“ชิงจู ชิงเถา ตามข้ามา” สองศิษย์เดินตามเ้าสำนักออกไปอย่างเงียบ ๆ ปล่อยให้องค์รัชทายาทและซูเจินอยู่กันตามลำพัง ชายหนุ่มปล่อยให้นางทำตามใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนสองมือหนาจะค่อย ๆ ดึงแขนเรียวเล็กออกจากเอวช้า ๆ พลางเห็นน้ำตาของนางไหลเป็ทาง
“เหตุใดจึงร้องไห้” เขาถามในขณะที่มือหนาช้อยคางขึ้นดู
“ท่านทำข้ากังวลใจรู้ฤาไม่ ข้าหวั่นใจว่าเมื่อเดินทางถึงแคว้นเสี่ยนหลิวแล้ว ท่านก็จะจากข้าไป” องค์รัชทายาทหลุบตาต่ำลง ก่อนยกมือขึ้นลูบศีรษะหญิงสาวอย่างอ่อนโยน พลางเช็ดน้ำตาบนแก้มนวล
“ซูเจิน สถานที่แห่งนี้ เ้าชอบฤาไม่” หญิงสาวหันมองรอบ ๆ พบเป็สถานที่แปลกตาอย่างสนใจ ยอมรับว่างดงามอย่างมาก หากแต่มิอาจสลัดความหวาดหวั่นในใจลงได้ นางเอาแต่เฝ้ามองท่าทีขององค์รัชทายาท พร้อมกับจังหวะการเต้นของหัวใจ
“ข้าไม่ชอบ ช้าไม่ชอบที่ใดที่ไม่มีท่าน”
“ซูเจิน ข้าทำตามที่เ้าขอร้องเป็ที่เรียบร้อยแล้ว แลข้ามีภาระอันใหญ่หลวงที่ต้องรับผิดชอบ มิอาจพาเ้าไปด้วยได้” สิ้นคำพูดของยอดฝีมือ หญิงสาวทิ้งตัวลงในทันที มีเพียงเสียงหวีดที่ดังก้อง อยู่ในความรู้สึก ก่อนคู้เข่าแล้วก้มหน้าลง ไม่อยากให้เขาเห็นน้ำตาแห่งความอ่อนแอ แลเอาแต่ใจเช่นนี้
นับจากวันที่นางตัดสินใจหนีออกจากวังหลวง มีเพียงเขาที่ช่วยเยียวยารักษาจิตใจให้คลายความทุกข์ ความหมายของเขาบ่งบอกแน่ชัดแล้วว่า มิมีสิ่งใดสามารถเหนี่ยวรั้งไว้ ความเ็ปแนบชิดสะกิดหัวใจจนมิอาจต้านทานได้
“ซูเจิน ฟังข้านะ” เขาย่อตัวลงนั่งเสมอหญิงสาว มือหนาเอื้อมมาจับ พลางยกมือลูบศีรษะด้วยความเอ็นดู ก่อนนางเงยหน้าขึ้นพร้อมกับคราบน้ำตา แววตาระริกส่อประกายความเ็ปให้เขารับรู้ ชายหนุ่มหลับตาลงแล้วสูดลมหายใจ จับจ้องไปยังสาวงามอย่างตั้งมั่น ยากยิ่งกว่าที่จะทำใจแข็งเพื่อปล่อยมือนางไว้ข้างหลังเช่นนี้
“สิ่งที่ข้าตัดสินใจไปแล้ว มันจะเป็ผลดีต่อตัวเ้าเอง และเ้าจะปลอดภัยไม่มีสิ่งใดทำอันตรายได้” ก่อนเลื่อนมือลงมาเช็ดน้ำตาให้นางอีกครั้ง แล้วจับตัวนางลุกขึ้น
“ข้ามีอะไรให้เ้าดู” องค์รัชทายาทพานางขึ้นไปยังหน้าผาแสนสวยเมื่อครู่ ก่อนซูเจินจะหยุดมองความงามดังต้องมนต์สะกด นางกวาดสายตามองรอบ ๆ อย่างสนใจ หน้าผาแสนสวยรวมกับทิวทัศน์สูงที่มองลงไปด้านล่างราวกับว่า ตัวอยู่บนสรวง์ เพราะหมอกจาง ๆ ลอยเข้ามาปะทะตลอดเวลา สีเขียวขจีตัดกับสีฟ้าครามทำให้ซูเจินลืมความทุกข์ใจไปชั่วขณะ ความสวยงามแห่งนี้ ยากที่เปรียบกับความงามของสิ่งใดในใต้หล้า ดวงตาเบิกกว้างก่อนชี้มือไปยังจุดหนึ่ง
“ตรงนั้นมีน้ำตกด้วย” นางพูดถึงน้ำตกสวยเด่นตระหง่าน ที่อยู่ไกลออกไป ก่อนองค์รัชทายาทจะปล่อยยิ้มอ่อนออกมา นางเหมือนเด็กน้อย ที่พอถูกเบี่ยงเบนความสนใจก็ลืมความเ็ปอย่างง่ายดาย
“เ้าชอบฤาไม่” ซูเจินหันมองเขาแล้วพยักหน้าพลางปล่อยยิ้มอันแสนหวานออกมา และนั่นทำให้องค์รัชทายาทรับรู้การสั่นไหวของหัวใจที่เต้นแรง ราวกับกลองร้อยตัวตีอยู่ในอกด้านซ้าย สองคิ้วขมวดติดกันพลางยกมือขึ้นจับหน้าอกตัวเอง ก่อนวางมือลงอย่างปกติ สายตาคมยังคงมองรอยยิ้มของสาวงามไม่อาจละสายตาได้ ซูเจินเบี่ยงหน้าสวยหันมองไปยังทิวทัศน์ด้านหน้าเช่นเดิม โดยไม่สนใจว่าจะถูกเขาจับตามองอีกนานเท่าใด
“ซูเจิน เ้าเห็นยอดเขาสูงเทียมฟ้าลูกนั้นฤาไม่” หญิงสาวเลื่อนสายตาตามมือของชายหนุ่มไป ก่อนจะมองยอดเขาสูงที่สุด หากแต่อยู่ไกลลิบจนเลือนรางแทบมองไม่เห็น
“ูเาลูกนั้นคือสถานที่ ที่ข้าต้องเดินทางไป”
“ท่านต้องไปที่แห่งนั้นจริง ๆ ฤา” นางหันมาพลางทำสายตาละห้อย ก่อนน้ำคำแสนอบอุ่นขององค์รัชทายาทเปล่งออกมา
“อย่างที่ข้าเคยบอก จุดมุ่งหมายของข้าหาใช่สถานที่ใด หากแต่เป็บุคคล นั่นก็คือการตามหาท่านผู้เฒ่าหานตง ในเวลานี้ข้ารู้แล้วว่าท่านผู้เฒ่าอาศัยอยู่ทีู่เาลูกนั้น” องค์รัชทายาท หยุดอธิบายครู่หนึ่ง จับตามองหญิงสาวอย่างแน่วแน่แล้วจึงพูดต่อ
“ข้าจำเป็ต้องไปทีู่เาลูกนั้น เพื่อทำตามจุดประสงค์ให้สำเร็จ ดังนั้นแล้วขอให้เ้าเข้าใจ ว่าข้ามิได้คิดทอดทิ้ง หากคิดถึงข้าจงมองไปที่นั่น ข้าไม่ได้หายไปจากสายตาของเ้า” หญิงสาวพยายามกลั้นน้ำตาแล้วยิ้มให้กับองค์รัชทายาท ไม่ใช่ไม่เสียใจ หากแต่นางรู้แล้วว่าไม่เป็การดีที่จะเหนี่ยวรั้งเขาไว้ การปล่อยให้เขาได้ทำตามความประสงค์เป็สิ่งที่นางควรทำ
“ข้าจะรอ รอวันที่ท่านกลับมา” หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าจนสุด ดึงตัวเองเข้าสู้ความเข้มแข็ง แม้กำลังต่อต้านกับความอ่อนแอที่มีอยู่ก็ตาม
“ข้าสัญญา ว่าจะกลับมาหาเ้า หลังจากทุกอย่างจบสิ้นแล้ว”
“หากท่านผิดสัญญา ข้าจะไม่มีวันให้อภัยท่าน” ชายหนุ่มไม่ตอบโต้ เขาเพียงแต่หันกลับไปดูความสวยงามของทิวทัศน์ด้านหน้า มีความจำเป็หลายอย่างที่ทำให้องค์รัชทายาทคิดทบทวน พร้อมกับภาระอันใหญ่หลวงที่ต้องรับผิดชอบ นั่นหมายถึงทุกการตัดสินใจย่อมมีผลกระทบต่อส่วนรวมเสมอ สายลมอ่อนยังคงพัดปะทะกายทั้งสอง ให้ชุดสีขาวสยายไปตามแรงลมอย่างสวยงาม
“อาจารย์พูดเช่นนี้หมายความว่า จะรับแม่นางผู้นั้นเป็ศิษย์อีกคนเหรอ” ชิงจูเบิกตากว้าง หลังจากฟังคำสั่งของอาจารย์ไม่กี่คำเท่านั้น ในขณะที่ชิงเถาแอบปล่อยยิ้มกว้าง เขาหลงรักซูเจินั้แ่แรกพบ การได้อยู่ใกล้ชิด แม้เพียงเปลี่ยนสถานะเป็ศิษย์ร่วมสำนัก นั่นก็น่ายินดีมากแล้ว
“ชิงเถาเ้ายิ้มอันใด มิเห็นเหรอ ว่าอาจารย์รับศิษย์เพิ่ม พวกเราจะกลายเป็หมาหัวเน่าก็ครานี้” ใบหน้าเง้างอของหญิงชุดดำ ไม่ได้ทำให้หานลู่แปลกใจนัก นางเป็เด็กขี้อิจฉาเอาแต่ใจมาั้แ่เด็ก การจะมีคนอื่น เข้ามาร่วมแบ่งปันความรักจากอาจารย์ เป็เื่ที่นางทำใจได้ยาก
“ที่ข้าเฝ้าเพียรสอนพวกเ้า ว่าอย่าก่อเื่ให้ผู้อื่นเดือดร้อน เหตุใดจึงไม่เชื่อฟัง การที่ข้ารับแม่นางซูเจินมาเป็ศิษย์อีกคน นั่นเพราะ้าไถ่โทษยอดฝีมือผู้นั้น หากพวกเ้าไม่ก่อเื่ เหตุการณ์นี้ก็คงไม่เกิดขึ้น ไยต้องโทษใครด้วยเล่า”
“เราไถ่โทษด้วยวิธีอื่นก็ได้ ไม่เห็นต้องรับนางมาเป็ศิษย์เพิ่มเลย อาจารย์เชื่อข้าเถอะ สำนักเราคับแคบ อยู่กันตั้งสี่คนจะพอได้อย่างไร”
“คับแคบ? ถ้าให้เล่นซ่อนแอบ หากันสามวันยังไม่เจอเลยศิษย์พี่”
“เ้าหุบปาก” ชิงเถาเม้นปากแน่นไม่พูดต่อ ขณะเดียวกันหานลู่ไม่อยู่ฟัง เบี่ยงตัวเดินหนีไปทางอื่น ปล่อยให้นางจัดการกับนิสัยเอาแต่ใจของตัวเอง
“อาจารย์” เสียงเรียกของนางไม่เป็ผล ใบหน้างอเง้าของชิงจูบึ้งตึง พลางยกมือขึ้นกอดอกอย่างไม่สบอารมณ์
“คอยดูนะ ข้าจะแกล้งนางทุกวันให้อยู่ไม่ได้”
“ส่วนข้าก็จะปกป้องนางทุกวันเช่นกัน”
“ชิงเถา เ้า!”
บนเขาซงซานหลังจากเก็บสมุนไพรบางชนิดได้แล้ว เช้าวันที่อาทิตย์ทอแสงของวันใหม่พึ่งเริ่มขึ้น เหลือเพียงอีกสามอย่างเท่านั้น องค์ชายรองพาเหิงเยว่เดินขึ้นไปทางฝั่งตะวันตก เพราะที่นั่นมีสมุนไพรขึ้นมากกว่าบริเวณอื่น เหิงเยว่เดินตามหลังองค์ชายรองไปเรื่อย ๆ แม้มีบางครั้งที่เสียงสัตว์ป่าน่ากลัวทำให้นางใไปบ้าง หากแต่มือหนาขององค์ชายรองก็คว้าตัวนางเข้าปลอบทุกครั้งไป
“เสียงเมื่อครู่เป็เสียงของเสือป่า เ้ามิต้องหวาดหวั่น ความจริงแล้วมันค่อนข้างกลัวคนอย่างมาก” องค์ชายรองปล่อยมือบางออกช้า ๆ พลางอธิบายให้นางคลายกังวล
“ที่นี่รกทึบดูน่ากลัวอย่างมาก แน่ใจเหรอเพคะ ว่าสมุนไพรที่เหลือจักขึ้นบริเวณนี้”
“สมุนไพรที่เหลือมีลักษณะพิเศษคือไม่ชอบแดด มันจะขึ้นบริเวณที่มีต้นไม้บังแสง ดังนั้นแล้วรากของมันก็จะเจริญเติบโตได้ดี วันนี้เราอาจจะเหนื่อยหาเสียหน่อย แต่เชื่อว่าไม่นานก็จะเจอ
“เพคะ” หญิงสาวเดินตามหลังชายหนุ่มไปเรื่อย ๆ โดยเริ่มเรียนรู้วิธีการหาสมุนไพร เผื่อในอนาคตจำเป็ต้องเข้ามาหาอีกเป็ครั้งที่สอง
“สมุนไพรในรายนามที่จดมาทั้งหมดมีราคาค่อนข้างสูง เพราะมันเป็ที่้าอย่างมาก ในวังหลวงไม่มีคำสั่งให้กักตุนสมุนไพรพวกนี้ เพราะท่านพ่อ ้าให้ชาวบ้านเข้าถึงสมุนไพรได้ง่ายเช่นกัน” เหิงเยว่พยักหน้าเข้าใจพลางซาบซึ้งในความเมตตาขององค์จักรพรรดิ
ไม่นานนักทั้งสองก็เดินมายังจุดที่้า องค์ชายรองกวาดสายตามองหาครู่หนึ่ง พลางเดินขึ้นยังเนินเล็ก ๆ แล้วแหวกหาตามโคนไม้ต่าง ๆ ในขณะที่เหิงเยว่เดินตามหลังชายหนุ่มแล้วชะเง้อคอมองด้วยความสนใจ ใช้เวลาหากันอยู่หลายชั่วยามจนองค์ชายรองมีเม็ดเหงื่อผุดท่วมใบหน้า พลางล้มตัวนั่งลงอย่างเหนื่อยหอบ
“น้ำเพคะ” หญิงสาวรีบหยิบกระบอกน้ำที่ทำจากไม้ไผ่อย่างดียื่นให้ พลางหันไปหยิบผ้าเช็ดหน้าสีขาวออกมา แล้วเอื้อมไปเช็ดเม็ดเหงื่อ มือบางบรรจงเช็ดช้า ๆ อย่างระวังเพื่อตอบแทนที่เขายอมเสียสละช่วยในครั้งนี้ ดวงตากลมเข้มหันมองใบหน้าหวาน น้ำหนักมือที่กระทบกับใบหน้าช่างอ่อนโยนราวกับกิริยาอ่อนหวานของนาง ชายหนุ่มจับมือนางลงช้า ๆ พลางกำมือบางนั้นแน่น
“อย่าพึ่งดึงออกได้ฤาไม่” เขาพูดในขณะมือเล็กดิ้นดุกดิกพยายามดึงออก สายตาของเหิงเยว่เลื่อนสบมองดวงตาเข้มขององค์ชายรองครู่หนึ่ง ก่อนปล่อยมือนิ่งตามใจเขา
“พูดง่ายแบบนี้สิ” เขาปล่อยยิ้มแล้วก้มมองมือบางอย่างพอใจ