หลินชิงเวยตกตะลึง ช้อนตาขึ้นหันไปมองเงาร่างด้านหลังของเซียวเยี่ยนพลันบังเกิดความรู้สึกปลอดภัยพึ่งพาได้อย่างยิ่งชนิดหนึ่ง นางคิดในใจไม่ควรเป็เช่นนี้นี่นา หรือเ้าหนุ่มคนนี้กักขังตนไว้ในตำหนักเย็นก็เพื่อปกป้องคุ้มครองนาง?
แม้ความเป็ไปได้จะน้อยยิ่ง แต่หลินชิงเวยกลับรู้สึกสบายอกสบายใจ“ท่านอ๋องโปรดวางใจ ความสามารถในการดูแลปกป้องตนเองนั้นข้าพอมี ซินหรูยังไม่รีบติดตามไปอีก”
หลังจากออกมาจากตำหนักเย็น สิ่งที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าก็คือเรือนต่างๆในตำหนักใน ก่อนหน้านี้หลินชิงเวยยังมิทันได้ชื่นชมอุทยานหลวงของวังหลวงนาทีนี้ท่ามกลางแสงแดดที่ส่องลงมา เฮ้ ศาลาริมน้ำ หอคอย อาคารแปดเหลี่ยมอันวิจิตรตระการตาในสวนและตลอดทางเดินล้วนมีเงาร่มจากต้นไม้ ยังมีูเาจำลอง สระมรกตทัศนียภาพอันงดงามนั้นยากที่จะหักใจได้
ซินหรูไหนเลยจะเคยพบพานสิ่งเหล่านี้ ตลอดทางที่เดินผ่านมา นางได้แต่“ว๊า” ไม่หยุดปาก
คนทั้งสองเดินไปพร้อมกับมองไปรอบกาย เดินๆ หยุดๆ เตาะแตะๆไปเพียงไม่นานก็ถูกเซียวเยี่ยนทิ้งไว้ไกลโยชน์ จะโทษเขาไม่ได้ด้วยเซียวเยี่ยนขายาว ่ก้าวเท้ากว้างหลินชิงเวยและซินหรูนั้นเป็เพียงดรุณีน้อย ไหนเลยจะก้าวทันฝีเท้าของเขาได้
หลินชิงเวยนับถือตนเองยิ่งนัก ร่างนี้ช่างบอบบางจริงๆ ในยามปกติจะต้องไม่ค่อยได้เดินไปไหนมาไหนเป็แน่เวลานี้เพิ่งจะเดินมาเพียงครึ่งชั่วยาม[1]ก็หอบหายใจแทบไม่ทันแล้ว แก้มทั้งสองข้างของนางแดงก่ำผมหน้าม้าของนางแนบติดไปกับหน้าผากขาวผ่อง ยิ่งทำให้ใบหน้าเรียวเล็กนั้นผุดผ่องริมฝีปากแดงสด ใบหน้าของนางนั้นเต็มอิ่ม ราวกับดอกบัวตูมที่กำลังรอคอยวันบานสะพรั่ง
ล้อเล่นหรือไร นี่เป็หน้าม้าที่นางตัดให้กับตนเองเชียวพอดีกับที่ให้มันมาบังหน้าผากให้ปรากฏออกมาให้เห็นบ้างเป็ครั้งคราวและนางยังใช้น้ำยาชนิดพิเศษรีดมาด้วย ดังนั้นจึงอยู่ทรงอย่างดียิ่งเหมาะสมกับวัยสิบหกปีของนาง ไม่ง่ายดายเลยที่จะย้อนกลับมาในวัยสิบหกปีแม่จะไม่แอ๊บแบ๊วได้อย่างไรกันเล่า หาไม่แล้วจะเป็การผิดต่อประชาชนทั้งประเทศได้
เวลานี้ยังเป็ต้นฤดูใบไม้ผลิบนต้นพีชเริ่มปรากฏให้เห็นดอกของมันที่เริ่มแทงดอกออกมา รอเพียงสายลมแห่งฤดูวสันต์พัดผ่านมาก็จะบานไปทั่วรัศมีสิบลี้
เซียวเยี่ยนต้องถูกมนต์สะกดแล้วเป็แน่ ขณะที่เขากำลังเดินอยู่นั้นน้ำเสียงใสกังวานของหลินชิงเวยกลับดังสะท้อนผ่านสายลมเข้ามาในโสตประสาทของเขาคำพูดนั้นอยู่ห่างจากเขาไปเรื่อยๆ เขากลับหยุดเดินแล้วหันกายมองกลับไป
จากนั้นยืนอยู่ที่นั่นเพื่อรอนาง
ขุนนางฝ่ายบุ๋นและฝ่ายบู๊ทั้งราชสำนัก ตำหนักในทั้งหมดไม่มีใครกล้าล่วงเกินเขา แม้กระทั่งฮ่องเต้ก็ยังต้องให้ความเคารพเขาสามส่วนสตรีนางนี้กินดีเสือมาหรือไร จึงถึงกับกล้าให้เขาต้องรอ
กระโปรงของหลินชิงเวยถูกสายลมพัดกระทั่งเปิดขึ้นเล็กน้อยท่าทางการเดินเหินของนางไม่เหมือนนางสนมของตำหนักในคนอื่นๆ ที่เขาเคยพบเห็นมา หญิงสาวเ่าั้มีท่าทางการเดินเหินชดช้อยบิดไปบิดมายิ่ง หลินชิงเวยเดินอย่างระมัดระวัง รักษาท่าที สายลมที่พัดลู่ทำให้เห็นรูปร่างของนางราวกับกิ่งหลิวในต้นฤดูวสันต์ที่เพิ่งจะแตกยอดอ่อน สั่นสะท้านเบาๆ เขาหรี่ตาลงกลับคิดว่า...นางงดงามกว่าเหล่าสตรีที่เดินเหินชดช้อยเ่าั้
หลินชิงเวยรับรู้ได้ถึงสายตาของเซียวเยี่ยน จึงเงยหน้าขึ้นมองไปไม่เลว ชายหนุ่มผู้นั้นกำลังมองตนเองอยู่ ดังนั้นนางไม่เอ่ยวาจาใดๆ แต่กลับกระพริบตาปริบๆเล่นหูเล่นตากับเขาครั้งหนึ่ง
เซียวเยี่ยนเกิดโทสะ การเล่นหูเล่นตายังทำได้อย่างไร้เดียงสานัก
ต่อมาเมื่อผ่านศาลาแห่งหนึ่ง หลินชิงเวยหันไปกล่าวกับซินหรูยิ้มๆว่า“เดินเหนื่อยแล้ว พวกเราเข้าไปนั่งพักสักครู่เถิด”
ศาลาแห่งนั้นอยู่ริมสระ นั่งอยู่ด้านในหันกลับมาก็จะมองเห็นสระสีเขียวมรกตใสราวกับกระจกที่กำลังถูกสายลมพัดผ่านให้เกิดคลื่นบนผิวน้ำ
ซินหรูมองไปรอบๆ จึงเห็นเซียวเยี่ยนกำลังยืนอยู่ไม่ไกลนัก จึงกล่าวว่า“แม้ซินหรูจะคิดว่าความคิดนี้ของพี่สาวไม่เลวนัก แต่ทำเช่นนี้...ไม่ดีกระมังเ้าคะ”ทันทีที่กล่าวจบ หลินชิงเวยกลับจับมือซินหรูหันกายเดินเข้าไปในศาลาซินหรูกล่าวอีกว่า “แต่เซ่อเจิ้งอ๋องกำลังรออยู่นะเ้าคะ...”
“ให้เขารอไป”
[1]ชั่วยาม 1 ชั่วยาม เท่ากับ 2 ชั่วโมง