เจินจูยืนอยู่นอกประตู แต่หูกลับผึ่งตั้งสูง
บรรยากาศภายในห้องจมสู่ความน่าอึดอัดใจ
ผ่านไปครู่หนึ่ง เจินจูถึงได้ยินเสียงแหบต่ำของหลี่ซื่อ
“เมอเมอ ท่านเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปียกอยู่ก่อนเถอะเ้าค่ะ”
ในห้องไม่มีการพูดจาอยู่ครึ่งค่อนวัน นานจนเจินจูอยากเปิดประตูและชะโงกหน้าเข้าไปให้รู้แล้วรู้รอด
“หรงเหนียง ลำคอของเ้าดีขึ้นได้อย่างไร?” ในที่สุดเสียงกดให้แ่เบาลงของเมอเมอหวังก็ดังขึ้น
“…อ่า ก็ปลายปีที่แล้ว จู่ๆ ก็หายเ้าค่ะ” เสียงของนางลุกลี้ลุกลนอยู่บ้าง
“…”
ในห้องไร้เสียงไปชั่วขณะ
เจินจูเดาว่า เมอเมอหวังคงไม่ค่อยเชื่อ
“หรงเหนียง ไม่ว่าลำคอของเ้าจะหายดีได้อย่างไร เ้าน่าจะรู้ แม้ตอนนี้เ้ามีชีวิตที่ดีแล้ว แต่เ้าก็เคยเป็สาวรับใช้ในจวนสกุลเฉิน บางเื่ไม่ต้องให้ข้าตักเตือน เ้าควรรู้ว่าทำอย่างไรจึงจะดีที่สุด”
เมอเมอหวังมีความคุกคามอยู่ในที คิ้วของเจินจูจึงขมวดขึ้นมา
“เมอเมอ ท่านวางใจ ข้ารู้ความเหมาะสม เื่เมื่อก่อนแต่ไหนแต่ไรมาข้าไม่เคยพูดกับผู้ใดเลยเ้าค่ะ” เสียงหลี่ซื่อรีบร้อนอยู่บ้าง
ผ่านไปพักหนึ่ง เมอเมอหวังถึงได้ถอนหายใจ “หรงเหนียง เ้ากับข้าล้วนเคยทำงานอยู่ในจวนเดียวกัน คิดๆ ไปแล้วเ้าก็รู้ความลำบากของการเป็คนรับใช้ เื่เมื่อก่อนข้าล้วนรับคำสั่งให้ทำ เ้าอย่าได้โทษข้า ปีนั้นที่ลวี่เหลียนกับลวี่อีถูกตีด้วยไม้จนตาย หนึ่งในพวกนางยังเป็หลานสาวของสหายที่ดีกับข้าด้วย แต่จะทำอย่างไรได้ล่ะ? เื่เช่นนั้น พวกนางไม่โน้มน้าวไม่ขวางกั้นแล้วยังช่วยปกปิดอีก จะมีจุดจบที่ดีได้หรือ?”
“…เมอเมอ ข้า… รู้ เื่เมื่อก่อนไม่เคยแค้นเคืองท่าน” เสียงเศร้าหมองของหลี่ซื่อ ราวกับกำลังหวนรำลึกความเสียใจ
“เ้ารู้ก็ดี ข้าเห็นว่าความเป็อยู่ในตอนนี้ของเ้าผ่านไปได้ดีอย่างมาก ฐานะทางบ้านมั่งคั่งมีบุตรสาวบุตรชายเพียบพร้อม ตอนนี้ในท้องยังอุ้มอีกหนึ่งคน ช่างเป็คนที่มีวาสนานัก” เสียงเมอเมอหวังหยุดไปชั่วขณะ “แต่เื่ที่พบเ้า ข้ากลับไปยังต้องรายงานให้คุณหนูทราบ ความคิดเห็นของคุณหนูจะเป็อย่างไร ข้าก็ไม่อาจทราบได้ ทว่าข้าจะพูดขอร้องแทนเ้าให้มากอย่างแน่นอน”
“…เมอเมอก็มีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ หรงเหนียงเข้าใจ แต่หรงเหนียงไม่เคยเผยความลับเื่ของคุณหนูออกมาภายนอกเลยแม้แต่น้อย หวังว่าเมอเมอจะกลับไปรายงานตามความเป็จริงนะเ้าคะ” เสียงสุภาพของหลี่ซื่อกล่าวแ่เบา “เื่เมื่อก่อน เป็เมฆหมอกและควันที่กระจัดกระจายหายไปนานแล้ว หลายปีมานี้เมอเมอยังทำหน้าที่อยู่ข้างกายคุณหนู หาได้ยากจริงๆ ต่อไปต้องได้รับการเลี้ยงดูอยู่ในจวนแล้วกระมังเ้าคะ?”
เสียงเสียดสีของขอบผ้าดังติดต่อกัน “สวบๆๆ” ภายในห้องจมดิ่งสู่ความเงียบ
ผ่านไปสักพัก เสียงเมอเมอหวังมีความเงียบเหงาฝืนๆ แฝงอยู่ “ข้าคนเดียวปากเดียวจะอยู่ที่ไหนล้วนได้ทั้งนั้น ขอแค่คุณหนูไม่รังเกียจคนแก่ไร้ประโยชน์เช่นข้า เช่นนั้นย่อมอาศัยอยู่ในจวนตลอดไปเป็ธรรมดา”
เจินจูได้ฟังถึงตรงนี้ อดะเืใจขึ้นไม่ได้ เมอเมอหวังดูแล้วอายุน่าจะห้าสิบเจ็ดหรือห้าสิบแปดปี อายุเช่นนี้สำหรับครอบครัวทั่วไปคงหยอกล้อดูแลลูกหลาน และเป็่วัยที่ต้องดูแลบำรุงร่างกายไปนานแล้ว แต่ฟังน้ำเสียงของนาง ราวกับอยู่คนเดียวอย่างโดดเดี่ยวเงียบเหงา
ั์ตาของเจินจูหันกลับมา แต่ไม่คิดเลยว่าจะปะทะเข้ากับดวงตาสีดำสนิทดั่งหยกหนึ่งคู่ที่อยู่ตรงข้ามลานเข้า
ซ่า... เ้าหนุ่มนี่แง้มซี่กรงหน้าต่างแอบดูอยู่นานแล้ว
ฝนตกหนักซู่ซ่าลงมา หลัวจิ่งยังคงเห็นความขุ่นเคืองในสายตาของเด็กสาวทะลุผ่านม่านฝนที่ตกหนักได้
มุมปากของเขาเริ่มยกขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
เขาได้ยินความเคลื่อนไหวั้แ่แรก จึงลุกขึ้นมาสังเกตอยู่ในที่ลับตาอย่างละเอียด
เห็นนางพาหญิงชราที่เปียกชุ่มไปทั่วทั้งกายเข้าไปในห้องมารดาของนาง หลัวจิ่งจึงใส่ใจกับการกระทำของนางอยู่ตลอดมา
อดีตของหลี่ซื่อ องครักษ์ลับตรวจสอบมาชัดเจนแล้ว สาเหตุที่ถูกพิษยาใบ้และขายออกมาก็ตรวจสอบออกมาด้วย แม้เื่ผ่านไปสิบกว่าปี หญิงรับใช้ที่มีฐานะอยู่ในจวนสกุลเฉินมากน้อยอย่างไรล้วนทราบเื่เหล่านี้อยู่บ้าง คนรับใช้หญิงสองคนในเขตลานบ้านของคุณหนูถูกไม้ตีตายทันที คนในลานบ้านทั้งหมดถูกกรอกยาใบ้และขายออกไป เื่ใหญ่เพียงนี้ไม่อาจไร้ร่องรอยได้
แม้เื่ปีนั้นถูกกดทับลงไป แต่ยังมีข่าวลือเล็กน้อยรั่วไหลออกมาอยู่บ้าง
ทว่าข่าวลือเหล่านี้หลังจากคุณหนูสกุลเฉินแต่งงานแล้ว ล้วนไม่มีข้อความใดขยายต่อไปอีกเลย
องครักษ์ลับสืบถามมาได้ว่าข่าวลือเป็โหยวฮั่นที่ปกปิดลงไป โหยวฮั่นเป็บุตรชายคนที่สองของฮูหยินจวนท่านโหวเหวินชาง หลายปีก่อนพึงพอใจในตัวคุณหนูสกุลเฉิน คิดว่าคงรอให้นางปักปิ่นแล้วจึงจะไปสู่ขอนางอย่างเป็ทางการถึงหน้าประตู แต่ผู้ใดจะรู้ว่าในเวลาอีกสองเดือนที่จะถึงพิธีปักปิ่นของคุณหนูเฉิน จะเกิดละครตลกใหญ่เช่นนี้ขึ้น
หลังโหยวฮั่นได้ทราบข่าวก็โมโหไปพักหนึ่ง แต่ยังคงมาสู่ขอถึงหน้าบ้านหลังจากผ่านไปครึ่งปี เมื่อแต่งงานแล้วก็ได้กำจัดข่าวลือที่ไม่ดีเ่าั้เพื่อคุณหนูเฉิน
สองคนแต่งงานกันมาหลายปี โหยวฮั่นไม่มีอนุแล้วก็ไม่มีสาวใช้อุ่นเตียง [1] เช่นกัน ฮูหยินโหยวคลอดโหยวอวี่เวยบุตรสาวเพียงคนเดียว โหยวฮั่นไม่รู้สึกขัดข้องใจเลยแม้แต่น้อย กลับเป็ผู้ลุ่มหลงในตัวภรรยามาก
ท้องฟ้ามืดครึ้ม มีสายฟ้าแลบสว่างวาบผ่านร่างสองคนที่อยู่ภายในและนอกบ้านฉับพลัน
ตามมาด้วยเสียงฟ้าร้องดังติดต่อกัน “ครืนๆ” คล้ายกับเสียงกัมปนาทอยู่ข้างใบหู
ในใจหลัวจิ่งตื่นตระหนก มองไปทางเด็กสาวที่อยู่ตรงข้ามด้วยความห่วงใย
แม้เจินจูจะปิดหูทั้งสองข้างอยู่ แต่ยังยักคิ้วหลิ่วตามาทางเขา ทำหน้าแลบลิ้นปลิ้นตาใหญ่โต
“…”
ช่างใช้มาตรฐานเดียวกันกับเด็กสาวทั่วไปแล้วปฏิบัติต่อนางไม่ได้จริงๆ หางตาหลัวจิ่งกระตุก หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกอยู่บ้าง
“แอ๊ด” ประตูด้านหลังเจินจูเปิดออก
เมอเมอหวังเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินออกมา
หลี่ซื่อมาส่งคนถึงหน้าประตูด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
ได้พูดคุยกับเมอเมอหวังไปพักหนึ่ง ใจของหลี่ซื่อกลับสงบลงอย่างมาก ความรู้สึกตึงเครียดและทุกข์ใจได้รับการผ่อนคลาย ย้อนกลับไปคิดถึงเื่ราวในอดีตอีกครั้งก็ไม่หวาดกลัวและกังวลใจแล้ว
แม้ถือร่มกระดาษน้ำมันเดินอยู่ใต้ชายคา แต่ฝนที่เทกระหน่ำลงมากระเซ็นรอบด้าน เมื่อกลับมาถึงภายในห้องของเจินจูแล้ว ชายกระโปรงของสองคนก็เปียกไปครึ่งอีกครั้ง
“น้องสาวเจินจู ทำไมพวกเ้าไปกันนานเพียงนั้น เมื่อครู่เสียงฟ้าร้องได้น่าหวาดกลัวนัก” โหยวอวี่เวยกอดหมอนของเจินจูหลบซ่อนอยู่หลังประตูและกล่าวบ่นนิดหน่อย
“คุณหนู ล้วนโทษเหล่าหนี่ว์ไม่ดี เปลี่ยนเสื้อผ้าเสียเวลาเป็ชั่วยามเลยเ้าค่ะ” เมอเมอหวังไปข้างหน้าประคองนางไว้ทันที
“เมอเมอ ข้าไม่ได้โทษเ้า ข้าแค่กลัวนิดหน่อย” โหยวอวี่เวยกระเง้ากระงอดแกว่งมือของนาง
เมื่อเจินจูเข้าห้องมาก็ดูแลตนเอง หาผ้าแห้งหนึ่งผืนมาเช็ดชายกระโปรง
คนสมัยโบราณยุ่งยากนัก กระโปรงต้องตัดยาวเพียงนั้น ทั้งง่ายต่อการที่ตนเองเหยียบสะดุด ทั้งง่ายต่อการกลายเป็ไม้ถูพื้น สรุปแล้วล้วนไม่สะดวกสบายเลยสักนิดเดียว
เจินจูสวมกระโปรงยาวมาครึ่งปี ยังไม่คุ้นชินอย่างมาก
“น้องสาวเจินจู รองเท้าของเ้าก็เปียกแล้ว เปลี่ยนคู่ที่สะอาดเถอะ” โหยวอวี่เวยนั่งอยู่ข้างนางกล่าวแล้วยิ้ม
เจินจูชำเลืองมองนางแวบหนึ่ง ไม่ได้ตอบคำของนางแต่ถามกลับไป “สภาพอากาศฝนเทกระหน่ำเช่นนี้ ท่านมาบ้านข้ามีธุระหรือ?”
นางถามได้ไม่ค่อยเกรงใจนัก โหยวอวี่เวยใจลอย คิ้วกับตาลู่ลง กล่าวอย่างน้อยใจอยู่บ้าง “พรุ่งนี้ข้าต้องกลับเมืองหลวงแล้ว วันนี้มาอำลาโดยเฉพาะ”
กลับเมืองหลวงแล้ว? เจินจูมึนงง เหมือนว่านางเพิ่งมาถึงที่นี่ได้สิบกว่าวันเองกระมัง นี่จะกลับแล้วหรือ
“ข้าเอาเกาเตี่ยนมากมายของเมืองหลวงมาเยี่ยมเ้า แต่เมื่อสักครู่ลมฝนรุนแรงนัก ทำเอาเกาเตี่ยนเปียกชุ่มไปหมดแล้ว” โหยวอวี่เวยสีหน้าเศร้าซึม เสียใจอย่างมาก
เจินจูมองนางด้วยสีหน้าสลับซับซ้อน ไม่ได้วิ่งไล่ตามหลังกู้ฉี แต่มาอำลานางโดยเฉพาะ
ตนกับนางไม่ได้สนิทกันเพียงนั้นกระมัง? ก็แค่ครั้งก่อนพูดคุยกันไม่กี่ประโยคเท่านั้น แม่นางน้อยนี่ก็เห็นนางเป็สหายแล้ว?
ซื่อบริสุทธิ์? หรือโง่บริสุทธิ์กันนี่?
“แต่ข้ายังเอาเมล็ดพันธุ์ดอกไม้หายากมาให้เ้าด้วย อยู่บนรถ รอฝนหยุดแล้ว ค่อยไปเอามาให้เ้า” เมื่อสักพักยังสีหน้าเศร้าซึมอยู่เลย ชั่วพริบตาเดียวกลับร่าเริงขึ้นมาแล้ว
“…”
นี่เป็ตัวแทนของบุคคล ’ไม่คิดอะไรมากมีชีวิตอยู่ไม่เหนื่อย’ กระมัง?
เจินจูยังไม่เคยคบหากับสหายเช่นนี้เลยจริงๆ ท่าทางทุกข์ใจและหดหู่พอผ่านไปสามนาทีก็เบิกบานได้ มีชีวิตอย่างเต็มไปด้วยความมองโลกในแง่ดีนัก
มิน่าที่เห็นสีหน้าเ็าของกู้อู่ ก็ไม่รู้จักหวาดกลัวและถอยหนี
เจินจูรู้สึกว่าเด็กสาวที่นิสัยเช่นนี้ก็ค่อนข้างดีมากเช่นกัน เจออะไรล้วนไม่เอามาใส่ใจมากมาย เช่นนี้ก็ยากที่จะได้รับความเ็ป เมื่อไม่ได้รับผลกระทบจากเื่ต่างๆ ก็จะเข้มแข็งมากขึ้น
ไม่คิดอะไรมากก็ค่อนข้างดีอย่างมากเช่นกัน
รอยยิ้มของเจินจูลึกซึ้งขึ้น “ท่านล้วนนำพันธุ์ดอกไม้อะไรมา เหมาะจะปลูกในพื้นที่ของหมู่บ้านหรือไม่?”
“มีหลายชนิดเลยล่ะ เสาเย่า ดอกโบตั๋น ดอกเก๊กฮวย ดอกกล้วยไม้ ต้นกุหลาบ อื้ม… ยังมีอีกเยอะเลย ข้าจำไม่ค่อยได้แล้ว ล้วนหยิบมาจากคนทำสวนของบ้านท่านลุงรองทั้งสิ้น” โหยวอวี่เวยเริ่มอธิบายด้วยความร่าเริง “แต่คนสวนบอกว่ามีดอกไม้บางชนิดที่เลี้ยงดูค่อนข้างยาก ต้องเปลืองความคิดสักหน่อย”
“โอ้ เป็เมล็ดพันธุ์ไหนที่ปลูกยากหรือ?” เจินจูถือโอกาสพูดคุยถามนาง ฝนกำลังตกอยู่ จึงหาหัวข้อสนทนามาฆ่าเวลาเสียหน่อย
แน่นอนว่าอยู่กับตนเองที่นี่ ขอแค่มีน้ำแร่จิติญญาจะมีพืชชนิดไหนที่ปลูกยากกัน
ฝนกระหน่ำในหน้าร้อนมาอย่างรวดเร็วและก็จากไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน
ผ่านไปครึ่งชั่วยาม ท้องฟ้าที่เดิมทีมืดฟ้ามัวดิน ได้ถูกพายุลมฝนพัดลอยจากไปเปลี่ยนเป็สีฟ้าสดใสปลอดโปร่งมากขึ้นกว่าเดิม
ต้นกล้าพันธุ์ไม้ดอกทั่วทั้งลาน เอนไปมาอย่างน่าเวทนา กุหลาบพันธุ์ไม้เลื้อยและต้นหวายม่วงที่พันไปบนกำแพงยิ่งน่ารันทดขึ้นไปอีก ไม้เลื้อย ใบไม้ เกสรดอกไม้ร่วงอยู่ที่พื้น
หลี่ซื่อยืนอยู่ข้างมุมกำแพงด้วยความระมัดระวัง มองหูฉางกุ้ยกำลังประคองเครือเถาวัลย์ที่ถูกลมกระหน่ำกองอยู่บนพื้นขึ้นด้วยความปวดใจ
ต้าเหอคนขับรถม้าของสกุลโหยว จูงรถม้าออกจากประตูลานบ้าน ตรวจสอบความเสียหายของรถม้าขึ้น
ชาวบ้านที่หลบฝนเ่าั้ หลังฝนหยุดตกต่างก็กลับไปบ้าน พวกเขาล้วนห่วงสภาพที่บ้าน ฝนจู่โจมกระหน่ำลงมาแบบนี้ บ้านเรือนที่ทำอย่างหยาบๆ และเรียบง่าย ล้วนง่ายต่อการถูกลมพัดโหมกระหน่ำและพลิกหลังคาเปิดอย่างมาก
เจินจูเชิญโหยวอวี่เวยมานั่งลงที่ห้องโถง ชงน้ำชากาใหม่มาต้อนรับ
“ทำไมวันนี้ไม่พาคนรับใช้หญิงของท่านมาด้วยเล่า?” จำได้ว่าสองครั้งก่อน ข้างกายโหยวอวี่เวยมีคนรับใช้หญิงสีหน้าท่าทางยโสโอหังติดตามอยู่ด้วย
“ไม่ต้องเอ่ยถึงนาง รอข้ากลับเมืองหลวงไปจะย้ายนางไปทำหน้าที่ส่วนอื่นแล้ว” โหยวอวี่เวยเอ่ยถึงจื่อผิงขึ้นก็โมโหทันที
เมื่อคืนก็กำชับนางแล้วว่าวันนี้จะมาหมู่บ้านวั้งหลิน ให้นางเตรียมของขวัญให้ดี และจองรถม้าให้พร้อม
ผลสุดท้าย เช้าตรู่ขึ้นมา รถม้าสองเกวียนของบ้านท่านลุงรองล้วนมีคนใช้ไปแล้ว
พอหันกลับไปถาม สาวใช้น่าตายผู้นั้นบอกว่าลืมไปบอกกับท่านป้าสะใภ้รอง
พูดอึกอักสายตาคลุมเครือ เห็นได้ชัดว่าไม่ยินดีจะติดตามนางมาหมู่บ้านวั้งหลิน
นางที่โมโหในตอนนั้นจึงโยนถ้วยน้ำชาใส่ไปบนตัวของจื่อผิง
ภายหลังเป็ท่านป้าสะใภ้รองจ้างรถม้าจากข้างนอก แทนรถม้าที่นางใช้ประจำ นางถึงได้นั่งรถม้าที่มีต้าเหอเป็ผู้ขับเคลื่อนมายังหมู่บ้านวั้งหลิน
ส่วนจื่อผิงที่ไม่รู้อะไรเหมาะอะไรควรนั่น ให้คุกเข่าอยู่ในห้องของนาง กลับไปเมื่อไรค่อยลุกขึ้นเวลานั้น
เจินจูฟังจบ ยืนไว้อาลัยให้แม่นางน้อยจื่อผิงอยู่ในใจ
ผู้ที่เป็ทาสเป็คนรับใช้ ความ้าของเ้านายก็เป็ความ้าของตนเอง ้าคิดวางแผนเพื่อตนเองก็ต้องดูว่าสมองของตนเฉลียวฉลาดเพียงนั้นหรือไม่
พานเสวี่ยหลันประคองถ้วยแตงกวาล้างสะอาดเข้ามา สีเขียวสดจนแทบจะมีน้ำหยดใส่ในถ้วยเครื่องเคลือบขาวสะอาด ปรากฏให้เห็นความสดฉ่ำอย่างมาก
“นี่เป็แตงกวาสดๆ ที่บ้านข้าปลูก คุณหนูโหยวลองทานสิ” ไม้ผลแต่ละชนิดของสกุลหูที่เพิ่งปักลงไปปีนี้ หาก้าเก็บเกี่ยวปีนี้เลยคงเป็ไปไม่ได้
แต่แตงกวาในแปลงผัก กล่าวอย่างไม่เกินจริงเลย หวานสดชื่นและสดกรอบ อร่อยกว่าผลไม้ทั่วไปอยู่สามส่วน
“แตงกวา? ทานทั้งลูกหรือ? เยอะเกินไปแล้วกระมัง ข้ากลัวว่าจะทานไม่หมด” โหยวอวี่เวยหยิบขึ้นหนึ่งลูกด้วยความทึ่ง
“ฮ่าๆ ท่านลองดู” เจินจูหัวเราะแล้วโน้มน้าวนาง
เมอเมอหวังยืนอยู่ข้างหลังผู้เป็นาย มุมปากกระตุก นางพยายามข่มกลั้นที่จะไม่เอ่ยปากออกมาอย่างสุดความสามารถ มีที่ไหนหยิบแตงกวาสดทั้งลูกออกมาต้อนรับแขกกัน
เชิงอรรถ
[1] สาวใช้อุ่นเตียง หรือสาวใช้ข้างห้อง (通房) เป็สาวรับใช้ที่คอยติดตามประจำตัวเ้านาย คอยรับใช้เื่ต่างๆ ภายในเรือนและรวมไปถึงเื่อย่างว่าบนเตียงด้วย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้