ซย่านีรีบหยิบผ้าอ้อมข้างเตียงมาเปลี่ยนให้ลูกชายคนเล็กของเธอ
ขณะเดียวกัน ซ่งวั่งซูลูกสาวคนโตที่กำลังนั่งทำการบ้านอยู่ข้างๆ ก็เอ่ยสอนซ่งตงซวี่ขึ้นมา “พี่บอกกี่ครั้งแล้วว่าให้พูดจีนกลาง! ภาษาถิ่นที่นายพูดเมื่อกี้มันดูบ้านนอกไหมล่ะนั่น!”
ซ่งตงซวี่ไม่พอใจ “ฉันพูดภาษาถิ่นอยู่บ้านแล้วมันเป็อะไร? ฉันไม่ได้ไปพูดที่โรงเรียนสักหน่อย ตอนอยู่ที่โรงเรียนฉันก็พูดจีนกลางตลอด”
ซ่งวั่งซูส่งเสียงจึ๊ แล้วทำสีหน้าไม่ชอบใจ “ที่นายพูดนั่นเรียกจีนกลางงั้นหรือ? ออกเสียงก็ไม่ได้มาตรฐาน วันนี้ตอนเลิกเรียน ฉันได้ยินพวกเพื่อนร่วมชั้นของนายพากันล้อสำเนียงของนายอยู่เลย พวกเขาหัวเราะนายทั้งนั้น นายก็ช่างไม่อายคนเลยเนอะ”
ซ่งวั่งซูพูดภาษาจีนกลางได้ดีโดยไม่ติดสำเนียงบ้านเกิด แสดงให้เห็นว่าเธอพยายามฝึกฝนมันอย่างหนัก
ซ่งตงซวี่กำหมัดแน่น สีหน้าเอาเื่ “ใครมันกล้าหัวเราะเยาะฉัน?”
ซย่านีตบหลังศีรษะของซ่งตงซวี่ไปหนึ่งฝ่ามือ “ทำไมฮึ ลูกจะไปตีเขาคืนหรือไง?” จากนั้นเธอก็หันไปว่าซ่งวั่งซู “ส่วนลูกก็อย่าสร้างปัญหา ใครหัวเราะหยางหยางกัน? การพูดของหยางหยางเป็เื่ตลกงั้นหรือ? ไม่แน่นะ เพื่อนร่วมชั้นของเขาอาจจะเห็นว่าภาษาพูดของหยางหยางฟังดูแปลกใหม่ก็ได้นี่? อีกอย่างนะ การพูดภาษาถิ่นมันผิดตรงไหน? ลูกรู้สึกว่าการพูดภาษาถิ่นเป็เื่น่าอายงั้นหรือ? แม่ที่เป็แม่ของลูกก็เป็คนบ้านนอก ทำไม ลูกรู้สึกว่ามีแม่แบบนี้ขายหน้าคนอื่นงั้นหรือ?”
ซ่งวั่งซูกะพริบตาปริบๆ เธอรู้สึกแบบนั้นจริงๆ ว่าการที่ซย่านีพูดภาษาถิ่นแบบนี้ ช่างเป็เื่น่าอับอายยิ่งนัก แต่เธอไม่อาจพูดเช่นนั้นได้ เพราะว่าซย่านีเป็แม่ของเธอ อันที่จริงในใจของเธอก็นึกดูแคลนซย่านีอยู่กลายๆ ไม่ต่างจากคนอื่น เธอเกลียดที่ซย่านีไม่มีการศึกษา หน้าตาไม่ดี แต่งตัวก็เชย เพราะแบบนี้เธอเลยไม่เคยพูดถึงแม่ที่โรงเรียนเลยสักครั้ง แม้แต่การประชุมผู้ปกครองก็ยังให้พ่อไปแทน
ซ่งวั่งซูเม้มริมฝีปาก ไม่พูดอะไรอีก เด็กน้อยกลับไปนั่งทำการบ้านที่โต๊ะต่อ
ความคิดเล็กๆ ในใจของผู้เป็ลูกสาวได้ฉายชัดอยู่บนใบหน้าแล้ว ซย่านีถึงจะโกรธแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
ในอดีตซย่านีต้องทำงานหนักตลอดทั้งปีเพื่อหาเลี้ยงชีพ เธอจึงละเลยการสั่งสอนลูกๆ ดังนั้นในบรรดาลูกทั้งสามคนของซย่านีนั้น ลูกคนโตรังเกียจความจนรักความรวย ลูกคนรองอารมณ์ฉุนเฉียว ส่วนลูกคนเล็กก็มีใจคิดคด ภายภาคหน้าหากครอบครัวมีความสุข และพวกเขาได้รับการดูแลจากพ่อแม่ตลอดล่ะก็ เธอคิดว่าคงจะสามารถเปลี่ยนนิสัยของลูกๆ ให้ดีขึ้นได้ แต่ในชาติที่แล้วนั้นพวกเขาได้รับอิทธิพลจากแม่สามีและเหล่าเพื่อนบ้าน ทำให้ลูกทั้งสามของซย่านีนิสัยแย่ลงเรื่อยๆ ภายหลังลูกสาวคนโตแต่งงานกับเศรษฐีคนหนึ่ง และสุดท้ายตกเป็เมียน้อย ลูกชายคนรองฆ่าคนตายขณะมีเื่ต่อยตีกันจนตัวเขาเองต้องติดคุก และลูกชายคนสุดท้องเดินตามรอยพ่อกลายเป็อัจฉริยะคนหนึ่ง ทว่าผลสุดท้ายกลับกลายเป็เนื้อร้ายของแวดวงวิชาการ เพราะทำการทุจริตทางวิชาการ
ซย่านีแอบสาบานในใจ ชีวิตนี้เธอจะต้องเลี้ยงดูลูกสามคนนี้ให้ดีจงได้ และจะทำให้พวกเขากลายเป็คนดีที่ซื่อสัตย์เที่ยงตรง
แต่เื่นี้ไม่อาจรีบร้อน เธอทำได้เพียงค่อยเป็ค่อยไปเท่านั้น
หลังจากเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูกคนเล็กจนสะอาดดีแล้ว เด็กน้อยก็ยังคนร้องไห้งอแงอยู่ ไม่ว่ายังไงซย่านีก็กล่อมเด็กน้อยไม่สำเร็จ เธอรู้ว่าตอนนี้ซิงซิงกำลังหิวเข้าแล้ว
แต่ซย่านีไม่มีน้ำนม
หลังจากที่เธอเพิ่งจะแต่งงานได้สองปี ก็ให้กำเนิดลูกติดกันถึงสองคน ร่างกายของซย่านีต้องทนทุกข์ทรมานเป็อย่างหนัก เธอต้องใช้เวลาถึงห้าปี กว่าจะตั้งครรภ์ลูกคนที่สามได้ ทว่าอาจเป็เพราะร่างกายของเธอยังไม่ฟื้นตัวดีเท่าที่ควร หรือเป็เพราะยามอยู่บ้านสามีนั้น เธอต้องทุกข์ทรมานจากความหิวโหยมาเป็เวลานาน ส่งผลให้เธอไม่มีน้ำนมหลังจากคลอดลูกคนที่สาม
ซย่านีไม่มีทะเบียนบ้านในท้องถิ่น หลังจากคลอดลูกแล้วจึงไม่ได้รับตั๋วนมผง ทำให้ซ่งหานเจียงผู้เป็พ่อของเด็กๆ ต้องอาศัยเส้นสายมากมายเพื่อรวบรวมตั๋วนมผงจากมือของผู้อื่นในราคาที่สูงลิ่ว และยังต้องใช้เงินจำนวนมากเพื่อซื้อนมผงอีก
ซย่านีเดินเข้าไปหานมผงในตู้เก็บของแต่ไม่พบ จึงเอ่ยถามขึ้น “เสี่ยวเยวี่ยเอ๋อร์ นมผงของน้องล่ะ?”
ซ่งวั่งซูเงยหน้าขึ้นตอบ “ย่าเอาไปแล้ว”
ซย่านีชะงักกึก อารมณ์เดือดพล่านขึ้นทันควัน ใช่แล้ว เธอนึกขึ้นมาได้ เป็แม่สามีของเธอที่เอามันไปเมื่อสองวันก่อน
ตอนที่แม่สามีเอานมผงไปยังพูดอีกว่า “ซิงซิงอายุหกเดือนแล้ว ป้อนข้าวต้มกับหมั่นโถวแทนมันก็เลี้ยงให้โตได้เหมือนกันนั่นแหละ นมผงนี่แพงจะตาย เขากินไปก็เสียของเปล่าๆ”
ฮึ นี่มันน่าขันเกินไปแล้ว ถ้าเด็กอ่อนวัยหกเดือนกินนมผงแล้วเรียกเสียของเปล่า เช่นนั้นแล้วให้ลูกวัยสามขวบของพี่สะใภ้ใหญ่ หรือแม้แต่น้องสามีที่อายุยี่สิบนั่นกินนมผงแบบนั้น มันเรียกว่าอะไรกัน?!
ซย่านีก้าวลงจากเตียงด้วยสีหน้าเ็า พลางกล่าวกับบุตรสาวและบุตรชายว่า “ดูน้องไว้ เดี๋ยวแม่มา”
จากนั้นเธอก็เดินออกจากประตูห้อง ตรงไปยังห้องที่พ่อแม่สามีอาศัยอยู่
วันนี้พ่อสามีไม่อยู่เพราะต้องไปเข้างานกะดึก ส่วนแม่สามีก็เพิ่งออกไปข้างนอกกับน้องสามี ดังนั้นในบ้านจึงไม่มีคน
ในห้องของพ่อแม่สามีนั้น มีข้าวของเครื่องใช้เยอะกว่าห้องของซย่านีมาก ทั้งจักรเย็บผ้า ตู้ลิ้นชัก ตู้ข้างเตียง เก้าอี้มีพนักพิง... ในห้องนับว่ามีเครื่องใช้ครบครันมาก ซย่านีเคยมาที่ห้องนี้แทบจะนับครั้งได้ แต่เธอรู้ว่าแม่สามีมักชอบซ่อนของมีค่าไว้ในลิ้นชักที่ใส่แม่กุญแจ
ซย่านีนั่งยองๆ ดึงไขควงอันหนึ่งออกมาจากใต้ลิ้นชัก จากนั้นสอดไขควงเข้าไปในแม่กุญแจ พอเจอตัวล็อคก็ออกแรงดัน จนแม่กุญแจส่งเสียงดัง ‘กึก’ ก่อนจะคลายออก
ครั้นเธอเปิดลิ้นชักออกก็เจอนมผงอยู่ด้านในนั้น! นมผงทั้งถุงที่เดิมทียังไม่ได้เปิดผนึกด้วยซ้ำ เวลานี้กลับเหลือเพียงครึ่งถุงเท่านั้นเอง
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามีคนกินนมผงนี่ไปแล้ว
ซย่านีปวดใจเป็อย่างยิ่ง สีหน้ายิ่งทวีความอึมครึมมากขึ้นกว่าเดิม
ไม่ได้การแล้ว เธอจะต้องหาเงินให้ได้เร็วๆ จากนั้นก็ซื้อบ้านสักหลัง แล้วรีบไปจากตระกูลซ่งที่เป็ดั่งถ้ำหมาป่าคอยจ้องแต่จะกินคนหลังนี้ซะ
ซย่านีได้วางแผนไว้แล้ว ปีนี้คือปี 1980 สายลมแห่งการปฏิรูปเพิ่งจะพัดโชยมายังดินแดนแห่งนี้ ขอเพียงกล้าคิดกล้าทำ ธุรกิจขนาดเล็กก็สามารถทำเงินได้ก้อนโต ถึงเวลานั้นพอเธอหาเงินได้สักก้อนเธอก็สามารถซื้อร้านค้าเพื่อขยายกิจการได้ จากนั้นก็ซื้อบ้านสักสิบหลังแล้วมานั่งรื้อเล่นๆ ให้ลูกๆ ของเธอได้ใช้ชีวิตอยู่บนกองเงินกองทอง แบบให้นั่งนับเงินจนมือเป็ตะคริวกันไปเลย
หลังจากที่ซย่านีกลับถึงห้อง เธอก็รีบหยิบขวดนมขึ้นมาเตรียมชงนมผงให้ลูกน้อยของตน
ซ่งวั่งซูเห็นนมผงในมือของซย่านีก็อ้าปากค้างเล็กน้อย ในดวงตาฉายแววเหลือเชื่อ
ซย่านีกำลังทดสอบอุณหภูมิของน้ำนมผงด้วยหลังมือ พลางมองไปทางลูกของตน เธอยิ้มอย่างปลอบโยน
จากนั้นซย่านีก็ยัดจุกนมเข้าปากของซิงซิง ในที่สุดทารกน้อยก็หยุดร้องไห้งอแง แล้วเริ่มดูดนมอึกใหญ่
“แม่ แล้วย่า...”
“ย่าลูกทำไมฮึ?”
ซ่งวั่งซูนึกถึงท่าทางยามมีโทสะของหวังซิ่วอิงขึ้นมา จนเธอก้มหน้าลงด้วยความกลัว “ย่าจะโกรธเอาได้”
“ย่าเขาจะโกรธอะไรได้ เดิมทีนี่ก็เป็นมผงที่พ่อลูกซื้อให้น้องอยู่แล้ว” ซย่านีโบกมือด้วยท่าทางมีเหตุผล “ลูกรีบไปทำการบ้านเถอะ อย่าคิดเื่อื่นให้มากความเลย”
ลูกชายคนเล็กของซย่านีพอกินอิ่มก็ง่วงนอน เธอลูบแก้มเล็กๆ ของทารกน้อย พอเห็นว่าลูกสาวคนโตกับลูกชายคนรองเองก็ขาดสารอาหารเช่นกัน เธอก็ได้แต่คิดอย่างปวดใจ อย่างไรตนก็จะต้องคิดหาวิธีหาเงินให้ได้โดยเร็ว
แต่ว่าเธอควรเริ่มต้นจากตรงไหนดี?
เธอมีเงินอยู่ในมือไม่มากนัก แม้ว่าซ่งหานเจียงจะได้รับเงินอุดหนุนจากมหาวิทยาลัย แต่เขาก็มอบเงินพวกนี้ให้พ่อแม่ของเขา ซย่านีมีเงินในมืออยู่สามสิบสองเหมา [1] ซึ่งเป็เงินที่เธอเก็บสะสมจากการใช้จ่ายอย่างประหยัดของเธอเองั้แ่ครั้งที่เธอยังอยู่ชนบท
“แม่”
“แม่ๆ”
ซย่านีได้สติกลับมา ซ่งตงซวี่ลูกชายคนรองกำลังทำท่าทางลังเลไม่กล้าพูด เธอจึงเอ่ยถามขึ้น “มีอะไรหรือ?”
ซ่งตงซวี่ส่ายหน้าอย่างรู้สึกผิด พลางเอ่ยเสียงเบา “ครูที่โรงเรียนของพวกเราให้แม่หรือพ่อก็ได้ ไปที่โรงเรียนพรุ่งนี้”
เชิงอรรถ
[1] เหมา 五毛 คือ หน่วยเงินของจีน 10เหมา เท่ากับ 1 หยวน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้