิเซียงนั่งอยู่ตรงข้าม สายตาของนางเต็มไปด้วยความเคียดแค้นและความริษยา ใบหน้าของนางบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ
“นางหลินชิงซานคนนี้…ช่างกล้าดียิ่งนัก! กล้าดียังไงมาต่อว่าท่านพี่ต่อหน้าข้า”
“ท่านพี่มองนางด้วยสายตาแบบนั้น…ไม่ได้! ข้าต้องทำให้นางหายไปจากโลกนี้ให้ได้!”
“นางคงจะมีไพ่ตายซ่อนอยู่แน่ๆ…ถ้าไม่ใช่ แล้วทำไมนางถึงกล้าต่อกรกับข้าเช่นนี้”
หลินชิงซานยิ้ม “ท่านอ๋อง รู้สึกผิดแล้วใช่มั้ยเพคะ ยัง...ยังไม่จบท่านยังจะเจอการการเอาคืนอีกแน่นอน”และพระสนมคนโปรด ข้าก็จะไม่ปล่อยเ้าไว้ให้อยู่ดีแน่นอน ข้าสัญญา
***///***
