“ดังนั้นเ้าจึงคบชู้สู่ชาย”เขาไม่รู้ว่าสตรีที่ยืนอยู่เบื้องหน้าตนในยามนี้เป็คนอย่างไรนางเอ่ยถึงความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงได้อย่างเป็ธรรมชาติด้วยสีหน้าท่าทางไม่ยี่หระ รอยยิ้มของนางนั้นงดงามจนมิอาจหาจุดบอดเพื่อโจมตีได้ เขาจึงอดรนทนไม่ได้ที่จะเอ่ยคำพูดไม่น่าฟังออกมาด้วย้าที่จะทำลายรอยยิ้มอันได้ใจของนาง ทำลายความเคารพต่อตนเองของนางลง เขาปรารถนาจะดูว่าเมื่อนางถูกทำลายความมั่นใจและถูกดูิ่ดูแคลนจบแทบจะกระอักจนตายนั้นจะมีท่าทีอย่างไร
ทว่าน่าเสียดายที่เขาคงต้องผิดหวัง
หลินเชิงเวยพูดต่อจากเขาว่า “ถูกต้องชายชู้คนนั้นของข้าไร้ซึ่งความรับผิดชอบ เื่พรรค์นี้ตบมือข้างเดียวย่อมไม่อาจดังได้ชายชู้กลับดียิ่งนัก กินความหวานจากอ้อยจนเหลือแต่ซากแล้วก็หลบหนีไปทำให้สตรีเช่นข้าต้องถูกประณามด่าทอ ทั้งยังถูกส่งเข้ามาในตำหนักเย็นคิดดูแล้วยังรู้สึกน่าเวทนายิ่งนัก” นางยิ้มจนตาหรี่ลงขณะมองเซียวเยี่ยนดวงตาทั้งคู่ของเขาเรียวยาว ช่างถือกำเนิดมาพร้อมกับรูปโฉมงดงามยิ่งนักดวงตาคู่นั้นราวกับบ่อน้ำแข็งที่ไม่มีวันละลาย “ลำดับต่อมาท่านบอกว่าข้าเสื่อมเสียชื่อเสียง ใครบ้างไม่รู้ว่าข้ามีชายชู้เวลานี้เพิ่งจะมาทำตัวราวกับเป็ดอกบัวขาวเช่นสตรีผู้มีคุณธรรม ท่านคิดว่าเหมาะสมแล้วหรือไม่?ดังนั้นเหตุใดข้าจึงไม่อาจทำตัวตามใจตนได้ ต่อให้ข้าไร้ขอบเขตยิ่งกว่านี้ ท่านอ๋องมิใช่รีบตามมาถึงที่นี่หรอกหรือไร?”
เซียวเยี่ยนหายใจเข้าลึกๆ ครั้งหนึ่ง เอาเถิดเขาไม่อยากจะต่อปากต่อคำกับนาง หากเป็เช่นนี้ต่อไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นเขาจึงกล่าวว่า “ในเมื่อเ้าเองรู้ตัวดีว่าไร้ศีลธรรม เหตุไฉนจึงไม่อยู่อย่างสงบเสงี่ยมเจียมตนนี่เ้ากลับกำเริบเสิบสานขวัญกล้าเทียมฟ้า กล้าวางยาพิษฮ่องเต้”
หลินชิงเวยกระพริบตาปริบๆ “ไร้ศีลธรรม? นี่ แม้พี่สาวจะไม่ได้เป็คนดีเท่าเหลยเฟิงที่พบหญิงชราแล้วต้องเข้าไปประคองนางข้ามถนนแต่อย่างน้อยก็ไม่ถึงกับไปผลักหญิงชราเพื่อซ้ำเติมท่านกล้าสงสัยศีลธรรมในตัวพี่สาวเช่นนั้นหรือ?” หลินชิงเวยตวัดสายตามองเซียวเยี่ยนขึ้นๆลงๆ อย่างประเมินในที สายตานั้นเปี่ยมไปด้วยความดูถูกดูแคลนส่งผลให้หน้าอกของเซียวเยี่ยนกระเพื่อมขึ้นลงด้วยหายใจหอบแรงจากโทสะ ถูกต้องนั่นคือสายตาดูถูกดูแคลน อยู่มาจนถึงบัดนี้ยังมิมีผู้ใดกล้าดูถูกดูแคลนเขาเยี่ยงนี้นางกล่าว “เอาเถิด ศีลธรรมของข้า ไม่จำเป็ต้องให้ท่านอ๋องมาออกความเห็นอีกทั้งเื่ที่ฮ่องเต้ทรงต้องพิษ ท่านอ๋องบอกว่าข้าวางยาฮ่องเต้ ์ข้าถูกกักขังอยู่ในตำหนักเย็นทั้งวันแม้กระทั่งหน้าตาของฮ่องเต้เป็อย่างไรข้าก็ไม่เคยพบเห็นมาก่อน ท่านบอกว่าข้าวางยาฮ่องเต้?”
เซียวเยี่ยนรู้ว่านางเจตนาจะทำให้เื่ราวบานปลายใหญ่โต
เซียวเยี่ยนกล่าว “วันนั้นเปิ่นหวางมาที่นี่ หลังจากกลับไปพบฮ่องเต้ฮ่องเต้ก็ล้มป่วยไม่ดีขึ้นอีกเลย เ้ายังกล้าพูดว่าไม่ใช่เ้า?”
หลินชิงเวยพูดยิ้มๆ “เซ่อเจิ้งอ๋องของข้า คนที่ท่านข้องแวะด้วยมีเพียงข้าคนเดียวหรือไรภายในวังหลวงมีคนมากมายเช่นนี้ ขุนนางมากมายในราชสำนักเหตุใดท่านไม่ไปถามพวกเขาเล่า? หรือเหตุใดท่านจึงไม่สงสัยตัวท่านเองบ้างเป็ท่านที่ไปพบฮ่องเต้ ฮ่องเต้จึงประชวร ในเมื่อจินตนาการของท่านออกจะบรรเจิดเยี่ยงนี้เหตุใดไม่คิดว่าเป็ตัวเองหรือไม่ที่เป็ผู้วางยาฮ่องเต้?เซ่อเจิ้งอ๋องวางยาพิษฮ่องเต้ ดูน่าเชื่อถือกว่าข้าซึ่งเป็นางสนมที่ถูกทอดทิ้งวางยาพิษฮ่องเต้เป็ไหนๆ”
สีหน้าของเซียวเยี่ยนเต็มไปด้วยโทสะเขาถูกคำพูดของหลินชิงเวยทำให้เดือดดาล เขาผลักหลินชิงเวยจนแนบชิดติดไปกับกำแพงแล้วกล่าวว่า“หากเ้ายังพูดจาเหลวไหล อย่าคิดว่าเปิ่นหวางไม่กล้าทำอะไรเ้า”เขาหยุดไปครู่หนึ่งแล้วกล่าวด้วยความรังเกียจว่า“วันนั้นเ้าแตะต้องไหล่ของเปิ่นหวาง เ้ายังกล้าพูดว่าเ้าไม่ได้ทำ”
รอยยิ้มบนใบหน้าของหลินชิงเวยเจิดจ้าขึ้นอีกเท่าตัว“ข้าแตะต้องไหล่ของท่านอ๋อง เป็เพราะข้าชมชอบท่านอ๋องที่มีรูปร่างสูงใหญ่เช่นนี้ก็ไม่ได้หรือไร?”
“ฮ่องเต้ปวดท้องก่อนในขั้นแรก จากนั้นมีอาการตัวร้อนไม่ลด”ต่อมาเซียวเยี่ยนราวกับ้าจะพูดอะไรอีก ทว่าข่มกลั้นเอาไว้
หลินชิงเวยกลับเอ่ยขึ้นว่า “อย่างไรเล่า ท่านอ๋องรู้ว่านั่นเกิดอะไรขึ้นหรือไร?หรือท่านอ๋องเคยมีประสบการณ์ด้วยตนเองมาก่อน?”