เซียวเยี่ยนกล่าวว่า “เปิ่นหวางคิดไม่ถึงว่าบุตรีคนโตของจวนมหาเสนาบดีกลับมีความสามารถเช่นแม่มดปีศาจเช่นนี้ เลี้ยงงูไว้ในเรือนเป็โขยงกลิ่นหอมที่กำจายอยู่ในอากาศ หากเปิ่นหวางบอกว่าเ้าใช้วิชามารทำร้ายเ้านาย วางแผนลอบปลงพระชนม์ฮ่องเต้ไม่ใช่เ้าเพียงคนเดียวที่ต้องตาย สกุลหลินของเ้าก็ต้องตายตามเ้าไปด้วย”
หลินชิงเวยเอ่ยขึ้นอย่างเห็นขัน “ชู่ว ใช้ไม้แข็งกับข้า”นางยักไหล่ด้วยสีหน้าไม่แยแส “อยากจะจัดการกับสกุลหลินอย่างไรเชิญท่านอ๋องลงมือได้ตามสบาย อย่างไรก็ไม่มีความเกี่ยวพันอะไรกับข้า ยังมีอีก ท่านอ๋องกล่าวว่าเรือนหลังนี้มีงูเป็โขยงเชิญท่านอ๋องลองหาดู งูสักครึ่งตัวก็ไม่มีท่านอ๋องกล่าวว่ามีกลิ่นหอมผิดธรรมดาในอากาศ นี่หากกลิ่นหอมของสมุนไพรก็ถูกนับเป็กลิ่นหอมผิดธรรมดาไปด้วยเช่นนั้นภายในตำหนักในมีสวนสมุนไพรแปลงใหญ่อยู่ผืนหนึ่งเล่าท่านจะไปจัดการหรือไม่”
เมื่อนางเอ่ยถึงสวนสมุนไพรในตำหนักเย็นนั้น นางจับจ้องสีหน้าของเซียวเยี่ยนเห็นแววตาของเขาเปลี่ยนไป ดูท่าแล้วเขารู้ดีว่าเ้านายที่อาศัยอยู่ในตำหนักในนั้นเป็เทพเซียนองค์ใด
เห็นเซียวเยี่ยนไม่เอ่ยวาจาใด หลินชิงเวยจึงกล่าวเสริมอีกว่า “อาการปวดท้องจนแทบจะทนไม่ได้อีกทั้งยังมีอาการตัวร้อนไม่ลด ความร้อนนี้จะทำลายส่วนสมองถึงเวลานั้นฮ่องเต้มิเพียงแต่ร่างกายพิการ แต่สมองยังได้รับความเสียหายไปด้วยหากท่านอ๋อง้ามาไต่สวนหาความผิดแล้วละก็ เชิญท่านเอาหลักฐานมาพิสูจน์ หากจะมาทำการใส่ร้ายป้ายสีคนดีโดยไม่แยกแยะเช่นนี้แต่ถ้ามาเพื่อขอให้ช่วยคิดหาวิธีรักษาฮ่องเต้แล้วละก็...” หลินชิงเวยก้าวขึ้นมากระทั่งตนเองอยู่ในคลองจักษุของเซียวเยี่ยนค่อยๆ เขย่งปลายเท้าเชิดปลายคางเรียวเล็กขึ้นเล็กน้อย แนบชิดใบหน้าของเขาริมฝีปากห่างจากใบหน้าของเขาไม่ถึงนิ้ว“ท่านอ๋องก็ควรจะแสดงท่าทีให้เห็นถึงความจริงใจจึงจะถูกต้องท่าทีแข็งกร้าวเช่นนี้ของท่าน ข้าน่ะไม่หลงกลท่านหรอกนะ”
เซียวเยี่ยนหายใจลึกๆ อีกครั้งจึงสามารถควบคุมอารมณ์วู่วามของตนที่หมายจะยื่นมือไปบีบคอสตรีใจกล้าเทียมฟ้านางนี้ให้ตายคามือพลางถามว่า “เ้า้าอะไรกันแน่?”
หลินชิงเวยกล่าว “ข้าสามารถรักษาอาการประชวรของฮ่องเต้ได้แต่มีเงื่อนไข”
“เงื่อนไขอะไร?”
หลินชิงเวย “ท่านว่าเงื่อนไขอะไรเล่าข้าจำได้ว่าครั้งก่อนที่ท่านอ๋องมาที่นี่ ก่อนจากไปยังได้ทิ้งคำพูดเอาไว้ว่า ต้องรอให้ถึงชาติหน้าจึงจะยินยอมปล่อยข้าออกไปจากตำหนักเย็นเวลานี้ดูท่าแล้ว ไม่ต้องรอให้ถึงชาติหน้ากระมัง” เมื่อคำพูดนี้กล่าวออกไปสีหน้าของเซียวเยี่ยนไม่น่าดูอย่างที่สุด เวลานี้เมื่อเขาคิดย้อนกลับไปนี่เขาถูกสตรีนางนี้วางหมากให้เดินแต่แรกนางรู้เนิ่นนานแล้วว่าเขาต้องย้อนกลับมาหานางอีกครั้งหลินชิงเวยหันกลับไปมองในห้อง ซินหรูอยู่ในห้องโดยมิกล้าส่งเสียงตามคำสั่งของนางนางถาม “ซินหรู เก็บข้าวของเรียบร้อยแล้วหรือไม่?”
เวลานี้ซินหรูจึงตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงสั่นสะท้าน “ล้วน...ล้วนเก็บเรียบร้อยดีแล้วเ้าค่ะ”
นางตื่นเต้นยิ่งยวด ด้วยอายุยังน้อยจึงมิอาจซุกซ่อนความคิดในใจได้อารมณ์และความรู้สึกทั้งหมดล้วนปรากฏชัดเจนในน้ำเสียงของนางนางถือกำเนิดในตำหนักเย็น ใช้ชีวิตอยู่ในตำหนักเย็นเป็เวลาหลายปีซินหรูไม่รู้แม้กระทั่งว่าโลกภายนอกเป็อย่างไร นางติดตามหลินชิงเวยไม่มีใครกล้ารังแกข่มเหงนาง นางมีชีวิตดียิ่ง หลินชิงเวยไม่มีวันทอดทิ้งนางทั้งยังพานางออกไปจากที่นี่พร้อมกันด้วย
เซียวเยี่ยนรู้สึกเดือดดาลราวกับมีเพลิงกองใหญ่สุมอยู่ในใจกับการกระทำตัดสินใจโดยพลการของนาง“เ้าถือดีอย่างไรจึงแน่ใจว่าเปิ่นหวางจะปล่อยเ้าออกไปจากที่นี่?”
หลินชิงเวยกล่าว“เริ่มั้แ่เซ่อเจิ้งอ๋องก้าวเข้ามาในเรือนของข้าก้าวแรกผลลัพธ์มีเพียงอย่างเดียว”
เขาขัดหูขัดตากับท่าทีมั่นใจในตนเองอย่างเอกอุ ท่าทีที่ราวกับเห็นทุกอย่างทะลุปรุโปร่ง
ทว่าเขาก็ถูกนางกวนโทสะเสียจนไม่อาจทำอะไรได้
นางรู้ั้แ่แรกว่าเขาจะย้อนกลับมา และรู้ด้วยว่าเขากลับมาด้วยเหตุใดลำพังเพียงแค่จุดนี้ ในเื่นี้ถือว่าเขาเป็ฝ่ายพ่ายแพ้
เซียวเยี่ยนปล่อยหลินชิงเวยเป็อิสระในที่สุด เขาผละออกแล้วถอยหลังไปสองก้าวจากนั้นหันกายกลับมา “เ้าทุ่มเทกำลังความสามารถมากมายไปกับการ้าออกไปจากที่นี่เปิ่นหวางส่งเสริมเ้าได้ แต่ทันทีที่ออกจากประตูใหญ่นี้ไป ต่อไปเ้าจะตายหรืออยู่จะมีวาสนาหรือเคราะห์ภัยอันใด เปิ่นหวางจะไม่สนใจเ้าอีก”
พูดแล้วเขาก็สาวเท้าก้าวยาวๆ จากไป