กองไฟกลางลานวัดยังคงลุกโชน
เหล่านักเดินทางที่รอนแรมมาหลายวันต่างก็มารวมตัวกันที่นี่
ชายชรายังพูดพล่ามจนน้ำลายกระเซ็นเป็ฝอย แม้เื่ราวยังคงวกไปวนมาอยู่ไม่กี่ประโยค เช่นบุรุษชุดขาวคือใคร ลงมือว่องไวเพียงใด ฝีมือการใช้แส้ของเขาล้ำเลิศเพียงใด…เื่เหล่านี้ผู้คนที่เคยเดินทางผ่านเจียงหูล้วนแต่ฟังจนเอียน
ทว่าเ้าเด็กชายตัวอ้วนขาวคนนี้ช่างดึงดูดความสนใจของคนอื่นๆ นัก
เ้าเด็กอ้วนนี่ดูเหมือนเพิ่งจะเคยออกจากจวนเป็ครั้งแรก
ท่าทางการหรี่ตาของเขาดูไม่ระแวดระวังคนรอบตัวแม้แต่น้อย
ท่าทางไร้เดียงสาของเขาราวกำลังะโออกมาว่า มาเลย...มาหลอกข้าสิ
เหมือนที่ชายชราระหว่างที่เล่าเื่วกไปวนมาเช่นนั้น ก็ค่อยๆ จิบชาในกาที่เด็กชายส่งให้ด้วยความโลภ
ทว่าเมื่อคนรอบข้างต่างก็จับจ้องมาที่เขา เขาจึงได้แต่วางกาน้ำชาลงด้วยความละอาย ทว่าเขาก็ดื่มชาในกาจนไม่เหลือสักหยดแล้ว ได้แต่ส่งกาน้ำชาคืนให้เด็กชาย
เด็กชายรับกามาแล้ววางลงด้านข้างอย่างไม่ใส่ใจ
แสงจากกองไฟสะท้อนใบหน้าแดงระเรื่อของเด็กชายข้างกองไฟ ใบหน้าขาวที่แต้มด้วยสีแดงดูราวกับทารกที่ไม่เคยได้พบเจอกับแสงแดด
แขนที่ยื่นออกมาก็ทั้งขาวทั้งนุ่มราวกับเกี๊ยวที่ยัดไส้จนแน่น
ผิวก็กระจ่างใสเสียจนมองเห็นเส้นเืบนแขน
เมื่อเขาฟังชายชราเล่าจบ ก็ยังคงดูตื่นเต้นอยู่
เมื่อถึงยามดึก เด็กชายก็นอนพิงอยู่บนที่นอนที่บ่าวรับใช้ชราปูไว้ให้ จากนั้นบ่าวรับใช้ชราจึงเอนกายลงนอนด้านนอก ให้เด็กชายได้นอนด้านใน
เด็กชายตื่นเต้นเสียจนนอนไม่หลับ
ถึงอย่างไรนี่ก็เป็ประสบการณ์ครั้งแรกของเขาที่ได้นอนในพื้นที่ทุรกันดารเช่นนี้
เด็กชายสะกิดชายรับใช้เบาๆ ก่อนจะกระซิบขึ้น “ต้าป้าน ท่านว่าข้าจะได้พบวีรบุรุษชุดขาวหรือไม่”
ร่างกายของชายรับใช้ผอมแห้งทั้งร่างล้วนมีแต่กระดูก
เมื่อถูกเด็กชายจิ้มเช่นนี้ เขายังกังวลว่าเด็กชายจะเจ็บมือเอาได้
เขาจึงพลิกกายแล้วขยับกายน้อยๆ ก่อนจะกล่าวกับเด็กชายว่า “นายน้อย ท่านลืมไปแล้วหรือว่ายามอยู่ด้านนอกต้องเรียกข้าว่าลุงฉือ พรุ่งนี้เรายังต้องรีบเดินทางอีก ท่านรีบนอนเสียเถิด”
เด็กชายแลบลิ้นออกมา แล้วพยักหน้าเป็สัญญาณว่าเข้าใจแล้ว
ทว่านอนได้เพียงครู่เดียว เด็กชายก็ไม่อาจข่มตานอนได้ ร่างอวบอ้วนพลิกไปพลิกมา
“ท่านลุงฉือ ไม่มีคนนอนข้างๆ แล้วข้านอนไม่หลับ ข้าคิดถึงท่านพ่อท่านแม่แล้ว”
บ่าวรับใช้ชราเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ขยับกายเข้าไปใกล้เด็กชายอีกหน่อย
ร่างของชายชราแข็งเกร็ง
เมื่อเข้าสู่ยามดึกสงัด
กองไฟที่เคยลุกโชนก็ค่อยๆ มอดลง
ทว่าร่างที่เคยหนาวเหน็บของชายชรากลับรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา
เด็กชายผิวขาวร่างอวบอ้วนข้างกายเขาอบอุ่นราวกับลูกไฟ
ยามนี้ยังเสียงหายใจของเด็กชายก็เปลี่ยนเป็สม่ำเสมอแล้ว
แววตาของชายชราที่มองเด็กชายพลันปรากฏแววรวดร้าวระทมทุกข์
นายน้อยของเขาที่เป็ถึงองค์ชายน้อยแห่งแคว้นซียังต้องมาตกระกำลำบากเช่นนี้ หากว่าฮ่องเต้ยังอยู่ นายน้อยของเขาจะมาตกอยู่ในสภาพนี้ได้อย่างไร
ชายชรานักเล่าเื่ที่นอนอยู่อีกฟากก็ยังไม่หลับเช่นกัน
ร่างนั้นค่อยๆ พลิกกายลุกขึ้นเงียบๆ
เขาไม่อาจลืมเลือนเ้ากาน้ำชาของเด็กชายได้จริงๆ
หากว่าเขาสามารถนำมันไปขายได้ ย่อมจะได้เงินไม่น้อยเป็แน่ ไม่แน่ว่าอาจจะพอให้บุตรชายหลายคนของตนแต่งภรรยาได้เสียด้วยซ้ำ
ปกติเขาเป็แค่ชายเกียจคร้านว่างงานคนหนึ่ง
เพราะบุตรของเขาไปต้องตากับแม่นางน้อยในตัวอำเภอคนหนึ่งเข้า ทั้งฝ่ายตรงข้ามยังเรียกสินสอดแพงนัก เขาจึงจำเป็ต้องออกมาทำการค้าเล็กๆ น้อยๆ เพื่อหาเงิน
ชายชราลูบๆ คลำๆ ตรงหน้าที่นอนของเด็กชาย ยามนี้ย่างเข้ายามสาม ยามที่ทุกคนหลับลึกที่สุดพอดี
ชาที่ดื่มไปก็ทำให้เขากระปรี้กระเปร่าจนถึงบัดนี้
ยามย่องมาก็ราบรื่นนัก ไม่มีใครตื่นขึ้นมาสักคน ทว่าขณะที่เขากำลังยื่นมือออกไปหมายจะหยิบสัมภาระของเด็กชาย มือของเขาก็พลันถูกรวบไว้
มือผอมแห้งยื่นออกมารวบมือของเขาไว้ เขารู้สึกราวกับว่าถูกโครงกระดูกจับมือไว้ก็ไม่ปาน ช่างชวนให้ขนหัวลุกนัก
เขาใเสียจนสามจิตเจ็ดิญญาของตนแทบจะแตกฉานซ่านเซ็น
ทว่าเมื่อมองไปก็เห็นว่าเ้าของมือที่ยืนมารวบมือเขาไว้ ยังไม่แม้แต่จะลืมตาขึ้นมองว่าเขาคือใคร
เขาออกแรงสลัดมือออก ก่อนจะแบกร่างที่เปรอะเปื้อนไปด้วยปัสสาวะจากความใของตนกลับไปยังที่นอนของเขา เห็นว่าบนข้อมือตนยังมีรอยช้ำจากแรงบีบที่ยังไม่หายไป เกรงว่าหากเขาไม่รีบหนีกลับมายังที่ของตน ข้อมือของเขาคงจะถูกบีบจนแหลกเป็แน่
เขายิ่งคิดก็ยิ่งขวัญผวา ฟ้ายังไม่ทันสางเขาก็รีบเก็บสัมภาระแล้วรีบร้อนจากไปทันที
เด็กชายร่างอวบอ้วนยังคงหลับสบาย ชายชราข้างกายก็ยังคงมีท่าทีเหมือนหลับอยู่
ฟ้าสว่างแล้ว
เฉินโย่วอ้าปากกว้างหาวออกมาพร้อมทั้งยืดเหยียดแขนทั้งสองข้างอยู่หน้าทางเข้าโรงเตี๊ยม
ยามที่นางกำลังหาวอย่างสบายอกสบายใจอยู่นั้น สายตาก็เหลือบไปเห็นน้าหลัวของนางที่กำลังเดินมา
ปากที่ยังอ้ากว้างของนางก็พลันหุบลงทันใด
ทว่าก็ไม่ทันการแล้ว น้าหลัวของนางดันหันมาเห็นเสียแล้ว
“ข้าบอกเ้าแล้วว่ายามอยู่ด้านนอกห้ามทำเช่นนี้”
“ข้าผิดไปแล้ว น้าหลัว ข้ารับรองเลยว่าต่อไปจะไม่ทำเช่นนี้อีก ทว่ายามนี้ด้านนอกก็ไม่เห็นมีใครนี่” เฉินโย่วยิ้มแป้นออดอ้อนแม่นางหลัว
แม่นางหลัวมองเด็กหญิงตรงหน้าที่แต่งกายอย่างบุรุษ กล่าววาจาออกมาอย่างไม่อ้อมค้อมแม้แต่น้อย ราวกับว่าเดิมทีนางก็เป็คุณชายแสนซนคนหนึ่ง ภาพนี้ดูแล้วก็รู้สึกว่าน่ามองนัก แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกว่าเ้าเด็กตรงหน้านางนี้ช่างหน้าไม่อายโดยแท้
เมื่อเห็นท่าทางออดอ้อนของเฉินโย่ว ใจนางก็อ่อนยวบจนเลอะเลือน มิอาจหักใจสั่งสอนเด็กหญิงอย่างโหดร้ายได้
เ้าเด็กคนนี้ระหว่างทางก็สร้างเื่ไปไม่น้อย ตลอดเส้นทางก็จัดการเหล่าโจรเสียจนอกสั่นขวัญแขวนไปหมด ทั้งยังสร้างตำนานวีรบุรุษชุดขาวอะไรนั่นขึ้นมาให้ผู้คนเล่าลือกันอีก
เคราะห์ดีที่นางเป็เพียงเด็กหญิงคนหนึ่ง หากว่าเป็เด็กชายจริงๆ ในอนาคตก็ไม่รู้ว่าจะไปสร้างหายนะให้สตรีบ้านอื่นอีกมากเท่าใด
ยามนี้ผมของเฉินโย่วยาวขึ้นเล็กน้อย ผมจุกบนศีรษะก็ไม่ชี้ไปคนละทิศละทางเช่นดอกไม้บานดังเมื่อก่อน ผมยาวเรียงสลวยเป็ระเบียบ ด้านหน้ายังเผยให้เห็นหน้าผากแบบคนงาม
ยามยิ้มแย้ม ทั้งคิ้วและตาก็ล้วนแต่โค้งขึ้นราวกับจันทร์เสี้ยว
แก้มทั้งสองข้างยังมีลักยิ้มบุ๋มลงไป
ใบหน้าน้อยๆ นี้เพียงแค่มองก็ทำให้ผู้คนรู้สึกสบายอกสบายใจ
แม่นางหลัวที่ไม่อาจหักใจโกรธนางลง ได้แต่ยื่นมือออกมาหยิกแก้มเด็กหญิงเบาๆ
แก้มยุ้ยๆ ของนางนุ่มเสียจนทำให้คนเคลิบเคลิ้ม
แม่นางหลัวเมื่อได้หยิกแก้มเด็กหญิงด้วยความมันเขี้ยวจนหนำใจแล้วก็เดินขึ้นรถม้า กลับมาวางท่าเช่นสตรีสูงศักดิ์ดังเช่นที่ผ่านมา
การเดินทางครั้งนี้ไม่นับว่าเร็วนัก ด้วยเพราะต้องรับมือกับเหล่าโจรที่โผล่มาไม่ขาดสาย ทั้งยังถือโอกาสช่วยปรับเส้นทางการค้าไปด้วยในคราวเดียว
ยามเพิ่งออกเดินทางยังมีคนร่วมขบวนมาด้วยมากมาย ทว่าเมื่อเดินทางไปจนใกล้จะถึงเมืองหลวงก็เหลือคนอยู่ไม่มากเท่าไรแล้ว
แม้ภายนอกพวกเขาจะดูเอ้อระเหย ทว่าความจริงแล้วกลับวุ่นวายนัก
นอกจากความงุนงงในตอนแรกแล้ว ชาวบ้านจากหมู่บ้านไป๋กู่ไม่นานก็เริ่มจะรู้งาน แล้วเริ่มลงมือทำงานกันทันที
เสี่ยวอู่และเฉินโย่วรับหน้าที่เก็บกวาดเหล่าโจรบนเส้นทาง
โดยเฉินโย่วจะคอยออกหน้าก่อนเป็หลัก จากนั้นจึงให้เสี่ยวอู่คอยจัดการตามหลัง
ด้วยเหตุนี้เฉินโย่วจึงมีชื่อเสียงขึ้นมา
ส่วนอาลู่ตลอดเส้นทางก็เอาแต่หมกมุ่นกับการจัดตั้งหน่วยลาดตระเวนใหม่อีกครั้ง
อาสวินมีความสามารถด้านการคำนวณ จึงช่วยคำนวณการจัดวางคนบนเส้นทางว่าควรจัดวางกำลังไว้ตรงไหนจึงจะมีประสิทธิภาพที่สุด
ทั้งยังต้องจดราคาที่แตกต่างกันของสินค้าในพื้นที่ต่างๆ และพิจารณาสถานการณ์การขายอาวุธกู่และผ้าทอจากหมู่บ้าน โดยทั้งหมดมีนายท่านสามคอยวางแผนและจัดการ
ราชครูมีหน้าที่หลักคือเป็วัตถุมงคลประจำขบวน ตลอดการเดินทางเขาแทบจะไม่ปรากฏตัวให้ใครเห็น เพราะคาดว่าสาเหตุที่เหล่าโจรบุกเข้ามาเช่นนี้ก็น่าจะเป็เพราะตน ดังนั้นจึงได้รู้สึกสำนึกผิดนัก
เป็เช่นนี้ไปเรื่อยๆ จวบจนขบวนของพวกเขาเคลื่อนตัวอย่างเอื่อยเฉื่อยไปจนถึง…วัดร้างแห่งหนึ่ง
พวกเขารีบออกเดินทาง ดังนั้นฟ้ายังไม่ทันสว่างก็เร่งเคลื่อนขบวนกันแล้ว
จนเมื่อมาถึงวัดแห่งนี้ พระอาทิตย์ก็เพียงเพิ่งจะพ้นขอบฟ้า
เหล่าคนที่ค้างแรมในวัดก็ล้วนแต่เร่งเดินทาง ฟ้ายังไม่ทันสว่างก็ล้วนจากไปเกือบหมดแล้วเช่นกัน
ทว่าเด็กหนุ่มตัวขาวอวบอ้วนหลับลึกนัก
ไม่ว่าจะให้บ่าวกี่คนมาปลุก เขาก็เพียงกลิ้งไปกลิ้งมา ไม่ยอมตื่น
บางครามือก็ถอนต้นหญ้าด้านข้างขึ้นมาโยนใส่ปาก
บ่าวชราเห็นเช่นนั้นก็ปวดใจ จึงไม่ได้บังคับให้เขาตื่นนอน ได้แต่จัดสัมภาระอยู่อีกด้านขณะเดียวกันก็เตรียมลงมือทำอาหารเช้า
เดิมทีบ่าวชราที่น่าเวทนาเป็ถึงขันทีระดับสูงในวังหลวง เขาได้รับพระบัญชาจากฮ่องเต้และฮองเฮาให้ตามองค์ชายน้อยออกมาเล่าเรียน ดังนั้นกระทั่งอาหารเช้าก็ยังต้องเป็เขาที่ต้องลงมือทำ
ทว่าเขาทำอาหารเป็ที่ไหนกันเล่า ยามนี้จึงจุดฟืนจุดไฟจนควันโขมงไปทั้งวัด โจ๊กที่ต้มเอาไว้ไม่ยอมสุกเสียที
เมื่อมองจากด้านนอกก็ดูราวกับว่าวัดแห่งนี้กำลังเกิดไฟไหม้อยู่ก็ไม่ปาน
เฉินโย่วมาถึงวัดก่อนใคร จึงได้เห็นว่าท่ามกลางวัดที่ควันโขมงไปทั่วทุกหนทุกแห่ง มีชายชราร่างผอมกำลังอุ้มเด็กชายตัวอวบอ้วนคนหนึ่งออกมา
